“นึกว่าอยู่ที่ไหนที่แท้บ้านหลังนี้เอง”
ณภัทรพูดพึมพำกับตัวเองพลางจุดรอยยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นจุดหมายปลายของหญิงสาวที่ตัวเองสั่งให้คนสนิทขับรถสะกดรอยตาม เป็นบ้านหลังงามที่ตัวเองเคยขับรถผ่านตอนมาดูทำเลหาที่ดินเมื่อหลายเดือนก่อน
“บ้านนี้เราเคยขับรถผ่านนี่ครับนาย” คนสนิทพูดขึ้นลอยๆ
“อืมม์”
“ตกลงว่านายอยากได้ผู้หญิงคนนี้มากหรือครับ”
คนเป็นนายไม่เอ่ยปากตอบแต่ภายในใจมีคำตอบอยู่แล้วว่า
สิ่งไหนที่ตัวเขามุ่งมาดปรารถนาจะได้...ก็ต้องได้
โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ที่เขาลงทุนติดตามมาด้วยตัวเองทั้งที่ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นก็อย่าหวังว่าจะหลุดมือคนอย่างเขาไปได้ ชายหนุ่มคิดในใจอย่างหมายมาดก่อนจะหันไปสั่งคนสนิทสั้นๆ
“กลับ”
“ครับนาย” คมศักดิ์ปฏิบัติตามคำสั่งโดยทันที
“คม แกคงรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป”
“ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้อย่างเรียบร้อยเลยครับ” คนสนิทรับคำน้ำเสียงหนักแน่น
บ้านหลังงามภายในรั้วไม้ระแนงสีน้ำตาลเข้ม ที่ทำมาจากไม้สักแท้ๆ มีเถาเฟื่องฟ้าที่กำลังออกดอกสีชมพูเข้ม เลื้อยไปตลอดแนวรั้วอย่างสวยงาม คนระแวกนั้นจึงพากันเรียกบ้านหลังนี้ว่า ‘บ้านเฟื่องฟ้า’
ตัวบ้านสร้างเป็นแบบเรือนไทยสมัยโบราณ ทำจากไม้สักทองที่หาได้ยากยิ่งในสมัยนี้ บันไดทางขึ้นนั้นถูกขัดจนขึ้นเงาวับ ตรงตีนบันไดมีอ่างใส่น้ำไว้สำหรับล้างเท้า โดยใช้กะลาขัดมันมีด้ามจับตักล้าง
บริเวณรอบๆ ตัวบ้านมีอาณาเขตค่อนข้างกว้างขวาง ปลูกไว้ด้วยไม้ดอกหลากหลายชนิดโดยฝีมือของคุณองค์อร ซึ่งป็นป้าของอนงค์นางที่สรรหามาปลูกไว้โดยรอบ เพื่อความร่มเย็นของตัวบ้านและป้องกันแสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องลงมา แต่ตามปกติของบ้านไม้ทั่วไปมักไม่ค่อยร้อนอยู่แล้ว อากาศที่นี่จึงค่อนข้างเย็นสบายทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่นอกเมืองแต่อย่างใด
หลังจากจอดรถเรียบร้อยคนถูกติดตามโดยไม่รู้ตัวทั้งคู่ ก็พากันเดินตรงไปยังศาลาทรงไทยหลังย่อมริมสระบัวเล็กๆ ที่บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างสดชื่น เพราะมีสายลมพัดแผ่วๆ ที่พัดมาพร้อมกลิ่นดอกไม้ที่โชยมาเป็นระยะ
“ฉันชอบที่นี่จังนังไหม อยู่แล้วมีความสุขมันอิ่มเอมกับบรรยากาศ เหมาะกับคำว่าบ้านจริงๆ”
