บทที่ 19 ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน
บ้านพิทักษ์ทรัพย์
“ขอบใจนะลูกที่อุตส่าห์พาหลานมาหาย่าด้วย” ยุพาบอกกับสิริญ่าขณะที่ในมือนั้นอุ้มหลานชายตัวน้อยเอาไว้ “หลานย่าทำไมหน้าเป็นแบบนี้นะ น่าเกลียดจริงเชียว”
“น้องกายเพิ่งจะยิ้มเป็น นิดอยากให้คุณแม่เห็นค่ะก็เลยพามาด้วย น้องกายถามคุณย่าสิครับว่าน้องกายยิ้มสวยไหมครับคุณย่า” สิริญ่าพูดกับหลานที่ถูกผู้เป็นย่าอุ้มแนบอกเอาไว้
ยุพาไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไป นางมองหญิงสาวไม่วางตา มองแววตาที่แสดงออก ฟังคำพูดที่เธอใช้กับหลานชาย แม้กระทั่งตอนที่เธออุ้มหลานชายเข้ามาในบ้านนางก็ยังสังเกต ถึงแม้จะไม่แน่ใจเต็มร้อย แต่เท่าที่เห็นด้วยสายตาของตัวเอง นางบอกได้เลยว่าเธอนั้นรักและใส่ใจหลานชายมาก ๆ
“ขอบใจหนูนิดมากนะลูก ที่ดูแลหลานให้แม่ได้ดีขนาดนี้ แม่ดีใจนะที่เขาไม่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว”
สิริญ่าคลี่ยิ้มละมุน แล้วยื่นปากจุ๊บที่ปากเปื้อนน้ำลายของหลานชายอย่างไม่รังเกียจ “นิดไม่มีวันทิ้งหลานของนิดหรอกค่ะ นิดให้สัญญาต่อหน้าโลงศพของพี่แก้วเอาไว้แล้ว ว่านิดจะอยู่ดูแลเขาไปจนเขาโตเป็นผู้ใหญ่และมีครอบครัวเลยค่ะคุณแม่”
“หนูนิดไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้นะ แม่เชื่อว่าตารามจะดูแลลูกชายได้ดี”
“แล้วนิดจะเชื่อได้ไหมคะว่าถ้าพี่รามแต่งงานแล้วจะไม่มีลูกใหม่อีก นิดขอโทษนะคะที่ต้องใช้คำพูดแรง ๆ แต่นิดไม่เชื่อใจแม่เลี้ยงทุกคนค่ะ”
“แล้วหนูนิดจะทิ้งความสวยความสาวของตัวเองไปกับหลานแบบนี้ หนูคิดว่ามันคุ้มแล้วเหรอลูก”
“ไม่มีอะไรมีค่ามากไปกว่าหลานของนิดคนนี้แล้วค่ะ หลานของนิดไม่มีแม่ นิดจะเป็นทั้งแม่และน้าคอยดูแลเขาเองค่ะ”
“หนูนิด” ยุพาน้ำตาซึมกับความรักที่หญิงสาวมีให้หลานชาย “เราไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องนี้ดีไหม” นางส่งหลานชายให้กับอรสาเป็นผู้ดูแลต่อ แล้วพาสิริญ่าไปที่ศาลาติดแอร์กลางสวนดอกไม้ “ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วใช่ไหม”
“เสร็จพอดีค่ะคุณผู้หญิง” สาวใช้ที่เปิดประตูกระจกออกมาจากศาลาเรือนกระจกพอดี ตอบคำถามของเจ้านายอย่างนอบน้อม
“ถ้ามีโทรศัพท์ถึงฉันให้เขาทิ้งชื่อและเบอร์ติดต่อกลับเอาไว้นะ”
“ค่ะคุณผู้หญิง” สาวใช้รับคำ รู้ทันทีว่าเจ้านายไม่ต้องการให้ใครรบกวน จึงเดินไปบอกให้คนรับใช้คนอื่น ๆ รับรู้ และทำตามอย่างเคร่งครัด
“แม่ไม่รู้ว่าหนูชอบทานอะไรบ้าง แม่ก็เลยทำอาหารที่ชาวต่างชาตินิยมทานกันเป็นหลัก”
“หนูทานไม่ยากหรอกค่ะคุณแม่ ยิ่งถ้าเป็นอาหารสุขภาพก็ยิ่งชอบค่ะ”
“ลองทานฝีมือแม่บ้านของแม่ดูบ้างนะ ว่าจะอร่อยเหมือนที่บ้านโน้นหรือเปล่า”
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วเริ่มรับประทานอาหารที่จัดวางไว้อย่างสวยงาม “อร่อยมากเลยค่ะคุณแม่ รสชาติคล้าย ๆ กับป้าศรีทำเลยค่ะ”
“แน่สิจ๊ะ ก็แม่บ้านของบ้านแม่เป็นน้องสาวของศรีเขานี่จ๊ะ”
“แสดงว่าเป็นน้าของพี่อรสิคะ”
