สองอาทิตย์ถัดมา
บุปผชาติถูกผู้จัดการเรียกตัวเข้าพบด้วยเรื่องอะไรเธอก็มิอาจทราบได้ เมื่อถึงเวลานัดหมายสาวเฉิ่มจึงรีบเดินมาจากห้องทำงานของตน แล้วมุ่งตรงสู่ห้องผู้จัดการแผนกทันที
ก๊อกๆๆ…..
“เชิญ!” น้ำเสียงทรงอำนาจกล่าวอนุญาตก้องกังวาน จนคนที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจระคนประหม่า ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นหนามีแววกังวลกับการโดนเรียกตัวเข้าพบในวันนี้
“สวัสดีค่ะผู้จัดการ” หญิงสาวเอ่ยทักทายผู้บังคับบัญชาทันที
“สวัสดีครับคุณบุปผชาติ เชิญนั่งก่อน” น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูนุ่มหูมีแววสุภาพและปรานี แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิด บุปผชาติจึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ผู้จัดการเรียกดิฉันเข้าพบ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ผมมีงานจะมอบหมายให้คุณทำ”
“งานอะไรคะ ว่ามาได้เลยค่ะ” ทันทีที่ได้ยินเรื่องงานบุปผชาติก็เกิดความรู้สึกกระตือรือร้นและคันไม้คันมือขึ้นมาในบัดดล เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
“ทางบริษัทดิมิเทียส เอ็กซ์พอร์ต กรุ๊ป แจ้งความจำนงมาว่าอยากให้วิศวกรของบริษัทเราไปออกแบบรถให้ผู้บริหารของเขา ซึ่งทางนั้นก็ระบุมาว่าวิศวกรคนนั้นจะต้องเป็นคุณ” ผู้จัดการย้ำชัดในตอนท้ายว่าวิศวกรที่ทางนั้นต้องการตัวจะต้องเป็นบุปผชาติเพียงคนเดียวเท่านั้น
พอได้ยินดังนั้นสาวเจ้าก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้ายุ่งเหยิงด้วยความแปลกใจว่าทำไมจะต้องเป็นเธอคนเดียว เป็นคนอื่นไม่ได้หรืออย่างไร มันเป็นเพราะอะไร
“ผู้จัดการแน่ใจนะคะว่ารับข้อมูลมาไม่ผิด เพราะดิฉันเพิ่งมาทำงานที่นี่ ผลงานอะไรก็ยังไม่มี แล้วเขาจะรู้จักดิฉันได้ยังไงกันคะ” บุปผชาติงงเป็นไก่ตาแตก อยู่ๆ บริษัทส่งออกรถยนต์รายใหญ่และเป็นถึงลูกค้ารายสำคัญของบริษัทอยากจะได้ตัวเธอไปทำงานให้ บ้าไปแล้ว!
“อันนี้ผมก็ไม่อาจทราบได้ ว่าคุณมาร์โคเขาคิดอะไรอยู่ รู้แต่ว่าคุณจะต้องทำตามความต้องการของเขา” ผู้จัดการก็จนใจที่จะตอบคำถามลูกน้อง เพราะไม่รู้เหตุผลของลูกค้าเลยจริงๆ
“ให้คนอื่นไปแทนไม่ได้เหรอคะ” สาวน้อยพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูไม่ชอบมาพากล มันต้องมีตื้นลึกหนาบางอย่างแน่นอน แต่ด้วยเหตุผลอันใดบุปผชาติก็ไม่อาจจะทราบได้ในตอนนี้ แต่อีกไม่นานหรอกความข้องใจของเธอจะต้องถูกไขออกมา
“ไม่ได้เด็ดขาด เพราะทางนั้นเจาะจงมาว่าต้องเป็นคุณเท่านั้น ไม่งั้นเขาจะไปจ้างบริษัทอื่น ซึ่งเรายอมไม่ได้เพราะมันเสียเครดิต แถมทางเขายังเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัท และที่สำคัญตระกูลของคุณมาร์โคยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลซะด้วย” ผู้จัดการกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ
“สรุปว่าดิฉันต้องไปทำงานนี้จริงๆ ใช่ไหมคะ” เจ้าของร่างอ้อนแอ้นระบายลมหายใจออกมาอย่างยอมจำนนกับหน้าที่ซึ่งโดนยัดเยียด ทั้งที่เพิ่งมาทำงาน และยังเรียนรู้งานไม่ครบถ้วนเลยด้วยซ้ำ
“ใช่แล้วคุณบุปผชาติ คุณรับทำงานนี้เถอะนะ เพื่อความอยู่รอดของบริษัทของเรา ถือว่าผมขอร้อง” ผู้จัดการเอ่ยเป็นเชิงขอความเห็นใจจากหญิงสาว
“ตกลงค่ะ ดิฉันจะทำงานนี้” เธอต้องยอมแสดงสปิริต รับปากทำงานนี้อย่างแข็งขัน ถึงแม้จะตะหงิดๆ แต่เรื่องแค่นี้ไม่เกินความสามารถของบุปผชาติไปได้หรอก ในเมื่อสมองและความสามารถเธอมีอยู่เต็มเปี่ยม แล้วจะต้องกลัวอะไร ถือซะว่าเป็นโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือให้คนอื่นได้ประจักษ์ และยอมรับในตัวสาวเฉิ่มอย่างเธอ ในเมื่อทางนั้นอยากได้ตัวเธอนักเธอก็จะจัดหนักจัดเต็มให้พอใจจนพูดไม่ออกเลยคอยดู!
