และทันทีที่เห็นณภัทรถึงกับจ้องมองอย่างลืมตัว หัวใจที่ไม่เคยยินดียินร้ายต่อผู้หญิงหน้าไหนเต้นกระหน่ำขึ้นมาทันที
หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ระเหิดระหง ผิวขาวอมชมพู อยู่ในชุดกางเกงยีนเอวต่ำตามสมัยนิยม สวมเสื้อยืดพอดีตัวสีขาวพร้อมผ้าพันคอผืนใหญ่ถูกพันไว้อย่างเก๋ไก๋ ที่กำลังเดินผ่านทำเอาตัวเขานั่งนิ่งตะลึง
สวย...
ทั้งๆ ที่เห็นเพียงแค่แวบเดียว แต่ความทรงจำของเขากลับเก็บรายละเอียดหน้าตาของเธอเอาไว้ได้จนหมดสิ้น
ตอนแรกณภัทรแค่ตั้งใจแวะเข้ามาดื่มกาแฟแล้วก็จะกลับคอนโดที่พัก แต่ตอนนี้คงเปลี่ยนใจนั่งต่อไปอีกสักพักคงจะดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเขาไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน
ไม่นานหญิงสาวที่เขาต้องตาและต้องใจ ก็ออกมาจากห้องน้ำและกลับไปนั่งโต๊ะ แล้วชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงใสๆ พูดขึ้นว่า
“แกจ่ายเงินแล้วใช่ไหม”
“จ่ายแล้ว” เจ้าของเสียงแหลมๆ ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ” คนพูดพูดจบก็พาร่างระหงเดินผ่านโต๊ะเขาไปทันที
“รอด้วยสิไหม”
เจ้าของเสียงแหลมๆ พูดพลางก็ออกเดินตาม แต่ขณะเดินผ่านณภัทรก็เห็นสายตาของอีกฝ่ายเหลือบมาเห็นเขาเข้าพอดี คนที่จู่ๆ ก็ตกเป็นหัวข้อสนทนาโดยไม่รู้ตัวจึงจ้องหน้าของคนพูดถึงเขา ที่เวลานี้มีสีหน้าค่อยๆ ซีดลงอย่างได้ชัด เมื่อหายตกใจก็รีบเดินแกมวิ่งตามหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนไปอย่างรวดเร็ว
ณภัทรรีบวางเงินจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นตรงไปยังรถที่จอดอยู่แล้วสั่งคนสนิทที่เดินตามมาติดๆ ให้ขับตามรถของอีกฝ่าย ที่กำลังขับออกจากหน้าคอนโดไปทันที
“ตามสองคนนั่นไป แต่ตามอยู่ห่างๆ นะอย่าให้รู้ตัว”
“ครับนาย”
คมศักดิ์บอกพลางมองหน้าเจ้านายอย่างรู้ใจ เพราะดูออกว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจหญิงสาวหน้าใสคนนั้นเพียงใด เขาเองยังต้องยอมรับเลยว่า ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนหน้าตาสวยตามธรรมชาติแบบเธอผู้นั้นมาก่อนเหมือนกัน
กีรณานั่นแหละเป็นตัวอย่างที่ดี ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าหน้าสวยๆ ของเจ้าหล่อนนั้น ต้องผ่านการทำศัลยกรรมมานับครั้งไม่ถ้วนอย่างแน่นอน เพราะเท่าที่จำได้ใบหน้านั้นเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่เจอกันอย่างเห็นได้ชัด ดูแล้วไม่มีชีวิตชีวาเหมือนหญิงสาวแสนสวย ที่ผู้เป็นนายกำลังให้ความสนใจนั้นเลยแม้แต่น้อย
และที่คมศักดิ์รู้สึกประหลาดใจมากก็ตรงที่เจ้านายของเขา ไม่เคยลงทุนตามผู้หญิงคนไหนมาก่อนนี่สิ!