“ใช่จ้ะ แต่ไม่ใช่น้าแท้ๆ หรอก เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน” ยุพาคุยกับหญิงสาวไปตลอดมื้ออาหารจนอิ่ม จึงลุกไปชงกาแฟสดที่สาวใช้เตรียมตั้งกาเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“หนูชงให้ไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ แม่ชอบทำเองมากกว่า แม่ดื่มทีละมากบ้างน้อยบ้างตามอารมณ์ คนอื่นชงไม่ถูกใจแม่หรอก แล้วหนูจะดื่มอะไรดีล่ะ กาแฟหรือโกโก้ นมสดก็มีนะลูก”
“ไม่รับดีกว่าค่ะ แค่น้ำหวานแก้วนี้ก็ชื่นใจแล้ว” ชี้แก้วทรงสูงที่มีน้ำหวานสีแดงรสชาติกำลังดี
“หนูยังไม่ได้บอกแม่เลยนะว่ามีธุระอะไรกับแม่” ยุพากลับมานั่งพร้อมกาแฟหอมกรุ่นไม่ถึงครึ่งแก้ว
หญิงสาวมองหน้ามารดาของพี่เขย “หนูอยากทราบความคิดเห็นของคุณแม่เรื่องพี่รามค่ะ”ความมั่นใจที่เป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอไม่ลังเลที่จะพูดออกไป
“เรื่องอะไรเหรอหนู”
“คุณแม่อยากให้พี่รามแต่งงานใหม่ไหมคะ”
“ทำไมถึงถามแม่แบบนี้ล่ะหนูนิด”
“หนูขอโทษนะคะถ้าคำถามของหนูทำให้คุณแม่ไม่พอใจ” เธอกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้สตรีตรงหน้าอย่างลุแก่โทษ “แต่นิดอยากทราบความคิดเห็นของคุณแม่จริง ๆ ค่ะ”
“ถ้าหนูอยากรู้จริง ๆ แม่ก็จะไม่อ้อมค้อม” ยุพาจิบกาแฟเล็กน้อย “แม่อยากให้รามเขาแต่งงานใหม่นะ รามเขาอายุยังน้อย จะให้เขาครองตัวเป็นโสดไปตลอดชีวิต แม่ว่ามันไม่ถูกต้องนักหรอกหนู”
“แล้วคุณแม่เคยคิดถึงน้องกายบ้างไหมคะ เรื่องแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง”
“คิดสิหนู คิดเยอะด้วย น้องกายก็เป็นหลานของแม่เหมือนกันนะหนูนิด แม่ถึงอยากให้รามเขาแต่งงานกับคนที่แม่เป็นคนเลือกให้ยังไงล่ะ”
“แล้วคุณแม่คิดยังไงกับพี่แก้วคะ”
สตรีสูงวัยมองหญิงสาวที่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนั้นอย่างเห็นใจ นางลุกจากที่นั่งตรงข้ามไปนั่งลงใกล้ๆ กับเธอ จับมือเรียวนั้นมากุมไว้อย่างอ่อนโยน
“แม่เข้าใจความรู้สึกของหนูนะ แต่ที่แม่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะแม่ลืมหนูแก้วหรอกนะ แม่รักหนูแก้วเหมือนลูกของแม่คนหนึ่งเหมือนกัน แต่คนเราจะจมอยู่กับอดีตไม่ได้ ถึงแม้อดีตจะสำคัญแค่ไหนเราก็ก้าวต่อไปนะหนู ทุกอย่างที่แม่ทำไปก็เพื่อลูกเพื่อหลานของแม่ ลูกของแม่จะได้มีคนคอยดูแล หลานของแม่จะได้มีแม่เหมือนคนอื่นเขา หนูคิดว่าแม่ทำผิดไหมล่ะ ถ้าสิ่งที่แม่ทำมันผิดหนูก็แย้งมาได้เลยนะ”
“คุณแม่ไม่ผิดหรอกค่ะ หนูผิดเองก็ไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น” ที่ท่านพูดก็มีเหตุผลของท่าน สิ่งที่เธอคิดก็มีเหตุผลของเธอ ท่านมองอนาคตของลูกและหลาน ส่วนเธอมองอนาคตของหลานเพียงคนเดียวเท่านั้น “แล้วคุณแม่มองใครไว้เป็นพิเศษบ้างหรือยังคะ”
“... ก็มีนะ แต่ตอนนี้แม่นึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาบ้างแล้ว” มือที่มีริ้วรอยแห้งกร้านตามกาลเวลาอยู่บ้างกุมมือหญิงสาว “ถ้าหนูรักหลานและอยากอยู่กันหลานไปจนเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่จนมีครอบครัว หนูรับลูกชายแม่ไว้อีกสักคนไม่ได้เหรอลูก” ตีเหล็กมันก็ต้องตีตอนร้อนนี่แหละถึงจะเห็นผล นางจึงไม่รอช้า อาศัยโอกาสที่กำลังซาบซึ้งนี้ยื่นข้อเสนอออกไป