5 ปีผ่านไป
“ถึงแล้วครับท่าน”
เสียงเลขาคนสนิทที่มีนามว่าเชนทร์บอกกับมาเฟียหนุ่มที่เอนหลังพิงกับผนังเบาะรถหรูเพื่อพักสายตาจากการเดินทางที่แสนจะยาวนาน ด้วยรถยนต์แทนที่จะเป็นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว
“อืม”
อันเดรียส่งเสียงรับทราบในลำคอ ก่อนที่จะเปิดเปลือกตาแล้วก็พบว่าตรงหน้านั้นเป็นหาดทรายขาวสะอาดพร้อมน้ำทะเลสีฟ้าใสอย่างที่เขาต้องการจะมา ห้าปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีก หลังจากผันตัวเองบนเส้นทางมาเฟียอย่างเต็มตัว และเขาก็ไม่เคยคิดว่าจะกลับมาเหยียบที่นี่อีกหากไม่ใช่เพราะคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับยายชมพูตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
‘ยายอยากเห็นหลานของยายเป็นคุณหมอ สักวันอันจะต้องรักษาคนไข้ที่ขาดโอกาสไม่มีเงินไปรักษาที่โรงพยาบาลแพงๆ อันสัญญากับยายได้ไหมว่าจะทำความฝันของยายให้สำเร็จ’
‘ผมสัญญาครับคุณยาย’
เพราะแบบนี้เลยเป็นเหตุให้เขาต้องหวนกลับมาเดินบนเส้นทางการแพทย์อีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับยายเรื่องเป็นหมอ แต่อย่างน้อยเขาก็จะสร้างโรงพยาบาลที่ดีที่สุดไว้สำหรับทำการรักษาคนไข้ที่ขาดโอกาสแบบครบวงจร ตามที่ยายชมพูได้ขอเอาไว้
“ทำเลสวยดีนะครับท่าน ถ้าเราสร้างโรงพยาบาลที่นี่คนไข้ก็จะได้รับการรักษาแถมยังได้บำบัดจิตใจอีกด้วยนะครับ”
เชนทร์แสดงความเห็นหลังจากที่เดินตามเจ้านายสำรวจดูรอบๆเกาะมาพักใหญ่ แล้วก็พบว่าทะเลที่นี่สวยไม่แพ้เกาะเมาดิฟซึ่งเป็นโรงแรมหนึ่งในเครือที่อยู่ในความดูแลของเจ้านายหนุ่มเลย หากคนไข้ที่ได้มารับการรักษาที่นี่ก็ไม่ต่างจากการมาเที่ยวพักผ่อนไปในตัว
“แล้วนี่ทีมสถาปนิกที่เรานัดมาถึงหรือยัง”
อันเดรียไม่ได้ปฏิเสธเรื่องทำเลของที่นี่ แต่กลับย้อนถามถึงทีมสถาปนิกที่นัดมาคุยงานกันวันนี้ ซึ่งอันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายนี้คอยดูแลอยู่แล้ว เพียงแค่เขานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเฉยๆแล้วตวัดปากกาลงบนเอกสารทุกอย่างก็จะถูกเนรมิตได้ด้วยอำนาจเงิน
แต่ที่ต้องมาคุมงานด้วยตัวเองก็เพราะคิดถึงยายชมพู และอีกอย่างสถานที่แห่งนี่ก็เป็นสถานที่ลอยอังคารของยาย เขาเลยอยากจะสร้างโรงพยาบาลที่นี่และให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ฉะนั้นเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนกระทั่งสิ้นสุดกระบวนการก่อสร้าง เพื่อให้ยายได้ภูมิใจในตัวของเขาแม้ท่านจะอยู่บนสวรรค์แล้วก็ตามที
“ถึงแล้วครับท่าน ตอนนี้พวกเขารออยู่ที่โรงแรม”
“งั้นไปที่โรงแรมเลย”
อันเดรียออกบอกก่อนที่จะขึ้นรถหรูซึ่งมีคนขับรถในชุดสูทเรียบสีดำสนิทวิ่งมาเปิดให้อย่างรู้งาน และไม่นานทั้งสองก็มาถึงโรงแรมที่หมาย จากนั้นก็ตรงไปยังห้องประชุมของโรงแรมที่ได้จองเอาไว้ล่วงหน้า
ทันทีที่ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก ทีมงานสถาปนิกนับสิบคนในห้องต่างก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับพร้อมยกมือไหว้ทักทายแบบไทยๆ
