“ขอบใจ คิดอยู่ว่าหายไปไหน”
“แหะ ๆ ฉันซักแล้ว สบายใจได้”
แผ่นดินขยับยิ้มนิดหน่อย สายตาของเขาอ่อนโยนมากจนฉันแทบละลาย ช่วงนี้นายขยันมองฉันด้วยสายตาแบบนี้บ่อยจัง อย่าทำให้ฉันคิดไปเองบ่อย ๆ ได้มั้ย ฉันก็เป็นคน มีเลือดเนื้อหนังอุ่น ๆ นะ
รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวจนเกือบจะล้มเลยแหนะ
“พี่หลา! หวัดดีค่า”
เสียงใส ๆ ของน้องฟ้าดังขึ้นทำให้ฉันดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะวิ่งมากอดแขนฉันเหมือนคิดถึงราวไม่ได้เจอกันเป็นปี “ไม่ได้เจอพี่หลาตั้งนาน คิดถึงจัง”
“จ้า พี่ก็เหมือนกัน” ฉันลูบหัวเด็กขี้อ้อนเบา ๆ
“พี่หลาดูเหนื่อย ๆ นะคะ ตาล้ามากเลยอะ”
“งานเยอะน่ะ”
“งานเยอะแต่ก็ยังอุตส่าห์มาอีกนะคะ”
ฉันเหลือบมองเจ้าคนต้นเหตุที่เดินเข้าคณะไปแบบ เงียบ ๆ
“ช่วยได้ก็ช่วยไปก่อน เข้าไปกันเถอะ”
“ค่ะ!”
เห็นรอยยิ้มของว่าที่น้องสามีแบบนี้ก็เหมือนได้ชาร์ตพลัง
เด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ ที่ยังมีกลิ่นแป้งเด็กแบบนี้นี่ดีจังเลยน้า นุ่มฟูน่าบีบน่ากอดจริง ๆ
ฉันเดินตามน้องฟ้าไปถึงห้องโถงใหญ่ พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าในนั้นส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงสวย ๆ ทั้งนั้น เหมือนแหล่งรวมดาวคณะ ดาวเมเจอร์ยังไงยังงั้นแหละ ส่วนจุดรวมสายตาของสาว ๆ เหล่านั้นก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเดือนคณะเกษตรปีสาม ใช่ค่ะ ตาคนเนื้อหอมที่ชื่อแผ่นดินนั่นแหละ
ฉันไม่ได้บอกใช่ไหมคะว่าเขาน่ะเป็นถึงเดือนคณะเกษตร แต่โชคร้ายที่ไม่ได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยคู่กับฉันเพราะแพ้ให้กับเดือนคณะแพทย์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็หล่อที่สุดในสายตาของฉันอยู่ดี และนอกจากฉันก็ยังมีสาว ๆ อีกหลายคนที่เห็นแบบเดียวกันด้วย ไม่อย่างนั้นจะมารวมตัวกันที่นี่ได้เหรอ
คู่แข่งเยอะจนน่ากลัวไปนะบางที แต่เพราะการวางตัวของแผ่นดินที่เหมือนมีกำแพงหนา ๆ ขวางไว้อยู่ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เหมือนทุกคนถูกจับเข้าโซนเพื่อนร่วมโลกทันทีที่คิดจะเดินเข้าไปในชีวิตของเขา ซึ่งตัวฉันเองก็คงไม่แตกต่างกันล่ะมั้ง
พูดเรื่องจริงทีไรก็เศร้าทุกทีสิ
“พี่หลาดูเหนื่อยจริง ๆ นะคะ ไหวมั้ยคะเนี่ย”
เสียงของน้องฟ้าเรียกสติของฉันกลับคืนมาอีกครั้ง ขณะที่ฉันกำลังกรอกข้าวสารใส่ถุงทองใบจิ๋วที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนผู้บริจาค
“อาจจะอยู่ได้ไม่นานล่ะมั้งคะ” ฉันตอบแบบฝืนขั้นสุด ทั้งที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่ก็เหนื่อยจริง ๆ นะ ตั้งแต่เช้าก็ต้องทำงานโปรเจ็ค ตอนบ่ายก็ต้องซ้อมหลีดให้น้องปีหนึ่ง ตกเย็นก็มากรอกข้าวสารใส่ถุงเงินถุงทอง ถ้าฉันเป็นลมเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอนี่ ไม่ต้องแปลกใจเลยนะ
อยากได้คาเฟอีนจัง
“ถ้าเหนื่อยก็ควรพักผ่อน ไม่เห็นต้องฝืนมา”
ฉันเงยหน้ามองตามต้นเสียงที่คุ้นเคย เขามายืนอยู่ข้างหลังตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ในมือมีเจ้าตัวผลผลิตคาเฟอีนอยู่
“ก็ฉันอยากมีส่วนร่วมด้วยนี่นา”
แผ่นดินถอนหายใจเมื่อเจอความรั้นของฉัน ส่วนฉันเมื่อโดนดุแทนที่จะหงอย แต่กลับรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น คงเพราะมีเขาเป็นที่ชาร์ตพลัง พลังใจนะ ส่วนพลังกายนี่ใกล้ติดลบแล้วจริง ๆ
ฉันมองตามน้องฟ้าที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นพาตัวเองออกไปจากฉากตรงนี้แบบเงียบ ๆ พอฉันถามด้วยสายตาน้องเขากลับส่งวิ้งมาให้เหมือนรู้ใจ เป็นว่าที่น้องสามีที่น่ารักจริง ๆ
แผ่นดินนั่งลงข้าง ๆ ฉัน ทำให้ฉันเผลอขยับตัวเว้นระยะ คือไม่ได้ขยับหนีนะ แค่ไม่อยากกระโดดเข้าไปเบียด เพราะอาจถูกสายตาของผู้หญิงพวกนั้นฆ่าเอาได้
“กาแฟมั้ย” เขายื่นกาแฟอีกแก้วมาให้ฉัน
“ขอบใจ” ฉันรับมาด้วยสองมือ กาแฟร้อนในแก้วกระดาษช่วยผ่อนคลายได้เยอะเลย เพราะอากาศหลังดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้วเริ่มจะเย็นลงมาก แถมห้องโถงก็ยังจะเปิดแอร์ซ้ำเข้าไปอีก คนขี้โรคอย่างฉันจึงรู้สึกไวเป็นธรรมดา รู้แบบนี้ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วยก็ดี
ฉันยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม พอรู้รสก็ตาโตมองคนข้าง ๆ ทันที
“ไม่ชอบเหรอ เห็นเธอสั่งเมื่อวาน”
“ชอบสิ! แหะ ชอบมากด้วย” ฉันแอบยิ้มเบา ๆ พร้อมกับหลบสายตาของเขาไปด้วย เขินอ่ะ เขินที่ชงลาเต้มาให้ เขินในความใส่ใจของเขาที่รู้ว่าฉันชอบอะไร คนอะไรเซอร์วิสเก่งเป็นบ้า นายกำลังทำให้ฉันหลงนายหนักกว่าเดิมนะ รู้ตัวบ้างไหม ขยันโปรยเสน่ห์เหมือนรู้ว่าฉันชอบ
หรือว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว
ฉันค่อย ๆ ช้อนตามอง ตั้งใจว่าจะแอบมองเหมือนอย่างเคย แต่กลับพบว่าเขากำลังมองและยิ้มให้อยู่แล้ว ทั้งสายตาและรอยยิ้มอบอุ่นกำลังมองฉันอยู่ มันทำให้ฉัน...เหมือนโดนจับได้ ทั้งที่ปกติฉันจะเป็นคนวิ่งไล่จับแท้ ๆ แต่วันนี้กลับรู้สึกเหมือนถูกจับเอาไว้เสียเอง…
ฉันเผลอลูบแขนตัวเองด้วยความเคยชินเวลาถูกดึงสติจนหลุดไป
“หนาวเหรอ”
ฉันพยักลงหน้าช้า ๆ
เวลาที่สติหลุด ก็มักจะปฏิเสธไม่เป็นด้วย เป็นข้อเสียที่แก้ไม่หายสักที
ทว่าการกระทำต่อมาของเขากลับทำให้สติของฉันล่องลอยออกไปไกลมากกว่าเดิม เมื่อเขาถอดเสื้อตัวที่ฉันเอามาคืนมาวางสวมไว้บนไหล่ …
เขาไม่ได้ทำแบบให้นี้ทุกคนใช่ไหม
เขาทำให้ฉันคนเดียวใช่ไหม
ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม
ว่าเขาก็มีใจให้ฉัน เหมือนกัน