กามเทพไม่เคยหลับใหล (100%)

3280 คำ
“ฉันไม่สนหรอกนะ ว่าเธอจะ ‘เอา’ ฉันรึเปล่า แต่ฉันอยากได้เธอ แล้วก็จะ ‘เอา’ ให้ได้ด้วย” พ่อเจ้าประคุณพูดเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ แถมแววตามุ่งมั่นคู่นั้นยังจ้องมองเธอไม่ลดละ เหมือนเป็นการยืนยันว่าเขาเอาจริง  “ไอ้บ้านี่! ฉันไม่อยากได้นาย ฉันเกลียดฝรั่งอย่างนายที่สุด เข้าใจไหม! แล้วก็โทษทีเถอะ นายกับฉัน…เราคงไม่ได้พบกันอีกแน่ เพราะฉันไม่ชอบไปมั่วสุมในที่อโคจรเหมือนนาย ลาก่อน…ลาขาดตลอดกาล” ด่าเสร็จสาวน้อยก็รีบเผ่นทันทีเพราะเห็นสายตาของอีกฝ่ายแล้วเขาคงโมโหไม่เบา หากอยู่ต่อเธอต้องไม่ปลอดภัยแน่ “จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ ที่รักของนายมาร์โค เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะ” มาร์โครีบดักคอไว้ เพราะอยากจะรู้จักเธอใจจะขาดอยู่แล้ว แค่ชื่อก็ยังดี ไม่งั้นคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับ  “ก็ไปให้พ้นๆ หน้านายยังไงล่ะ หลีกไป!” บุปผชาติสวนกลับเสียงห้วน พร้อมทั้งออกปากไล่ให้เขาหลีกทางด้วยท่าทีรำคาญใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เสียเวลาจริงๆ   “ถ้าอยากให้หลีกทาง ก็บอกชื่อมาก่อนสิเบบี๋ ผมอยากรู้ว่าชื่อของคุณมันจะหวานเหมือนเสียงหรือเปล่า” เจ้าของร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างพูดด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย พร้อมมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าของสาวเจ้าด้วยสายตาอ้อยอิ่ง ราวกับจะเปลื้องเสื้อผ้าตัวโคร่งแสนเชยที่ปกปิดความงดงามออกไปให้สิ้นซาก  “ไม่จำเป็น อ้อ…อยากทำความรู้จักกับฉัน แล้วถามฉันซักคำหรือยัง ว่าอยากรู้จักนายหรือเปล่า และขอบอกไว้ตรงนี้เลยแล้วกัน ว่าฉันไม่ได้อยากรู้จักนายเลยสักนิด” ยิ่งเขาใช้สายตาจาบจ้วงหยาบคายมองเธอ บุปผชาติก็ยิ่งโมโห กำหมัดน้อยเข้าหากันแน่น ใบหน้าละอ่อนแดงระเรื่อด้วยไฟโทสะ ฝ่ายมาร์โคเห็นท่าทีอย่างนั้นก็ยิ่งพอใจ แม่หนูน้อยไม่เพียงหวานแต่เธอยังมีความร้อนแรงแฝงอยู่ แถมดูท่าสาวเฉิ่มของเขาจะทันคนซะด้วย เห็นท่าทางเรียบๆ นิ่งๆ ไร้เดียงสา และใสซื่อบริสุทธิ์อย่างนี้ ด่าแต่ละทีก็แทบหน้าชา คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่จะเอาเธอมาเป็นภรรยาในอนาคตอันใกล้ หนุ่มจอมเจ้าเล่ห์คิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ จากนั้นบุปผชาติก็ผลักอกหนาออกห่างกาย แล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมออกไปจากไอ้ฝรั่งสุดเถื่อนและแสนเผด็จการทันที เพราะเริ่มทนไม่ไหว อยากจะด่าทออีกฝ่ายมากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะด่าด้วยถ้อยคำไหนดี คิดคำด่าอันเจ็บแสบให้สมกับความหยาบคายของเขาไม่ออกเลยจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโตบุปผชาติแทบจะไม่เคยด่าใคร เธอใสซื่อบริสุทธิ์ ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เป็นลูกคุณหนูโดยแท้ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพูดจาหยาบคาย และที่สำคัญเธอจะไม่ชอบทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจของใครในที่สาธารณชน ถึงแม้เธอจะดูนิ่งๆ ไม่ชอบตอแยกับใคร แต่ก็รู้เท่าทันคน สามารถตอบโต้ได้อย่างทัดเทียมหากเหลืออดจนทนไม่ไหว เฉกเช่นในกรณีนี้ เธอระงับอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ   วันนี้เขาทำให้เธอปรี๊ดแตกได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่คนอย่างบุปผชาติสามารถควบคุมอารมณ์ได้ในทุกสถานการณ์ แต่กับผู้ชายตรงหน้าทุกอย่างกลับเหนือความคาดหมาย เขาทำให้เธอเปลี่ยนจากคนพูดจาไพเราะกลายเป็นคนปากไว ถึงแม้ว่ามันจะดูขลุกขลักกระอึกกระอักไปบ้าง แต่เธอก็ยังพยายามที่จะด่าเขาให้ได้ กว่าจะด่าอีกฝ่ายออกมาได้แต่ละคำก็ต้องคิดแล้วคิดอีกจนหืดขึ้นคอ ซึ่งคำด่าเหล่านั้นล้วนจดจำมาจากในละคร ทำไมมันไม่ง่ายเหมือนแก้สมการคณิตศาสตร์นะ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงได้คำตอบเรียบร้อยโรงเรียนบุปผชาติไปแล้ว   “หึ หึ…มันไม่ยากเกินความสามารถของฉันหรอกสาวน้อย อีกไม่นานเธอต้องมาสยบแทบเท้าฉันแน่ แล้วเจอกันนะจ๊ะ เบบี๋ของนายมาร์โค” มาร์โคมองตามหลังร่างบอบบางไปจนสุดสายตา ขณะพึมพำออกมาคนเดียวอย่างยิ้มๆ พร้อมคิดแผนการขึ้นมาในหัวอย่างเสร็จสรรพ ว่าต้องเอาเธอมาเป็นของเขาให้ได้ในไม่ช้านี้ มันไม่ยากเกินอิทธิพลตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ของเขาไปได้หรอก แต่หารู้ไม่ว่าในอนาคตคนที่จะสยบอยู่แทบเท้าของอีกฝ่ายมันอาจจะเป็นตัวเขาเองก็ได้ จากเสือร้ายก็อาจกลายเป็นแมวเชื่องๆ เพราะฝีมือสาวเอเชียอย่างบุปผชาติ เพราะอนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว พอกลับถึงบ้านมาร์โคก็รีบเอารูปเบบี๋ของเขา ซึ่งเคลวินแอบถ่ายไว้ในมือถือไปให้ลูกน้องคนสนิท แล้วออกคำสั่งให้อีกฝ่ายไปจัดการหาประวัติของเธอโดยละเอียดมาให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้ เพลย์บอยหนุ่มหมายมาดไว้ในใจว่าจะต้องรีบเอาตัวไปเสนอหน้าทำความรู้จักกับแม่หนูน้อยของเขาให้ลึกซึ้งกว่านี้ ถึงแม้เธอจะไม่อยากรู้จักกับเขาแต่เขาก็จะตามตื้อซะอย่าง…ใครจะทำไม!   ทำความรู้จักกันไว้ไม่เสียหลาย พอเธอมาดำรงตำแหน่งเมียเขาอย่างเต็มตัวแล้วจะได้ไม่เสียเวลามาทำความรู้จักกัน แต่เอาเวลาเหล่านั้นไปทำอย่างอื่นกับเธอแทน ตอนนี้ในหัวสมองอันชาญฉลาดคิดได้เป็นฉากๆ เชียวล่ะ ว่าจะทำอะไรร่วมกับเธอบ้าง ซึ่งแต่ละอย่างดีๆ และห่ามหื่นทั้งนั้น ช่างคิดเข้าข้างตัวเองดีแท้พ่อคนเจ้าเล่ห์และสุดแสนเอาแต่ใจ แล้วถ้าสาวเจ้าดันไม่เล่นด้วยสุดหล่อจะไม่เต้นเป็นเจ้าเข้าหรืออย่างไร บริษัทดิมิเทียส เอ็กซ์พอร์ต กรุ๊ป   วันนี้มาร์โคมาทำงานเช้ากว่าปกติ พอมาถึงบริษัทก็เรียกให้ลูกน้องคนสนิทเอาประวัติของแม่หนูน้อยมาให้ด้วยความใจร้อน อยากได้เธอมาแนบกายเร็วๆ เพลย์บอยหนุ่มได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ทั้งที่แต่ก่อนสองตาแทบไม่อยากจะแลสาวเอเชียตัวเตี้ยม่อต้อ ยิ่งเฉิ่มเชย ไร้รสนิยมในการแต่งตัวด้วยแล้ว เขายิ่งไม่คิดจะเฉียดร่างเข้าใกล้ให้กลิ่นบ้านนอกติดกายแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว   แต่มาวันนี้ความรู้สึกของเขากลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มาร์โครู้สึกอยากใกล้ชิดสาวน้อยเอเชียที่ติดอยู่ในห้วงคำนึงใจจะขาด ความรู้สึกบ้าๆ กำลังทำให้เขาจะคลั่งเสียให้ได้ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตของชายผู้เพียบพร้อมเช่นมาร์โค ดิมิเทียส แต่วันนี้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว  สิบนาทีต่อมา…เอกสารเกี่ยวกับประวัติของหญิงสาวก็มาอยู่ในมือของมาร์โคเป็นที่เรียบร้อย แล้วเขาก็ได้รู้ว่าแม่สาวใสวัยละอ่อนมีนามว่าบุปผชาติ ดิลกรัตนกุล หรือแก้ม อายุยี่สิบเอ็ดปี กำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเล็ก พ่อเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย เธอเป็นสาวน้อยจอมอัจฉริยะ ไอคิวสูงปรี๊ด เรียนจบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปี   “ให้ตายสิ! นี่แม่คุณเป็นคนหรือยอดมนุษย์ที่หลุดมาจากต่างดาวกันแน่วะ ทำไมถึงได้เก่งขนาดนี้” มาร์โคได้แต่อึ้งและทึ่งกับความสามารถอันหลากหลายของสาวน้อย จนต้องพึมพำอยู่คนเดียว ถึงหน้าตาและการแต่งตัวของเธอจะดูเฉิ่มเชย แต่หัวสมองเธอไม่ได้เชยเหมือนสารรูปเลยสักนิด เรียกว่าหัวกะทิเลยต่างหากล่ะ ท่านประธานหนุ่มรู้สึกพึงพอใจกับข้อมูลส่วนตัวของสาวน้อยที่เขาได้รับ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น เพราะนึกสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีประวัติการทำงานของเธอเลย แล้วอีกฝ่ายมาทำอะไรกับแก๊งสุดเชยของเธอที่นี่กันนะ ความสงสัยใคร่รู้ทำให้เขาทนไม่ไหวจนต้องกดอินเตอร์คอมเรียกเลขาหน้าห้องเข้ามาพบอีกครั้ง ไม่นานเลขาหนุ่มร่างยักษ์ก็มายืนสงบนิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของผู้เป็นเจ้านาย “ไอ้รัสเซล ประวัติของบุปผชาติ ที่ฉันสั่งให้แกไปหามามีแค่นี้เหรอวะ?” เสียงนิ่งเอ่ยถามลูกน้องคู่ใจทันควัน   “ครับนาย ไม่ว่าข้อมูลจากสำนักไหนก็เหมือนกันหมดครับ” รัสเซลจนปัญญาจริงๆ ทั้งที่เขาพยายามเสาะแสวงหา แต่ประวัติของเธอที่ได้มาจากทุกที่ต่างเหมือนกันทุกตัวอักษรไม่มีผิดเพี้ยน  ทั้งสองหนุ่มไม่รู้ว่านายบริรักษ์พยายามใช้อำนาจเงินปกปิดประวัติของลูกสาว ปิดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่ต้องการให้เธอเป็นจุดสนใจของใครก็ตามที่ไม่ประสงค์ดี   “แต่ฉันสงสัยว่าประวัติของเธอน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ เพราะดูจากโปรไฟล์แล้วเธอไม่ธรรมดาเลยทีเดียว” มาร์โคไม่เชื่อหรอกว่าประวัติของสาวเจ้ามันจะสั้นขนาดนั้น หากไม่มีใครจงใจที่จะปกปิดมัน ยิ่งคนเก่งแบบเธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานด้วยแล้วมันยิ่งดูผิดปกติเข้าไปใหญ่  “นายจะให้ผมไปหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ” รัสเซลพยายามทำหน้าที่เลขาที่ดีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “อืม…ฉันอยากให้นายเอารูปนี้ไปให้นักสืบ และสั่งให้พวกนั้นคอยติดตามเธอ ดูว่าเธอมาทำอะไรที่ฝรั่งเศส