“โอ๊ย”
เสียงอุทานทำให้ณภัทรที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เห็นหญิงสาวจะล้มก็รีบคว้าตัวไว้ในอ้อมแขนทันที และด้วยความตกใจก็เผลอยืนกอดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยฉัน” คนถูกกอดส่งเสียงแว้ดออกไปอย่างโมโหเมื่อถูกอีกฝ่ายกอดไว้แน่นเกินความจำเป็น
“ผมอุตส่าห์ช่วยคุณนะครับจะขอบคุณสักคำก็ไม่มี ยังมาส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ผมอีก”
ณภัทรพูดบ่นอย่างไม่จริงจังนักเพราะเขาไม่ได้มีเจตนาจะลวนลามอีกฝ่ายแต่อย่างใด และไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่มาแสดงกิริยาท่าทางใส่เขาแบบนี้มาก่อนสักคน และผู้ชายอย่างเขาก็ไม่เคยกอดผู้หญิงคนไหนก่อนเช่นกัน
“ไม่ได้อยากให้ช่วยสักหน่อย ปล่อย...ฉันได้แล้ว”
อนงค์นางพูดน้ำเสียงรอดไรฟันพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงของอีกฝ่าย ทั้งที่ปกติเธอไม่เคยพลาดท่าเสียทีใครได้ถึงเพียงนี้ แค่ถูกจับมือเธอก็เตะผ่าหมากมาแล้ว
นี่ถึงขั้นถูกกอดทั้งตัว
“ถ้าคุณไม่ขอบคุณผมก็ไม่ปล่อย”
ตอนแรกคนกอดก็ตั้งใจจะปล่อย แต่เมื่อเห็นท่าทางแสดงอาการรังเกียจของหญิงสาวก็รู้สึกหงุดหงิด จึงแกล้งก้มลงสูดความหอมจากเรือนผมของคนในอ้อมแขน และทำท่าจะเลยไปถึงข้างๆ แก้มด้วยความเผลอไผล
“ไม่ปล่อยใช่มั้ย นี่แน่ะ”
คนถูกกอดใช้เข่าขวากระแทกเข้าตรงกลางลำตัวของคนกอด ถึงจะไม่รุนแรงแต่ก็มีผลทำให้คนถูกกระแทกถึงกับเซแซดๆ จำต้องปล่อยร่างในอ้อมแขนอย่างแสนเสียดาย แล้วก้มลงงอตัวด้วยความจุกเสียด
ทันทีที่หลุดออกมาจากอ้อมแขนได้ หญิงสาวก็มองคนยืนตัวงออย่างโกรธจัด ที่บังอาจมาถูกเนื้อต้องตัวเธออย่างที่ไม่เคยถูกใครทำเช่นนี้มาก่อน นึกอยากจะเตะอีกสักป้าปแต่ยั้งเท้าไว้ได้ทัน ก่อนจะเดินสะบัดหน้าจากไปโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ยืนตัวงอแต่อย่างใด
คนถูกเข่ากระแทกตรงหว่างขาและกำลังยืนตัวงออยู่ มองตามหลังคนทำไปด้วยสายตาคมวาววับ เมื่อกี้แม้จะไม่โดนอย่างจังเพราะหลบทันแต่ก็ยังโดนเฉียดๆ แต่ก็จุกเสียดไม่น้อย
แสบนักนะแม่คุณ แต่แบบนี้แหละถูกใจเขาที่สุด
“พี่แพรขาไหมกลับมาหรือยัง พอดีธรวิ่งเข้าห้องน้ำออกมาก็ไม่เห็นแล้ว” ธราธรที่ภายในอ้อมแขนมีกุหลาบแดงช่อใหญ่ที่ยังคงสวยสดถืออยู่ วิ่งพรวดพราดเข้ามาเอ่ยถามลออองค์ที่นั่งอยู่คนเดียว
“อ้าว พี่เห็นไหมเดินตามธรไปนี่นา” คนถูกถามพูดน้ำเสียงงงๆ
“ถ้างั้นเดี๋ยวธรไปตามหาไหมก่อนนะคะ”
พูดจบธราธรก็รีบวิ่งตรงไปที่ลิฟต์อีกครั้ง ซึ่งคมศักดิ์ที่เดินเตร่รอคนเป็นนายอยู่แถวๆ นั้น เห็นช่อกุหลาบที่ชายหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ้นถือก็รู้ทันทีว่า เป็นช่อเดียวกับที่เจ้านายให้เอาไปเสียบไว้ที่รั้วบ้านของหญิงสาวที่กำลังให้ความสนใจ จึงก้าวตามธราธรที่กำลังง่วนอยู่กับการกดโทรศัพท์ไปทันที