แต่การปรากฏตัวของมาเฟียหนุ่มรูปหล่อ หมาดขรึมสามารถสะกดทุกสายตาให้มองตาค้างเลยทีเดียว สูทสีดำพอดีตัวกับท่าทางน่าเกรงขาม ทุกการก้าวเดินมั่นคงและสง่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจนทีมสถาปนิกสาวแทบจะลืมหายใจไปตามๆกัน มือที่อยู่ในท่าไหว้ค้างไว้กระทั่งเสียงของหัวหน้าทีมดังขึ้นเรียกสติทุกคนให้กลับคืนมา
“สวัสดีครับคุณอันเดรีย”
เสียงทักท้ายจากหัวหน้าทีมซึ่งเป็นชายแอ๊บแมนกล่าวขึ้นหลังจากได้สติเป็นคนแรก ก่อนที่จะตามมาด้วยทีมงานคนอื่นๆ
“สวัสดีครับ ทำตัวตามสบาย”
ชายหนุ่มเอ่ยบอกทุกคนเมื่อเห็นอาการเกรงของทีมงานชัดเจน พร้อมกับกวาดสายตาคมกริบทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง
นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิท ขับเสน่ห์ดึงดูดอย่างรุนแรงแม้ในเวลาที่อยู่เฉยๆ ก็สามารถทำสาวๆใจละลายได้ สังเกตจากอาการอ้าปากค้าง ราวกับต้องมนต์สะกดของพวกหล่อนแวบแรกที่เห็นหน้าเขา สาบานได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้พวกหล่อนเป็นแบบนั้นแต่มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งอันเดรียก็ไม่สามารถปฏิเสธในเสน่ห์รุนแรงของตัวเองได้
‘ก็คนมันหล่อนี่ ทำไงได้’
นี่เป็นประโยคที่คริสเตียนพี่ชายคนรองของเขาชอบพูดเวลาที่สามพี่น้องไปไหนมาไหนด้วยกัน ซึ่งทุกครั้งที่เดินผ่านกลุ่มสาวๆมักจะมีสาวๆมองตามจนเผลอทำของในมือหล่นบ้าง หรือเดินชนเสาบ้าง แม้จะเป็นประโยคขำๆแต่พอเผชิญกับสถานการณ์จริง ก็ขำไม่ออกทุกที
“ผมอยากให้ทุกคนทำงานอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะเวลาหรือค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ หรือใช้บริการต่างๆของทางโรงแรม ทางเราจะออกให้หมด ขอแค่งานออกมาดีที่สุดก็พอ”
อันเดรียบอกจุดประสงค์ของตัวเองแต่ก็ทำให้ทีมงานอึ้งไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งหัวหน้าทีมสถาปนิก เพราะคิดไม่ถึงว่าลูกค้าจะขอออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทีมงานให้ เพราะการเข้าพักโรงแรมนี้คืนหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่าห้าหลักต่อห้อง ซึ่งทีมงานที่ขนมาจากกรุงเทพฯเกินสิบคนและไหนจะสวัสดิการต่างที่แสนจะแพงหูฉี่อีก เกิดมาก็เพิ่งจะเคยพบเคยเห็นลูกค้าที่ทุ่มไม่อั้นเพื่อให้งานออกมาดีแบบนี้
รวยอย่างเดียวไม่พอแบบนี้ต้องรวยโคตรถึงจะสามารถทำได้ แต่บังเอิญเขาทั้งหล่อและรวยมากนะสิ จึงทำให้ทุกอย่างราบรื่นไม่สะดุด แถมทีมงานยังแฮปปี้พร้อมทุ่มแรงกายแรงใจให้กับงานนี้ ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าทุ่มใจไปเต็มๆให้กับลูกค้าหนุ่มหล่อปานเทพบุตรตรงหน้าถึงจะถูก
การคุยงานที่เป็นกันเองและไม่กดดันทำให้เวลาล่วงเลยผ่านไปนานเกือบค่ำวัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ทีมงานสาวๆรู้สึกเบื่อเลยสักนิด เพราะในใจทุกคนภาวนาให้เวลาล่วงเลยผ่านให้ช้าที่สุดเพื่อจะยืดเวลาให้ได้แอบมองลูกค้าหนุ่ม ได้นานที่สุดนั่นเอง
“ขอบคุณทุกคนมากครับ ยังไงผมขอตัวก่อน”
เมื่อการคุยงานสิ้นสุดลง อันเดรียก็กล่าวกับทุกคนก่อนจะขอตัว ซึ่งสาวๆต้องลอบถอนหายใจด้วยความเสียดาย ไม่เคยมีการคุยงานไหนที่มีความสุขเท่านี้มาก่อน นั่นเป็นสิ่งที่สาวๆทุกคนต่างพูดกับตัวเองในใจ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณอันเดรีย”
เสียงทีมงานสาวคนหนึ่งที่รวบรวมความกล้าสุดพลังร้องทักไว้เมื่อเห็นชายหนุ่มจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
“ครับ”
“คุณอันเดรียจะกรุณาไปทานมื้อค่ำกับพวกเราได้ไหมคะ”
“เอ่อ…ครับ”
เหมือนจะครุ่นคิดครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็ตอบตกลง และนั่นทำให้สาวๆในห้องแทบจะกระโดดโล้ดเต้น และกรี๊ดเสียงดังๆออกมาทันที แต่กระนั้นทุกคนก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่อำนวย
“แล้วเจอกันนะคะ”
ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องพร้อมเลขาคนสนิท
และแล้วมือค่ำก็มาถึง ทีมงานทุกคนต่างพร้อมหน้ากันที่ห้องอาหารของโรงแรมโดยเสื้อผ้าหน้าผมของแต่ละคนมาแบบจัดเต็มชนิดที่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้ตัวเองดูดีที่สุดในสายตาของอันเดรียลูกค้าหนุ่มสุดหล่อ และรวยมาก
“หนูขอโทษนะคะที่มาช้า”
วันใหม่หย่อนก้นลงบนเก้าอี้พร้อมยกมือไหว้ขอโทษทีมงานรุ่นพี่ทุกคนที่มาไม่ทันคุยงาน เพราะติดเสนองานกับลูกค้าอ**บริษัทในเมือง แต่หลังจากคุยงานเสร็จก็ต้องรีบตามทุกคนมาทีหลัง
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่ได้ห้องหรือยัง”
“ยังค่ะ”
วันใหม่ส่ายหัวเพราะพอมาถึงเธอก็รีบตรงมาที่ห้องอาหารเลย เมื่อรู้ว่าทุกคนกำลังรออยู่ แม้แต่กระเป๋าเดินทางก็ยังฝากไว้ที่ล็อปปี้ เธอได้บอกกับพนักงานว่าจะมารับไปหลังทานอาหารเสร็จ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าทางบริษัทจองห้องไหนไว้ให้เธอ
“ไม่เป็นไร ไว้ทานอาหารเสร็จเราค่อยไปเปิดห้องกัน”
“เปิดห้อง หมายความว่าไงคะ”คิ้วงามเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ
เพราะตอนแรกเธอเข้าใจว่าทางบริษัทได้จองที่พักให้กับทีมงานทุกคนแล้วซะอีก เพราะทุกคนก็มาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว
“ก็หมายความว่าห้องใครห้องมัน สะดวกเข้าออกเมื่อไหร่ก็ตามนั้นเลยจ้า”
“แต่ค่าห้องโรงแรมนี้แพงมากเลยนะคะ ถ้าต่างคนต่างเปิดห้องแล้วบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายให้เราไหวเหรอคะ”
วันใหม่ย้อนถามด้วยความกังวล เพราะถึงแม้บริษัทที่เธอทำงานจะใหญ่โต และมีกำไรมหาศาลในแต่ละปี แต่ทางผู้บริหารคงไม่ใจดีให้พนักงานมาพักในที่แพงๆแบบนี้หรอก
“ไม่ต้องห่วงจ้า ลูกค้าเขาออกให้หมดแล้ว”
น้ำเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่สาวบอกด้วยน้ำเสียงสดใส ขณะที่ทำหน้าเพ้อละเมอหาลูกค้าที่เธอกำลังเอ่ยถึง
“พี่น้ำพูดเล่นใช่ไหมคะ โรงแรมนี้ค่าใช้จ่ายไม่ใช่ถูกๆ ดีไม่ดีเสร็จงานนี้ค่าใช้จ่ายอาจจะแพงกว่าค่าจ้างของพวกเราก็ได้นะ”
“พี่ไม่ได้พูดเล่น ถ้าไม่เชื่อก็ถามทุกคนดูสิ”
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อวันใหม่หันไปมอง ทุกคนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเพื่อนรุ่นพี่สาวไม่ได้พูดเล่น
“เขาคงรวยมากสินะ”
“ไม่ใช่แค่รวยอย่างเดียวนะ แต่หล่อม๊ากกกกกด้วย เดี๋ยวเจอแล้วก็จะรู้เองว่าพวกพี่ไม่ได้พูดปดแม้แต่ข้อเดียว”
สิ้นเสียงของน้ำ ทุกคนก็พร้อมใจกันพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่ต้องนัดหมาย