“ดีมาก งั้นก็คงหมดเรื่องแล้ว เชิญคุณกลับไปทำงานได้” ผู้จัดการเปิดยิ้มกว้างด้วยความพอใจที่ลูกน้องพูดง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเกลี้ยกล่อมนาน
บุปผชาติกลับมาถึงห้องทำงานด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ หน้าตาบูดบึ้ง เพราะรู้สึกหมั่นไส้และหงุดหงิดให้เจ้าของบริษัทคู่ค้า ที่ชื่อนายมาร์โคอะไรนั่นเหลือหลาย คิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้เอาแต่สั่งๆ คนอื่นให้ทำตามอยู่ได้ หรือเห็นว่าตัวเองเป็นผู้ทรงอิทธิพล มีอำนาจล้นฟ้า ประเทศนี้มันไม่มีกฎหมายลงโทษคนจำพวกนี้หรืออย่างไรกัน
‘ชิ…คิดว่าตัวเองเป็นมาเฟียจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ มาเฟียแล้วไง มาเจอสาวเฉิ่มแต่แสบหน่อยเป็นไง เธอจะทำให้ป่วน จนต้องไล่ตะเพิดให้กลับมาเลยคอยดู’ บุปผชาติได้แต่แอบอาฆาตอยู่ในใจ ทั้งที่คนเรียบร้อยน่ารักอย่างเธอไม่เคยคิดที่จะมีเรื่องกับใคร แต่กับนายคนนี้แค่ได้ยินเพียงชื่อและกิตติศัพท์ความเอาแต่ใจ มันกลับทำให้เธอหงุดหงิดอารมณ์เสียได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“เป็นอะไรจ๊ะคุณเพื่อน หน้านิ่วคิ้วขมวดมาเชียว” มณีญาเห็นบุปผชาติเดินหน้าตูมเข้าห้องทำงานมาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีเรื่องไม่พอใจ
“ก็อารมณ์เสียน่ะสิแม่มณี ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้ เอาแต่ใจตัวเองชะมัด” สาวเจ้าบ่นอุบด้วยความหงุดหงิด เพียงแค่คิดถึงคนที่อยากให้เธอไปทำงานให้ก็เกิดความไม่พอใจ
“ใครกันน๊า…ที่ทำให้เจ้าหญิงน้ำแข็งของมณีของขึ้นได้ขนาดนี้ เราชักอยากรู้แล้วสิ” มณีญาเย้าเพื่อนสาวที่ดูมีอารมณ์ด้วยความอยากรู้ เพราะกิริยาที่บุปผชาติแสดงออกมานั้นใช่ว่าจะได้เห็นกันง่ายๆ เสียที่ไหน แล้วใครกันนะที่เป็นคนจุดไฟในตัวสาวเฉิ่มให้ลุกโชนและดูมีชีวิตชีวาขึ้น
“ก็ไอ้คุณท่านผู้บริหารของดิมิเทียส เอ็กซ์พอร์ต กรุ๊ป ที่ชื่ออะไรน๊า อ๋อ…ชื่อนายมาร์โคอะไรนี่แหละ ชิ…ทำไมถึงไม่ชื่อโคแก่ไปเลยล่ะ แก่ยังไม่พอยังหูตาฟ่าฟาง ดันมาเลือกเด็กใหม่อย่างเราไปทำงานให้ รู้จักคนอย่างบุปผชาติน้อยไปซะแล้ว” สาวเจ้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและกระแนะกระแหนมาร์โคด้วยความหมั่นไส้
“ฮะๆๆ ใจเย็นจ้ายัยแก้ม เห็นนิ่งๆ แบบนี้ แอบเซี้ยวเหมือนกันนะเพื่อนเรา” มณีญาเห็นท่าทางปากยื่นปากยาวและย่นจมูกของเพื่อนรักก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว เพราะอีกฝ่ายไม่เคยมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น สงสัยบุปผชาติจะไม่ถูกชะตากับคนหล่ออย่างมาร์โค ดิมิเทียส จริงๆ ให้ตายสิ! ยัยเฉิ่มเมินคนหล่อ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน
“ก็เราไม่ชอบให้ใครมาข่มเหงรังแกนี่นา ยิ่งพวกบ้าอำนาจ หยิ่งผยอง และเอาแต่ใจแบบนายโคอะไรนี่ด้วยแล้ว มันต้องเจอกันสักตั้ง เราก็สู้คนนะจะบอกให้” คนเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้บอกเพื่อนด้วยท่าทางขึงขังเอาเรื่อง พร้อมชูกำปั้นหราออกแนวก๋ากั่นเกินตัว