ธราธรเอ่ยกับเพื่อนอย่างเหงาๆ ตัวชายหนุ่มเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาว ที่มีสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งทางครอบครัวก็รู้ดีว่าตัวเขาเบี่ยงเบนแบบนี้มาตั้งแต่ต้น กระทั่งทำใจได้ไม่นึกรังเกียจเรื่องมีลูกผิดเพศแต่อย่างใด เขาจึงแยกตัวเองออกมาอยู่คนเดียวที่คอนโดฯ หรูหรา แต่ส่วนใหญ่ช่วงหลังๆ จะมาพักอยู่กับอนงค์นางผู้เป็นเพื่อนมากกว่า
“แกอยู่ตึกสูงๆ จนเคยชินพอมาอยู่บ้านฉันที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ก็เลยตื่นเต้นไงนังธร”
“ก็อาจเป็นอย่างที่แกว่านะไหม”
“ฉันเองถ้าไม่ต้องออกทำงานก็ไม่ได้อยากออกไปไหนเหมือนกันอยากอยู่บ้านมากกว่า”
หลังจากนั่นทอดอารมณ์และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศรอบตัวได้สักพัก ธราธรก็ตัดสินใจพูดกับอนงค์นางด้วยสีหน้าจริงจัง
“นังไหม แกจะต้องดิ้นรนไปหางานทำที่อื่นทำไม ฉันบอกให้แกไปสมัครงานที่โรงแรมของครอบครัวฉัน แกก็ไม่เอาจะดื้อไปถึงไหน”
คนถูกต่อว่ามองหน้าเพื่อนนิ่งๆ
“ฉันเป็นคนไม่ชอบใช้เส้นสายแกเองก็รู้ดีนี่นา ไม่งั้นป่านนี้คงทำงานที่บ้านแกไปนานแล้วแหละ” อนงค์นางมักจะพูดกับเพื่อนอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่อีกฝ่ายพูดถึงเรื่องนี้ “ที่สำคัญฉันไม่อยากถูกคนนินทาลับหลัง ขอบใจความหวังดีของแกนะธร”
พูดพลางก็มองเพื่อนอย่าางซาบซึ้ง เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายดีกับเธอมาตลอด ตั้งแต่เรียนมาหาวิทยาลัยจนถึงทุกวันนี้
“นี่นังไหม ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันเปลี่ยนชื่อเป็นธาร่าไม่รู้จักจำเลยนะแก”
คนพูดทำเสียงกระฟัดกระเฟียด เขาเปลี่ยนชื่อเป็นธาร่าเพื่อความเก๋ไก๋ แต่ดูเหมือนคนที่บ้านและผู้เป็นเพื่อนจะไม่ยอมเรียกชื่อใหม่กันเลย จนอ่อนอกอ่อนใจที่จะพูดแล้ว
“ก็ฉันไม่ชินนี่นา”
ธราธรทำหน้าละเหี่ยแล้วก็ถอนหายใจดังเฮือก “เอาล่ะ ฉันยอมให้ที่บ้านฉันกับบ้านแกเท่านั้นนะเรียกชื่อเก่านะ ถ้าเป็นคนอื่นมีเคือง”
อนงค์นางมองหน้าเพื่อนแล้วก็ตัดสินใจเอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจมานาน
“ฉันถามแกจริงๆ เถอะธร ทำไมเวลายายเจนขอให้แกฝากงานที่โรงแรมให้ ทำไมถึงทำเป็นไม่สนใจหรือไม่ได้ยินฉันเห็นแกเลี่ยงทุกที แต่กลับมาเคี่ยวเข็ญฉันไม่เข้าใจจริงๆ”