เพราะฉันมั่นใจว่าเธอจะยังอยู่ที่นี่” มาร์โคเชื่อมั่นในสัญชาตญาณอันแรงกล้าของตัวเองเสมอ เพราะคนอย่างเขาไม่เคยมองอะไรพลาด และหากอยากรู้อะไรก็จะต้องพยายามให้ถึงที่สุด จนกว่าจะกระจ่างใจถึงจะหยุด เมื่อคนสนิทออกไปจากห้องทำงานแล้ว เขาก็ได้แต่คิดว่าปิดได้ปิดไป แต่ด้วยอำนาจเงินที่เขามีและอิทธิพลของตระกูลดิมิเทียส จะทำให้เขาได้รู้จักเธออย่างลึกซึ้งในเร็ววันแน่ มาร์โคมั่นอกมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แค่คิดว่าอีกไม่นานเขาจะได้เธอมาเคียงข้างกายก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างน่าประหลาด   บุปผชาติมาทำงานที่ฝรั่งเศสได้หนึ่งเดือนแล้ว เธอแทบจะไม่ต้องเรียนรู้งานเลยด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างที่ทางองค์กรทำการเทรนด์ให้ล้วนผ่านการทดลองและปฏิบัติจริงตั้งแต่สมัยเรียน และสมองอันปราดเปรื่องของเธอก็ยังจดจำมันได้ขึ้นใจ งานแรกที่ทางบริษัทวางให้ทีมของเธอทำก็คือการออกแบบเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ให้ดูสมาร์ทและปราดเปรียวกว่ารุ่นแรก โดยอาศัยหลักการ Aerodynamic force, Momentum, Glide path, Wind shear และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นหลักการทางฟิสิกส์ประยุกต์ทั้งนั้น   การสร้างเครื่องบินขึ้นมาสักลำนั้น ไม่ได้ยากอะไรที่จะระดมสมองระดับอัจฉริยะ และสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานชั้นยอดตามเป้าหมายของบริษัท แต่มันก็ไม่ง่ายเลยซะทีเดียว เพราะการสร้างไอ้สิ่งอำนวยความสะดวกราคาแพงระยับ ที่มีแต่ผู้ดีมีเงินเท่านั้นถึงจะซื้อได้ ทุกอย่างมันต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน สมรรถนะของตัวเครื่องยนต์ ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความสวยงามมีเอกลักษณ์ ปัจจัยเหล่านี้เป็นองค์ประกอบหลักที่ผู้ผลิตจะต้องคำนึงถึงให้มากที่สุด เพราะลูกค้าคือพระเจ้า หากลูกค้าพึงพอใจในสินค้าที่ผลิตออกมาจึงจะถือว่าทางบริษัทประสบความสำเร็จ  ด้วยความที่รายละเอียดปลีกย่อยของตัวชิ้นงานมีเยอะ ดังนั้นการทำงานของทีมผู้สร้างจะต้องใช้เวลากันเป็นปีๆ เลยทีเดียว เพราะต้องทั้งเขียนแบบ จำลองโครงสร้างในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ส่งแบบที่ต้องการไปให้ทางวิศวกรดูว่าสามารถทำได้ไหมหรือต้องเพิ่มลดอะไรบ้าง ทดลองในโมเดลก่อน จากนั้นก็ทดลองในห้องปฏิบัติการ ขั้นตอนสุดท้ายคือนำของจริงขึ้นบินบนท้องฟ้า ถึงจะถือว่าทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์พร้อมนำออกขายทอดตลาด  จากวันที่บุปผชาติได้ปะทะคารมกับไอ้ฝรั่งร่างยักษ์ ซึ่งบังอาจมาแต๊ะอั๋งและลวนลามเธอ ทั้งทางคำพูด สายตาและการกระทำ สาวน้อยสุดเฉิ่มก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้เจอคนพรรค์นั้นอีกเลยในชาตินี้ แต่ใจเจ้ากรรมกลับไม่วายกระหวัดคิดไปถึงอีกฝ่ายจนน่าโมโห แค่นึกถึงใบหน้าหล่อลากไส้เธอก็เกิดอาการขนลุกขนชัน และหน้าแดงเสียอย่างนั้น แม้ในส่วนลึกของจิตใจจะยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่โคตรหล่อ ทว่าเธอไม่ต้องการจะรู้จักหรือเฉียดกายเข้าไปใกล้คนพรรค์นั้นให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว อยู่เป็นโสดอย่างนี้แหละดีแล้ว   สาวเฉิ่มคิดว่าเขาเป็นตัวอันตรายสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ ยิ่งนึกถึงคำพูดของพ่อเจ้าประคุณที่ยังดังก้องอยู่ในหูยิ่งหงุดหงิด ‘ฉันไม่สนหรอก ว่าเธอจะ ‘เอา’ ฉันรึเปล่า แต่ฉันอยากได้เธอ แล้วก็จะ ‘เอา’ ให้ได้ด้วย’ บุปผชาติได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ ผู้ชายอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด ครั้นนึกถึงสายตาจาบจ้วงหยาบคายในวันนั้น มันยิ่งทำให้เธอของขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เธอออกจะนิ่งและใจเย็นกับทุกสถานการณ์ แล้วนี่เขาทำอะไรกับร่างกายเธอนะ หรือเขาเป็นปฏิกิริยาเคมีที่สามารถกระตุ้นต่อมน้ำโหของเธอได้ บ้าไปแล้ว! ให้ตายสิ! จากนั้นบุปผชาติก็รีบสะบัดศีรษะน้อยแรงๆ เพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้มลายไปในชั่วพริบตา กว่าสองอาทิตย์ มาร์โคถึงได้ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของบุปผชาติ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายทำงานที่ไหน ซึ่งเธอก็ไม่ได้ไปไหนไกล แต่อยู่ใต้จมูกเขานี่เอง และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรกับการที่เขาจะเข้าหาเธอ เหตุเพราะสาวน้อยทำงานที่บริษัทคู่ค้าของเขานั่นเอง ดิมิเทียส เอ็กซ์พอร์ต กรุ๊ป ที่เขานั่งแท่นเป็นผู้บริหารในตำแหน่งประธาน เป็นบริษัทส่งออกรถยนต์ชั้นนำรายใหญ่ของโลกก็จริง แต่ทางเขาก็ไม่ได้ทำการผลิตเอง เพียงแค่ออกแบบหรือไม่ก็ไปติดต่อซื้อรถยนต์ในรุ่นที่ตนสนใจ และคิดว่าจะสามารถตีตลาดได้ไม่ยาก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนซื้อมาจาก Professional Enterprise and Development และถ้าเธอทำงานอยู่ที่นั่นจริงๆ มันก็ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ตระกูลดิมิเทียสทำธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งเกือบทุกอย่างมาร์โคจะเป็นคนกุมบังเ**ยน ยกเว้นแก๊งมาเฟียที่บิดาเป็นผู้ก่อตั้ง เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ชอบในเรื่องนี้ ดังนั้นภารกิจทั้งหมดในแก๊ง Black Mamba จึงตกเป็นของมาร์เวล ดิมิเทียส พี่ชายวัยสามสิบห้าปี หนุ่มนัยน์ตาสีสนิม มาดเข้ม ดุดัน และโหดเหี้ยม ผู้มีดีกรีความหล่อและความร้อนแรงไม่แพ้น้องชายอย่างเขา   มาร์โคนั่งมองภาพบุปผชาติ จนเริ่มทนไม่ไหว เพราะคิดถึงและอยากเห็นหน้าเฉิ่มๆ เชยๆ จึงต้องเรียกให้เลขาเข้ามาพบเพื่อสั่งงานเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจโดยด่วน   “รัสเซล เข้ามานี่หน่อย” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยผ่านเครื่องอินเตอร์คอมไปถึงคนที่นั่งอยู่หน้าห้องทำงานใหญ่ ไม่นานอีกฝ่ายก็มายืนกุมมืออยู่ตรงหน้า   “นายมีอะไรจะให้ผมรับใช้ก็ว่ามาได้เลยครับ” “ฉันอยากให้แกติดต่อไปทางบริษัท Professional Enterprise and Development