“เขาชื่อคุณมาร์โค ดิมิเทียส จ้ะ ไม่ใช่โค เรียกให้มันถูกต้องด้วยนะยะคุณหนูบุปผชาติ” มณีญากลั้นขำจนน้ำตาแทบเล็ด ก่อนจะบอกชื่อเสียงเรียงนามของบุรุษหนุ่มผู้ตกเป็นหัวข้อสนทนา
“จะชื่ออะไรก็ช่าง แต่เราจะเรียกนายโค ใครจะทำไม” หากไม่ใช่ต่อหน้าและไม่ถือเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ของบริษัท บุปผชาติไม่มีทางเรียกชื่อเขาให้เสียปากแน่นอน อยู่ๆ คนว่านอนสอนง่ายก็เกิดดื้อแพ่งขึ้นมาซะอย่างนั้น
“โอ้โห! เพื่อนฉันชักกล้าใหญ่แล้ว ยัยเฉิ่มเปลี๊ยนไป๋” เมื่อเห็นท่าทางแข็งข้อและขึงขังของบุปผชาติ มณีญาถึงกับร้องเสียงหลง ทำตาโต ล้อเลียนเพื่อนด้วยความชอบอกชอบใจ พลางคิดว่าผู้ชายคนนี้ชักจะมีดีมากกว่าที่คิดแล้วสิ ถึงทำให้เพื่อนสาวปรี๊ดแตกได้มากขนาดนี้
“ก็เราไม่ชอบเขานี่นา ฮึ…นายโค แค่ได้ยินชื่อเราก็รู้สึกเหม็นขี้หน้าแล้ว ให้ตายสิ! แม่มณี” สาวเฉิ่มเผลอขึ้นเสียงใส่อารมณ์ เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ ทั้งที่คนอย่างเธอไม่เคยมีอคติต่อใครมาก่อน แต่กลับรู้สึกหมั่นไส้ชายหนุ่มเหลือคณา
“จุ๊ๆๆ…เบาๆ หน่อยสิยัยแก้ม เดี๋ยวเราก็ซวยกันพอดี” มณีญายกนิ้วชี้ปิดปากปรามเพื่อนสาวให้ลดเสียงลง เพราะกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินสรรพนามที่บุปผชาติใช้เรียกมาร์โค หากเป็นเช่นนั้นทั้งสองอาจจะโดนเด้งออกจากงานก็เป็นได้
“อืม…เราได้ยินมาว่าบริษัทนี้เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่นี่นา แล้วไปไงมาไง เธอถึงได้ไปเคืองท่านประธานสุดหล่อขวัญใจสาวน้อยใหญ่ครึ่งค่อนประเทศของเขาได้ล่ะแก้ม” มณีญาถามด้วยความข้องใจ
“ก็นายนั่นน่ะสิ เกิดกระหายอยากได้รถสปอร์ตคันงาม แต่ไม่อยากได้รถที่ทางเรามีอยู่ และไม่อยากใช้หัวสมองที่ไม่รู้ว่ามีส่วนดีอยู่หรือเปล่าออกแบบเอง จึงบัญชาการมาว่าต้องการให้เราไปออกแบบให้” บุปผชาติพูดด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ใบหน้าเนียนบูดบึ้ง ดวงตาเขียวปั้ด
“ฟังแล้วมันชักยังไงๆ อยู่นะเนี่ย” มณีญารู้สึกทะแม่งชอบกล ที่ทางนั้นระบุมาว่าต้องการให้อีกฝ่ายไปทำงานให้ ทั้งที่บุปผชาติเพิ่งเข้ามาทำงาน แล้วนายมาร์โคไปรู้จักมักจี่กับเพื่อนซี้ตอนไหนกัน เอ๊ะ…หรือว่าพ่อสุดหล่อจะแอบปิ๊งยัยเฉิ่มของเธอเข้าซะแล้ว มณีญาได้แต่แอบคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
“ก็นั่นน่ะสิแม่มณี ไม่รู้อะไรไปดลใจให้เขาเจาะจงเป็นเรา ทั้งที่ก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน อย่าว่าแต่รู้จักเลย ข่าวคราวของเขาเรายังไม่เคยคิดที่จะอ่านมันด้วยซ้ำ” บุปผชาติไม่เคยสนใจข่าวคราวของผู้ดีไฮโซในแวดวงสังคมชั้นสูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ชายที่เรื่องมาก เอาแต่ใจ และเผด็จการอย่างมาร์โค ดิมิเทียส สิ่งที่เธอสนใจก็มีเพียงเครื่องยนต์กลไกและงานวิจัยระดับชาติเท่านั้น