“ว๊า...นังไหมทำไมไม่รับโทรศัพท์” ธราธรบ่นงึมงำเมื่อโทร.เข้าเครื่องผู้เป็นเพื่อนแต่ไม่มีคนรับสาย แล้วก็สะดุ้งโหยงเมื่อถูกสะกิดเบาๆ ที่แขน
“ขอโทษครับ ผมขอยืมมือถือหน่อยได้ไหมพอดีแบตเตอรี่ใกล้หมด”
ธราธรหันมามองครั้นเห็นคนสะกิดเป็นชายหนุ่มหน้าคมเข้ม มาขอยืมโทรศัพท์ก็ส่งให้พร้อมกดวางสายของเพื่อนทันที จึงเสียรู้คมศักดิ์ที่รีบดูเบอร์ของที่เจ้าของเครื่องกดโทร.ออกเมื่อครู่ แล้วกดไว้ที่เครื่องตัวเองอย่างรวดเร็วโดยแกล้งชวนคุยไปด้วย
“ดอกกุหลาบสวยจังนะครับ”
“อ๋อ...มีหนุ่มที่ไหนไม่รู้เอามาเสียบไว้ที่รั้วบ้านเพื่อนค่ะ เพื่อนจะทิ้งลงถังขยะแต่ธรขอมาเพราะเสียดาย” ธราธรพูดเจื้อยแจ้วเล่าความจริงให้ชายหนุ่มแปลกหน้าฟัง ตามประสาคนเห็นผู้ชายหน้าตาดีไม่ได้ แต่ก่อนพูดอะไรต่อไปอีกก็ได้ยินเสียงเพื่อนดังขึ้นมาเสียก่อน
“นัง...ธร”
อนงค์นางเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยสีหน้าราวกับอยากจะฆ่าคน ซึ่งคำเรียกขานแบบนี้แสดงว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างรุนแรง
“แกเป็นอะไรไปหรือไหมทำไมทำหน้าเหมือนจะฆ่าใครหรือว่าแกโกรธฉัน แต่ฉันก็กำลังเดินตามหาแกอยู่นะ”
ธราธรงงในอาการของเพื่อน เพราะหลังออกจากห้องน้ำก็รีบไปที่รถ หยิบกระเป๋าตังค์กับช่อดอกไม้แล้วก็รีบลงมาทันที เพราะคิดว่าถ้าอนงค์นางไม่เห็นตัวเองก็น่าจะลงตามมา
“ฉันโทร.หา แกก็ไม่รับ”
“โทร.ศัพท์อยู่ในกระเป๋าไม่ได้ถือมาด้วย ความจริงถ้าแกรีบขนาดนี้มาคนเดียวตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” คนกำลังอารมณ์เสียบ่นเพื่อนเสียงขรม
“ที่ฉันรีบไปเพราะฉันปวดฉี่เลยเข้าห้องน้ำก่อนออกมาก็ไม่เจอแกแล้ว" ธราธรพูดเสียงอ่อยพลางมองเพื่อนอย่างขอโทษ “แล้วแกไปไหนมาหรือ”
“ฉันก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นเก้านั่นแหละแต่เจอไอ้คนโรคจิต หน้าตาก็ดี เกลียดคนแบบนี้ที่สุด” อนงค์นางบ่นอย่างโกรธๆ แต่ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังว่าโดนคนโรคจิตที่พูดถึงทำอะไรมาบ้าง
“แล้วไอ้โรคจิตที่ว่านั่นทำอะไรแกหรือเปล่า” ธราธรถามโดยลืมไปเลยว่ามีชายหนุ่มแปลกหน้าอยู่ตรงนี้อีกคน
คนถูกถามอึ้งไปชั่วครู่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ไม่ทันได้ทำหรอก ฉันใช่เข่ากระแทกที่ไอ้นั่นไปทีหนึ่งแต่เสียดายเบาไปนิด”
คมศักดิ์ที่ยืนฟังทั้งคู่คุยกันโดยไม่ได้มีทีท่าสนใจเขาเลยสักนิด คงกำลังโกรธตัวต้นเหตุที่ไม่พ้นเป็นเจ้านายเขา จึงรีบเดินเลี่ยงออกมาแล้วกดโทรศัพท์หาทันที
“นายอยู่ที่ไหนครับ”
“กำลังลงมา เดี๋ยวค่อยคุยกัน”