“วันใหม่”
อันเดรียเรียกชื่อคนรักสาวสุดเสียงด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ เมื่อเห็นเธอเดินเข้าโรงแรมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่เขายืน ชายหนุ่มวิ่งตัดหน้ารถไม่สนเสียงบีบแตรหรือสนความวุ่นวายบนท้องถนนที่แต่ละคันต้องเหยียบเบรคจนหัวทิ่ม พร้อมตะโกนด่าด้วยคำพูดหยาบคาย
สามเดือนที่เขาไม่ได้พบเจอเธอ และไม่สามารถติดต่อเธอได้ จนวันนี้เขาได้รับข้อความปริศนาจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามบอกว่าวันนี้ วันใหม่พร้อมครอบครัวจะมาทานอาหารที่โรงแรมแห่งนี้ เขาก็เลยรีบตามมา
และก็เป็นจริงเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าหวานที่เขาคิดถึงสุดหัวใจปรากฏตัวขึ้นพร้อมผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จัก สองชายหญิงต่างวัยเดินเคียงข้างพร้อมพูดคุยกันอย่างสนิทสนมราวกับมีความสุขเต็มที
แต่เมื่ออันเดรียวิ่งมาถึงล๊อบบี้ก็เห็นคนรักสาวขึ้นลิฟต์ไปกับชายคนดังกล่าวเสียแล้ว ตอนนี้ความคิดมากมายถาโถมเข้ามาจนรู้สึกสับสนไปหมด อันเดรียตั้งใจจะวิ่งตามขึ้นไปทางบันไดหนีไฟแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเท้าแทบจะทันที
“อ่าว! อันเดรียนี่”
เสียงหวานใสคุ้นๆ ทำให้อันเดรียที่หายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อยปนร้อนใจต้องหันมาทางต้นเสียง และก็ได้พบกับนางมารร้ายที่เขาอยากปรี่ไปหักคอเสียตอนนี้ให้ตายคามือ
สายตาเหยียดและมองเขาด้วยความสมเพชกับสภาพเหงื่อโชกของเขาตอนนี้ทำให้อันเดรียต้องกำหมัดแน่นระงับอารมณ์โมโหของตัวเองสุดขีด เพราะไม่อยากพลั้งมือทำร้ายร่างกายผู้หญิง
แต่เมื่อจะเปิดประตูบันไดหนีไฟ เจ้าหล่อนก็เรียกเขาไว้เสียก่อน หากสิ่งที่เจ้าหล่อนพูดไม่เกี่ยวกับชื่อคนรักสาวเขาจะไม่ลังเลเดินจากไปเลย
“เดี๋ยวก่อนสิคะอันเดรีย คุณไม่อยากรู้เหรอคะว่าตอนนี้วันใหม่เขาทำอะไรและกำลังจะไปไหน”
“เธอรู้อะไรมา ยายนรก!”
อันเดรียหันขวับกลับมาเค้นเสียงถามด้วยความเกลียดชัง แม้ไม่อยากสนทนากับเจ้าหล่อนเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาต้องการรับรู้อะไรเกี่ยวกับคนรักสาวบ้าง ไม่ใช่รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนโง่อยู่แบบนี้
“ทำไมเรียกนาแบบนั้นละคะอัน นาแค่หวังดีอยากเล่าเรื่องของคนรัก…อุ้ย! ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าอดีตคนรักของคุณถึงจะถูก”
น้ำเสียงและท่าทางจริตจะก้านของนารินทำให้คนที่กำลังร้อนรนใจต้องตวัตถามเสียงดังลั่น
“หมายความว่าไง!”