“ฉันบอกแกตามตรงเลยนะ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วยัยเจนคนดีของแกน่ะ เป็นพวกปากกับใจไม่ตรงกัน หรือสมัยนี้ต้องเรียกว่าตอแหลสตอรว์เบอร์รี่นั่นแหละ ต่อหน้าทำเป็นพูดดีกับฉันเพราะเห็นว่ามีผลประโยชน์ แต่พอลับหลังก็เอาฉันไปนินทากับคนอื่น บอกว่าที่ทำดีด้วยเพราะฉันมีเงินทอง คอยอำนวยความสะดวกให้เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ความจริงแล้วไม่อยากจะเสวนากับพวกวิปริตผิดเพศอย่างฉันสักนิด ถ้าเป็นแกได้ยินแบบนี้แล้วแกยังอยากจะคบมันอีกหรือเปล่าล่ะ”
อนงค์นางอึ้งเมื่อได้ฟังคำพูดของผู้เป็นเพื่อนซึ่งเธอไม่เคยรู้มาก่อน
“แต่แกอาจไม่เชื่อที่ฉันพูดก็ได้ แกน่ะเป็นคนฉลาดนะแต่บางครั้งก็ไม่เฉลียว ระวังยายเจนไว้ให้ดีเหอะแล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน” ธราธรมองเพื่อนอย่างขัดใจที่อีกฝ่ายทำท่าไม่เชื่อถือเรื่องที่เล่าให้ฟัง
“ฉันไม่ได้ไม่เชื่อแต่แกอาจเข้าใจผิดยายเจนก็ได้นะธร”
อนงค์นางเองไม่อยากมองเพื่อนที่ถูกพูดถึงในแง่ไม่ดีนัก เพราะคบกันมาตั้งหลายปีตัวธราธรอาจเข้าใจผิดก็เป็นได้ เพราะเธอเองก็รู้ว่าเพื่อนทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่
“ไหม วันนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีคนขับรถตามเรามาตลอดเลยนะ” จู่ๆ ธราธรก็เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมา ชายหนุ่มหัวใจสาวเป็นคนช่างสังเกตอยู่แล้ว “เวลาฉันหันไปมองข้างหลังแบบไม่ตั้งใจทีไรก็จะเห็นรถคันที่ว่าทุกครั้ง ถึงแม้จะอยู่ห่างๆ ก็เถอะ พอใกลถึงบ้านแกนั่นแหละรถคันนั้นถึงได้หายไป”
“แกคิดมากไปหรือเปล่าใครจะขับรถตามเราหรือแกไปมีเรื่องตบตีกับใครมาอีก”
คนถูกหาว่าไปเรื่องตบตีกับใครมาค้อนเพื่อนตาขุ่น “แหม...แกนี่สรรเสริญอวยพรฉันเหลือเกินนะนังเพื่อนบ้า แต่ฉันก็อาจคิดเป็นไปเองก็ได้” คนพูดชักเริ่มไม่แน่ใจตัวเองขึ้นมา “แต่มันรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ”
“แกมันชอบเสียวข้างหลังอยู่แล้วนี่นังธร มันยังแปลกสำหรับแกอีกเหรอ” พูดพลางอนงค์นางก็หัวเราะคิกคัก
“นี่นังไหม วันนี้แกเป็นอะไรนักหนากัดฉันได้ทุกเรื่อง แต่ว่ากัดเรื่องเสียวๆ แบบนี้บอกตรงๆ ว่าฉันชอบ พูดแล้วก็เปรี้ยวปากขึ้นมาเชียวไม่ได้กินผู้ชายมานาน” ธราธรพูดพลางหน้าของผู้ชายที่ตัวเองนินทาต่อหน้าต่อตา ก็ลอยเด่นขึ้นมาทันทีทำเอาสะดุ้งเฮือก จนอนงค์นางต้องมองอย่างแปลกใจกับอาการที่เห็น
“พอพูดถึงเรื่องแบบนี้แกเกิดอาการขึ้นมาเหรอนังธร”
“นังไหมบ้า”
ชายใจสาวพูดพร้อมทุบไหล่เพื่อดังพลั่ก ทั้งพยายามปัดใบหน้าของคนที่กำลังนึกถึงออกไปจากห้วงความคิดโดยเร็ว ไม่รู้ว่าถ้าเจอกันครั้งหน้าจะทำหน้ายังไง ไม่น่าปากเสียจริงๆ ธราธรก่นด่าตัวเอง