บทที่ 18 ขอคำปรึกษา
“สวัสดีค่ะ บ้านพิทักษ์ทรัพย์ค่ะ.. อยู่ค่ะ จะให้เรียนว่าจากไหนคะ.. คุณนิดน้องสาวคุณแก้วเหรอคะ.. ค่ะ รอสายสักครู่นะคะ” สาวใช้ถือโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายไปหาคุณผู้หญิงของบ้าน “คุณผู้หญิงคะ คุณนิดน้องสาวคุณแก้วต้องการคุยสายด้วยค่ะ”
“หนูนิดต้องการคุยกับฉันเหรอ” ยุพามองหน้าสามีและลูกชายคนเล็กก่อนจะวางช้อนส้อมแล้วรับโทรศัพท์มากรอกเสียงลงไป “สวัสดีจ้ะหนูนิด.. ไม่รบกวนหรอกจ้ะ คุยได้.. ตอนกลางวันนี้เหรอจ๊ะ.. ได้สิไม่มีปัญหา มาเลยจ้ะ ดีเสียอีกแม่จะได้มีเพื่อนทานข้าวด้วย.. จ้ะหนู เที่ยงนี้เจอกันนะ.. สวัสดีจ้ะ”
“หนูนิดโทรมาทำไมครับคุณแม่” ราชถามมารดาเมื่อท่านส่งโทรศัพท์คืนให้สาวใช้เรียบร้อยแล้ว
“เธอโทรมานัดพบแม่กลางวันนี้ บอกว่ามีเรื่องจะขอคำปรึกษา”
“เรื่องอะไร เธอบอกหรือเปล่า” บันเทิงถามภรรยาแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“ถ้าโทรนัดคุณแม่แบบนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องพี่รามกับหลานหรอกครับ เพราะถ้าเป็นเรื่องอื่นหนูนิดเธอคงไม่มาขอคำปรึกษากับคุณแม่แน่”
“หรือว่าเธอจะรู้เรื่องแล้ว” ยุพาหลุดปากพูดออกมา
“เรื่องอะไรครับ / เรื่องอะไรหรือคุณ” พ่อกับลูกชายถามออกมาพร้อม ๆ กัน
“คุณแม่ครับ อย่าปิดบังพวกเราเลยนะครับ” ราชดักคอ
“ก็เมื่อหลายวันก่อนแม่แวะไปเยี่ยมหลานมา เสร็จแล้วก็โทรไปหาพี่ชายของเรา ก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบพี่เขานั่นแหละ แล้วแม่ก็เผลอพูดถึงเรื่องแต่งงานใหม่กับพี่ชายของเราไป...”
“แล้วตารามเขาว่าอย่างไรบ้าง” สามีถามภรรยา เขาไม่เห็นด้วยที่ภรรยาไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของลูกชายคนโตนัก แต่ก็รู้ว่าที่เธอทำไปทั้งหมดเพราะความหวังดี จึงไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไร
“ลูกบอกว่าจะลองเอาไปคิดดูค่ะคุณ”
“แล้วคุยอะไรกันอีกครับคุณแม่”
“ก็.. ก็ไม่มีอะไรแล้ว แม่ก็วางหูจากพี่ชายของลูกแค่นั้น”
“แน่ใจเหรอครับ” มารดาของเขามีพิรุธ อาจจะเป็นเพราะว่าเคยรับปากเขาไว้แล้ว ท่านจึงแสดงท่าทางกังวลออกมาชัดเจนเมื่อทำผิด
“แน่สิจ๊ะ ลูกอย่ามาเค้นแม่แบบนี้สิ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ก็เล่ามาให้หมดสิครับ”
“หมดแล้ว แม่เล่าไปหมดแล้ว” ยุพาทำเสียงแข็งเพื่อสยบลูกชายซึ่งก็ได้ผล เขาอ่อนลงไปทันที
“แสดงว่าพี่รามต้องเผลอเอาเรื่องนี้ไปพูดให้หนูนิดฟังแน่ ๆ บางทีหนูนิดมาวันนี้อาจจะมาถามความจริงกับคุณแม่ก็ได้นะครับ ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่พี่สาวของเธอเพิ่งจะจากไปไม่นาน” ราชยอมอ่อนให้มารดา แต่ก็ทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยการพูดให้ท่านรู้สึกผิด
“ชีวิตของคนเป็นต้องดำเนินต่อไปนะตาราช แม่คิดว่าหนูนิดจะต้องเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่และย่าจ้ะ”
“ถ้าหนูนิดเธอมาพูดเรื่องนี้จริง ๆ แล้วเธอคัดค้านไม่เห็นด้วย คุณก็บอกให้หนูนิดแต่งกับตารามไปเลยสิ”
“ฉันมีตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าแล้วคุณก็รู้นี่คะ”
“หนูแพรไม่เหมาะสมกับตารามเท่าหนูนิดหรอกคุณยุพา คุณต้องมองให้ทะลุถึงแก่นแท้ อย่ามองแค่ความชอบของตัวเองเป็นใหญ่สิ” บันเทิงพูดกับภรรยาอย่างใจเย็น “เธอก็เป็นน้าแท้ๆ ของหลานเรา ถ้าเรากล่อมให้พวกเขาแต่งงานกันได้ คนที่โชคดีที่สุดก็คือหลานของเรานะ คุณลองคิดดูให้ดีว่าผมพูดถูกไหม”
“คุณคิดถึงแต่หลาน แล้วตารามล่ะคะ” ยุพาเห็นต่างกับสามี
“แล้วคุณลองคุยกับลูกหรือยังล่ะ ถ้าคุยแล้วเขาไม่เห็นด้วยเราค่อยคิดถึงหนูแพรเป็นอันดับต่อไปไม่ดีกว่าเหรอ”