“อ่าวนี่คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวันใหม่เลยเหรอคะ คนเขารู้กันทั่วว่าครอบครัวนั้นถูกศาลฟ้องล้มละลาย พ่อของเธอเลยเกิดไอเดีย เอาลูกสาวเพียงคนเดียวมาใส่ตะกร้าล้างน้ำเพื่อประเคนให้กับชายแก่รุ่นราวคราวพ่อ และนี่ยังมีข่าวออกมาอีกนะคะว่าวันนี้พวกเขาจะเข้าพิธีหมั้นกันตามประเพณีที่โรงแรมนี้”
เสียงหวานเล่าอย่างดัดจริตราวกับนางร้ายในละครไม่มีผิด แต่สำหรับอันเดรียคำพูดนั้นมันเหมือนค้อนหนักๆทุบลงมากลางกระบาลของเขาอย่างจัง ตอกย้ำภาพแฟนสาวที่เดินเคียงคู่ชายแปลกหน้าเมื่อกี้ให้ชัดขึ้นเป็นทวี
“หุบปาก!”
อันเดรียตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายเมื่อไม่อาจทนรับฟังต่อไปได้ แต่กระนั้นสิ่งที่เธอเล่ามาก็ทำให้เขาได้รับความกระจ่างถึงปัจจัยอย่างอื่นที่เขาเคยคุยกับคริสเตียนพี่ชายคนกลางก่อนหน้านี้ว่าปัจจัยที่ว่านั้นคืออะไร
‘ที่แท้ เธอก็ไปจากฉันเพราะเงินนี่เอง’
อันเดรียพึมพำกับตัวเองในใจ ขณะที่น้ำตาตกใน วินาทีนี้เองที่เขาตระหนักได้ว่าไม่ควรคิดถึงและตามหาเธออีก ชายหนุ่มตั้งสติเพื่อหมุนตัวก้าวออกจากโรงแรมทั้งที่แทบจะไม่มีแรงทรงตัวเดินต่อ
“เดี๋ยวสิคะอัน จะไม่ขึ้นไปดูข้างบนหน่อยเหรอว่ามีพิธีหมั้นจริงหรือเปล่า เดี๋ยวจะหาว่านาใส่ร้ายคนรักของคุณอีก”
พูดจบก็ต้องเหยียดยิ้มออกมาอย่างสะใจเมื่อเห็นสภาพน่าเวทนาของชายหนุ่มที่เธอเคยหลงรักหัวปักหัวปำ เธอไม่คิดมาก่อนว่าวิธีนี้จะเป็นการเอาคืนที่ได้ผล รู้แบบนี้เธอไม่ลงทุนใส่ร้ายว่าถูกข่มขืนให้อายทุกคนหรอก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะอำนาจเงินของครอบครัวเธอก็คงได้ไปนอนในคุกเพราะสร้างเรื่องโกหกขึ้นให้อาบอายไปทั้งวงศ์ตระกูล และก็เพราะอำนาจเงินอีกนั่นแหละที่กลบข่าวเรื่องนี้ให้เงียบไม่มีใครขุดคุ้ยขี้นมาอีก
“ไหวไหมไอ้น้องชาย”
เสียงทุ้มทรงพลังที่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับการปรากฎตัวของคริสเตียนและฟรานเซสพี่ชายทั้งสอง เรียกสติให้สองหนุ่มสาวหันมามอง
นารินชะงักอึ้งไปนิดเมื่อเห็นบุรุษหนุ่มรูปหล่อเหลาปานเทพบุตรที่เธอไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนก้าวตรงเข้ามาทางเธอด้วยท่าทางสง่าแล้วเดินเลยมาหยุดยืนเคียงข้างอันเดรีย
“ขอโทษนะคะ พวกพี่สองคนเป็นใคร รู้จักอันเดรียด้วยเหรอคะ”
เมื่อตั้งสติได้ นารินก็รีบโปรยรอยยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ จีบปากจีบคอถามเปลี่ยนจากเมื่อตะกี้เป็นคนละคน
“พวกเราเป็นพี่ชายของอันเดรีย”
คริสเตียนตอบคำถามนั้นกับเธอด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋วแทนฟรานเซสที่พูดภาษาไทยไม่ได้เลยแม้แต่นิด
“พี่ชาย!”
เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจ ขณะกวาดสายตามองบุรุษหนุ่มผู้มาใหม่ทั้งสองตั้งแต่หัวจรดเท้าซึ่งใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
‘ยังมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวนายงั้นเหรออันเดรีย’
นารินหน้าซีดเผือดถามตัวเองในใจเพราะสิ่งที่เธอรับรู้ตอนนี้เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน ตลอดเวลาที่เธอได้รู้จักกับอันเดรียเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่อยู่กับยายสองคนตามลำพัง ไม่มีญาติหรือพี่น้องที่ไหนในเมืองไทย แถมบ้านชายหนุ่มก็หลังเล็กดูจนๆเหมือนไม่มีเงินทองอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ครับ เป็นพี่ชายแท้ๆ หรือเรียกอีกอย่างว่าพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน”
คริสเตียนไม่เบื่อที่จะอธิบายรายละเอียดเมื่อเห็นอาการช็อกของหญิงสาวตรงหน้า เพราะแวบแรกที่เขาเห็นหน้าเจ้าหล่อนเขาจำได้ทันทีว่าเธอเป็นคนที่ใส่ความน้องชายของเขา อย่าว่าแต่เธอเลย ทั้งตระกูลตอนนี้เขารู้จักหมดไส้หมดพุงแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับนักสืบมืออาชีพที่เขาจ้างสืบประวัติเธอหลังจากที่ทราบข่าวเรื่องคดีความของน้องชาย
“พี่ชายแท้ๆ”
นารินทวนคำเหมือนคนละเมออย่างอึ้งๆ ที่เห็นพี่ชายของอันเดรียอยู่ตรงหน้าเธอ เพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าแท้จริงแล้วอันเดรียไม่ใช่คนจนอย่างที่เธฮเข้าใจมาตลอด แต่เขาเป็นคนรวยมากต่างหาก เพราะดูจากการแต่งตัวของพี่ชายทั้งสองของเขาบ่งบกได้ชัดเจน อีกทั้งพี่ชายทั้งสองของเขายังมีรูปร่างหน้าตาดีแม้แต่พระเอกยังเทียบไม่ติด
“รู้อะไรไหมคุณผู้หญิง จากนี้ไปรอรับผลกรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้ได้เลย และไม่ต้องมั่นใจในอำนาจเงินและเส้นสายของตระกูลตัวเองนักนะ เพราะทางเราเอาจริง ฝากไปบอกโคตรพ่อโคตรแม่คุณด้วยว่าเตรียมตัวร่วงลงจากกองเงินกองทองได้เลย เราขอตัวก่อน”
กล่าวจบสามหนุ่มก็เดินออกจากที่ตรงนั้นทันที ปล่อยให้นารินอ้าปากค้างมองตาม บุรุษทั้งสามท่างกลางการ์ดนับสิบที่ล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อรักษาความปลอดภัยในทุกย่างก้าว
เมื่อสามหนุ่มขึ้นมาอยู่ในรถแล้วคริสเตียนก็เริ่มเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ
“ทางมหาวิทยาลัยติดต่อมา บอกว่านายจบพร้อมรุ่น เขาคืนสิทธิ์ให้หลังจากทราบความจริง นายควรกลับไปรับวุฒินะ”
“ไม่ครับ ต่อจากนี้ไปจะไม่มีนายแพทย์ที่ชื่อว่าอันเดรียอีก!”
อันเดรียปฏิเสธเสียงหนัก ตัดใจหันหลังให้กับเส้นทางแพทย์ไปตลอดชีวิต เพราะจากนี้ไปเขาจะละทิ้งและลืมทุกอย่างที่นี่ไปให้หมด รวมทั้งคนรักสาวที่หักหลังเขาไปหมั้นหมายกับชายแก่รุ่นราวคราวพ่อเพราะเงิน
เขาจะออกจากประเทศนี้แล้วเดินในเส้นทางมาเฟียอย่างเต็มตัวตามรอยพี่ชายทั้งสอง ทิ้งความพ่ายแพ้และความอ่อนแอทั้งหมดไว้ที่นี่พร้อมหัวใจที่แหลกสลายไม่มีชิ้นดี น้ำตาลูกผู้ชายที่เขาได้หลั่งออกมาเพื่อเธอจะสิ้นสุดทันทีที่เขามุ่งหน้าไปอิตาลี!