ขณะเดียวกับภายในรถเก๋งโฟล์คสีเขียวสดใสที่มีอนงค์นางเป็นผู้ขับ ครั้นชำเลืองมองไปยังเพื่อนที่ปกติจะพูดเป็นต่อยหอยไม่ได้หยุด แต่หลังจากขึ้นมานั่งบนรถกลับเอาแต่นั่งหน้าซีดปากสั่น หญิงสาวจึงเอ่ยถามออกไปอย่างแปลกใจ
“นังธร แกเป็นอะไรของแกนั่งเงียบไม่พูดไม่จา”
“ฉันไม่น่าปากเสียเลยนังไหม...” ธราธรบอกเพื่อนเสียงยังไม่หายสั่น และยังพูดไม่จบประโยคก็ถูกผู้เป็นเพื่อนพูดขัดจังหวะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“แกเคยปากไม่เสียด้วยเหรอ ฉันเห็นปากแกอมหมาเอาไว้ไม่เคยคายออกมาซะที”
“นี่นังไหม คนกำลังเครียดแกนี่เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา”
น้ำเสียงสั่นๆ ของเพื่อนสนิททำให้อนงค์นางหันไปถามอีกครั้งด้วยประโยคเดิม
“ตกลงว่าแกเป็นอะไร”
ธราธรถอนหายใจเฮือกด้วยท่าทางกลัดกลุ้มก่อนจะพูดโอดครวญ
“แกรู้ไหมนังไหม คนที่ฉันนั่งนินทาตอนอยู่ในร้านกาแฟน่ะดันนั่งอยู่โต๊ะข้างหลังเราไง ฉันไม่น่าปากเสียเลย ถ้าเจอเขาอีกจะทำหน้ายังไงละเนี่ย”
“อ้อ...นินทาเขาระยะเผาขนนี่เอง” อนงค์นางพยักหน้าเข้าใจ “แล้วแกจะไปกลัวทำไมเจอกันก็ทำหน้าให้เหมือนเดิมนั่นแหละ ทำไม่รู้ไม่ชี้ซะก็สิ้นเรื่องไปสนใจอะไรกับคนแบบนั้น”
หญิงสาวพูดอย่างไม่ชอบใจคนที่เอ่ยถึงนักทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยสักครั้ง
“แกไม่ใช่ฉันแกก็พูดได้น่ะสิ แถมห้องของเขาดันมาอยู่ชั้นเดียวกันอีก ซวยจริงๆ” ธราธรยังคงบ่นไม่เลิก
“ฉันไม่ใช่แกน่ะดีแล้ว พอเหอะ อย่าพูดมาก ปวดหัว คนกำลังเครียด มาช่วยฉันคิดดีกว่าว่าจะไปสมัครงานที่ไหนดี ทำไมทำงานที่ไหนก็เจอแต่พวกชีกอทั้งนั้น”
คำพูดของเพื่อนทำให้ธราธรหายจากอาการกลัดกลุ้มที่เป็นอยู่ทันที
“แหม...นังไหม ตอนแรกฉันฟังแกเล่า ก็นึกว่าถูกลวนลามที่ไหนได้แค่ถูกจับมือ แต่แกเล่นไปเตะผ่าหมากซะขนาดนั้น เขาไม่เอาเรื่องแกก็บุญเท่าไหร่แล้ว ผู้หญิงอะไรดุจริงๆ แล้วเรื่องงานเหมือนกันฉันจำได้ว่าภายในสามเดือนแกเปลี่ยนงานมาห้าครั้งแล้ว”
พูดพลางก็มองเพื่อนอย่างหมั่นไส้ปนเห็นใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“แล้วแกจะให้ฉันไปทำงานกับผู้ชายที่คอยแต่จะหาเรื่องปล้ำฉันน่ะเหรอฝันไปเถอะ” อนงค์นางน้ำเสียงหงุดหงิด
“ก็หุ่นของแกมันน่าปล้ำนี่หว่า”
ทั้งคู่คุยกันโดยไม่รู้เลยว่า มีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นล่าสุดสีดำสนิทติดฟิล์มหนา จนมองไม่เห็นคนนั่งด้านในกำลังเคลื่อนตัวตามมาห่างๆ