“ผมก็เห็นด้วยกับคุณพ่อนะครับ ถ้าพี่รามไม่แต่งงานกับหนูนิดผมจะแต่งแทนเอง ผู้หญิงอย่างหนูนิดถ้าปล่อยให้หลุดมือไปก็เกย์แล้วครับคุณแม่”
“ลูกชอบหนูนิดเหรอ” ยุพาถามลูกชายคนเล็กด้วยท่าทางตกใจ
“ชอบมากเลยครับคุณแม่ แต่แค่ชอบนะครับยังไม่ได้รัก”
“ไม่ได้รักแล้วจะแต่งทำไม”
“ทีพี่รามคุณแม่ยังอยากให้เขาแต่งงานเลยนี่ครับ ผมอยากแต่งบ้างมันผิดตรงไหน คุณแม่บอกเองไม่ใช่เหรอครับ อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
ยุพาได้แต่เม้มปากด้วยความกลัดกลุ้ม เถียงลูกชายไม่ออกสักคำ เพราะที่เขาพูดมานั้นมันเป็นคำพูดของนางทั้งหมด
“เอาไว้แม่คุยกับหนูนิดเที่ยงนี้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าเธอคุยเรื่องนี้จริง ๆ แม่จะลองเสนอไปตามนี้ก็แล้วกัน”
“ดีครับคุณแม่ เชื่อผมเถอะครับว่าหนูนิดนี่แหละเหมาะสมกับพี่รามที่สุดแล้ว”
“คุณทำถูกแล้วนะยุพา คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเลือกทำในสิ่งที่เหมาะสมแก่ลูกมากที่สุด ไม่ใช่เลือกทำตามใจตัวเอง”
“ฉันเข้าใจค่ะ” เธอไม่น่าปากไวพูดกับพินแพรไปเลย ถ้าหนูนิดตอบตกลงขึ้นมาจริง ๆ เธอจะโดนถอนหงอกไหมนะ
ห้องทำงานของราม
(พี่รามคะ แพรโทรไปจองโต๊ะให้แล้วนะคะ ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งถึงเที่ยง ถ้าไปไม่ทันทางร้านขอยกเลิกนะคะ)
“ขอบใจมากจ้ะ” รามกดตัดสัญญาณอินเตอร์คอมแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหามารดา
(ว่าไงจ๊ะลูกรัก)
“ทำอะไรอยู่ครับคุณแม่”
(กำลังให้แจ่มล้างเล็บอยู่จ้ะ ทำไมวันนี้โทรหาแม่แต่วันเลยล่ะลูก ว่างงานเหรอจ๊ะ)
“ไม่ว่างหรอกครับ แต่จะโทรมานัดเดตกับคุณแม่มื้อกลางวันนี้ต่างหากล่ะครับ”
(จริงเหรอลูก)
“จริงสิครับ”
(แต่วันนี้แม่มีนัดแล้ว เสียดายจังเลยจ้ะ)
“นัดกับใครครับ”
(แม่จะบอกลูกดีไหมน้า)
“พูดแบบนี้ผมชักสงสัยแล้วสิครับ ใครกันครับที่นัดคุณแม่ตัดหน้าผม”
(แม่บอกก็ได้จ้ะ เพราะแม่เชื่อใจลูกชายของแม่)
“สัญญาครับว่าจะปิดปากให้สนิท จะไม่บอกคุณพ่อเด็ดขาด” พูดกลั้วหัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้หยอกเย้ามารดา
(แม่มีนัดกับหนูนิดเขาจ้ะ)
“หือ!” คำตอบของมารดาสร้างความประหลาดใจให้เขาไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “หนูนิดโทรไปหาคุณแม่เหรอครับ”
(จ้ะ เธอโทรมาหาแม่เมื่อเช้านี้ ขอนัดทานข้าวเที่ยงกับแม่)
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมขอจองตัวคุณแม่เป็นพรุ่งนี้แทนนะครับ”
(ได้จ้ะลูกรัก เดี๋ยวแม่จะจดเอาไว้เลยว่าพรุ่งนี้มีนัดกับลูกชายสุดที่รัก ไม่รับนัดใครทั้งสิ้นแม้แต่กับคุณพ่อ)
“ครับคุณแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ขอให้ทานข้าวมื้อเที่ยงอย่างอร่อยนะครับ”
(จ้ะลูก)
“พรุ่งนี้ผมโทรหาใหม่นะครับคุณแม่”
(จ้ะลูก)
รามกดตัดสัญญาณจากมารดาแล้ววางโทรศัพท์ลง ชูสองมือขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ ในที่สุดเธอก็ตกหลุมพรางของเขาแล้ว เขากดเบอร์ภายในที่เครื่องอินเตอร์คอม
“แพรเปลี่ยนวันจองเป็นพรุ่งนี้เวลาเดิมนะ วันนี้คุณแม่พี่ท่านไม่ว่าง”
(ค่ะพี่ราม)
ตัดสัญญาณจากเลขาแล้วเขาก็นั่งทำงานต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเรื่องของน้องเมียที่เวียนวนอยู่ในสมอง จนกระทั่งสิบเอ็ดโมงครึ่งจึงลุกออกไปจากห้องทำงาน
“พี่จะออกไปข้างนอก อาจจะไม่ได้กลับเข้ามาแล้วนะ”
“ค่ะ พี่รามจะไปไหนคะ เผื่อมีลูกค้าถามแพรได้ตอบถูก”
“พี่จะไปหาคุณแม่”
“ค่ะ” พินแพรก้มหน้าเก็บซ่อนความดีใจ คุณแม่ของเขาอาจจะเรียกเขาไปพบเรื่องที่เคยคุยกับเธอเอาไว้