ว่าฉันอยากได้รถยนต์รุ่นใหม่” น้ำเสียงเรียบนิ่งดูเป็นงานเป็นการ  “คันนี้นายจะเอามาใช้เองหรือเปล่าครับ?” รัสเซลจำเป็นต้องถาม เพราะรถของอีกฝ่ายเยอะมากจนจะนำไปทำพิพิธภัณฑ์ได้อยู่แล้ว โรงเก็บรถที่ว่ากว้างนับวันเริ่มแน่นขนัดจนแทบจะไม่มีที่จอด  “อืม…ประเด็นมันอยู่ที่ว่า แกต้องบอกเขาว่าฉันอยากให้วิศวกรที่ชื่อบุปผชาติ ดิลกรัตนกุล เป็นคนออกแบบให้ โดยให้เธอมารับคอนเซ็ปต์งานจากฉันด้วยตัวเธอเอง และเธอจะต้องนำความเคลื่อนไหวมารายงานให้ฉันทราบทุกระยะ” ท่านประธานหนุ่มออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด “เอ๊ะ! ผมว่ามันทะแม่งๆ ชอบกล ดูเหมือนงานนี้นายจะไม่ค่อยอยากได้รถซักเท่าไหร่ แต่อยากได้คนของเขามากกว่า ใช่ไหมครับ” ลูกน้องคู่ใจสวนกลับอย่างรู้ทัน   “ไอ้นี่ พูดมาก…เดี๋ยวเถอะ! พ่อจะเต๊ะให้ซักป้าบ” มาร์โคยกขาแกร่งขึ้นเตรียมวาดไปหาเป้าหมาย ทำให้คนที่รู้ตัวว่าตนอาจจะเคราะห์ร้ายรีบถอยฉากออกจากรัศมีลูกเตะ   “อย่านะครับนาย ฟังผมก่อน แล้วนายจะให้เธอมาเริ่มงานวันไหนครับ” คนเกือบจะโดนบาทารีบร้องห้ามปรามเสียงหลง   “เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แจ้งคุณลูคัสด้วยว่าเสียเท่าไหร่เท่ากัน ขอเพียงเธอยอมมาทำงานนี้ให้ฉัน” เขาไม่อยากจะโทรไปหานายลูคัส อิลินอยด์ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทโดยตรง เพราะรู้สึกกระดาก และไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่งพรายไปเข้าหูของบิดา เพราะทั้งสองคือเพื่อนซี้กัน หากรู้ถึงหูลูคัสมีหรือพ่อของเขาจะไม่ล่วงรู้   “หวังว่าแกคงจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะรัสเซล” ชายหนุ่มย้ำกับลูกน้องคนสนิท น้ำเสียงบ่งบอกว่าเขาคาดหวังกับสิ่งที่สั่งการไปมากแค่ไหน   “แน่นอนคร้าบ…เจ้านายที่รักและเคารพ เอ่อ…ว่าแต่ผมขอถามหน่อยเถอะว่านายติดใจอะไรในตัวน้องแว่นสุดเฉิ่มคนนั้น เธอไม่ใช่สเปกนายนี่นา” เลขาหนุ่มรับคำด้วยท่าทางขี้เล่น แต่ยังไม่วายเกิดความสงสัยในตัวเจ้านาย ว่าไปสนใจสาวน้อยผู้เฉิ่มเชยที่มาจากต่างแดนได้อย่างไร ทั้งที่เธอไม่มีอะไรน่าดูชมเลยแม้แต่กระผีกเดียว รัสเซลคันปากจนทนไม่ไหวจึงต้องเอ่ยถามให้หายข้องใจ   “ไอ้นี่ เดี๋ยวเถอะ! รีบไปทำงานที่ฉันสั่งได้แล้ว ถ้าชักช้าโดนหักเงินเดือนห้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่” มาร์โคแสร้งเอ็ดเสียงดังสนั่นกลบเกลื่อนความอาย เรียวหน้าหล่อเหลาแดงก่ำที่อีกฝ่ายรู้เท่าทันไปเสียทุกเรื่อง   “โห…โหดว่ะ พูดแค่นี้จะหักเงินเดือนตั้งครึ่งหนึ่ง คอยดูนะถ้านายหักจริงๆ ผมจะไปฟ้องกรมแรงงาน” รัสเซลทำเป็นโอดครวญ ซ้ำยังยั่วโมโหผู้เป็นนายไม่เลิก “เออ…จะไปฟ้องห่าเหวอะไรก็ไปเถอะ ถ้ายังไม่เอาหน้าอันกวนบาทาไปให้พ้นจากห้องนี้ แกโดนดีแน่ไอ้รัสเซล!” เจ้าของนัยน์ตาดุวับตะเบ็งเสียงใส่ลูกน้องอย่างนึกโมโหกับความช่างยั่ว ขยันดีนักไอ้เรื่องกวนประสาทเขาเนี่ย   “คร้าบ…คร้าบ ไปแล้วคร้าบผม” หลังจากรับคำออกแนวกวนๆ ปนทะเล้น คนกลัวโดนฝากรอยเท้าก็รีบจ้ำอ้าวออกจากห้องทำงานใหญ่ทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม