เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนธันวาคม สิ่งที่รอฉันอยู่ไม่ใช่เทศกาลคริสต์มาสหรือปีใหม่ แต่เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น! ใช่ค่ะ มันคือไฟนอล! ช่วงวัดความเป็นความตายของฉันเลยล่ะ แถมค่าขนมตลอดเทอมสองก็ขึ้นอยู่กับมันด้วย และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้ฉันกับแผ่นดินต้องห่างกัน เพราะต่างคนต่างต้องตั้งใจเรียน ถามว่าเหงามั้ยเวลาไม่ได้เจอเขา มันก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรอก เพราะ…
[กำลังจะไปไหนน่ะ]
“ไปห้องสมุดจ้า” ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นสูงเพื่อให้กล้องหน้าส่องไปข้างหลังเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง ก่อนจะดึงลงมาระดับใบหน้าเท่าเดิม และส่งยิ้มให้คนในจอ
ใช่ค่ะ! ฉันกำลังเฟสไทม์! มันข้ามขั้นตอนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเราสนิทกันถึงขั้นเฟสไทม์กันแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยไม่เหงาเท่าไหร่ เรียกว่าไม่เหงาเลยดีกว่า เพราะทุกครั้งที่เผลอคิดถึงเขา แผ่นดินก็จะโทรมาหาทุกครั้งเลย เหมือนรู้ว่าฉันว่างตอนไหนบ้าง เพราะตลอดหนึ่งสัปดาห์มานี้เขาไม่เคยโทรมาช่วงที่ฉันเรียนหรือนอนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนใหญ่จะโทรมาช่วงพักกลางวัน หรือตอนเลิกเรียนมากกว่า ส่วนเขาน่ะ ไม่อยู่ในสวนผัก ก็อยู่ในคอกไก่ของเขานั่นแหละ และนาน ๆ ทีพวกเราก็ถึงจะได้เจอกัน
[วันนี้กลับดึกมั้ย]
“น่าจะ”
[วันนี้กลับพร้อมกันมั้ย]
“จะมารับเหรอ” ฉันมองเขาตาเป็นประกาย แต่สงสัยจะออกอาการมากไปหน่อยจนเขาขำ
ปกติควรจะขายหน้านะ แต่ฉันน่ะชอบรอยยิ้มตาสระอิกับเสียงหัวเราะของเขามากเกินไปจนมองข้ามเรื่องพวกนั้นไปหมด นี่ล่ะน้า สำหรับคนที่ชอบ ทำอะไรก็ดูดีไปหมด
[กลับดึก ๆ มันอันตราย]
“เป็นห่วงเหรอ” ฉันถามเขาแบบเตรียมล้อเลียนเต็มที่ แต่ว่า
[เป็นห่วงสิ]
กลับเป็นฉันเองที่ไปต่อไม่ไหว เหมือนหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
อย่าทำให้ชอบไปมากกว่านี้ได้มั้ย!
ฉันพยายามฮึบ! กลั้นยิ้ม ทั้ง ๆ ที่โหนกแก้มน่ะยกขึ้นสูงจนทะลุขอบฟ้าไปแล้ว ก็คนมันเขินอะ มีผู้ชายที่ชอบมาพูดว่าเป็นห่วงแบบนี้ เป็นใคร ๆ ก็เหลวเป็นน้ำเถอะ จากยิ่งชอบ จะกลายเป็นยิ่งหลงเข้าไปอีก หลงรักเขาจนอยากจะยกบัญชีทั้งหมดของตัวเองเป็นค่าสินสอดให้เลยด้วยซ้ำ! แต่ติดที่ทั้งบัญชีมันมีแค่ไม่กี่พันนี่สิ ไม่เป็นไร ฉันจะทำงานหาเงินไปขอนายเอง! จะกี่สิบล้านก็ยอม!
“เจอกันที่ห้องสมุดนะ” ฉันรีบตัดบทและกดปิดเพื่อไม่ให้ตัวเองเขินไปมากกว่านี้
ถ้าอยู่ที่ห้อง ทั้งหอต้องตกใจกับเสียงกรี๊ดเหมือนคนถูกลอตเตอรี่ของฉันแน่ ๆ ใครจะคิดว่าบทสนทนาที่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในความเพ้อฝันนั้นมันจะเป็นจริง
เขา! เป็น! ห่วง! ฉัน!
ไม่ต้องมโนอีกต่อไปแล้วค่ะ ดาหลาเอ๋ย ใกล้ความจริงเข้าไปอีกก้าวแล้วนะ ขอบคุณที่ไม่ท้อไปซะก่อน ขอบคุณแพนตี้สีแดงในวันนั้นที่ทำให้ฉันได้คุยกับเขา ขอบคุณโบสีแดงที่ทำให้ฉันได้เป็นเพื่อนกับเขา ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ T^T
ฉันนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ ตรงที่ประจำ คือมันก็ไม่ใช่ที่ส่วนตัวหรอก ใครดีใครได้ ใครไวกว่าก็ได้ก่อน ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มันเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างจะดีมาก ๆ เลยล่ะ ด้วยความที่มหาวิทยาลัยดูรักนักศึกษามาก! ถึงได้สร้างส่วนขยายนี้ขึ้นมา!
มันคือชั้นอ่านหนังสือที่เป็นเหมือนห้องเล็ก ๆ ที่นั่งได้ประมาณสามสี่คน มีโต๊ะกลมญี่ปุ่นตรงกลางและเบาะรองนั่งนุ่ม ๆ หลายสิบใบบนพื้นพรมที่แม่บ้านมักจะบ่นให้ฟังว่าส่วนนี้เป็นส่วนที่ทำความสะอาดยากที่สุด ทางห้องสมุดเลยออกกฎ ห้ามนำอาหารเครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณนี้เด็ดขาด และถึงแม้ว่าจะมีคำบ่นตามหลังแต่ทุกคนก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี เพราะไม่อยากถูกยึดสิทธิ์ แถมห้องตรงนี้ก็เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วย บางคนยึดเอาไว้เป็นบ้านหลังที่สองด้วยซ้ำ ยิ่งใกล้วันสอบ ยิ่งต้องเคร่งครัดกับตัวเองมากขึ้น อดทนแค่เดือนเดียว หลังจากนั้นจะไปปล่อยผีที่ไหนก็ไป
และคนที่ต้องทำเกรดอย่างฉัน แม้จะมีช่วงที่วิ่งตามผู้ชาย แต่การเรียนนั้นก็สำคัญเหมือนกัน เพราะมันส่งผลต่อค่าขนมโดยตรง แค่คิดถึงหน้าป๊ากับแม่ตอนเห็นว่าเกรดลูกสาวตกลงก็สยองแล้ว
“หลา”
ฉันเงยหน้าจากหนังสือ ช้อนขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียก ก่อนจะส่งยิ้มแบบสระอิให้
“มาเร็วจัง”
แผ่นดินถอดรองเท้าจัดวางอย่างเรียบร้อย (แถมยังจัดเผื่อคู่ของฉันด้วย) ก่อนจะขึ้นมานั่งที่เบาะตรงข้าม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ทำเอาฉันเกือบเคลิ้ม นี่เขาไปอาบน้ำมาเหรอ แต่ทำไมถึงยังอยู่ในชุดนักศึกษาล่ะ
“ดินเพิ่งล้างตัวมาน่ะ ให้เข้าห้องสมุดพร้อมกลิ่นขี้ไก่คงไม่ดีเท่าไหร่” แผ่นดินพูดขึ้นอย่างกับอ่านใจฉันออก
ส่วนฉันก็ได้แต่หัวเราะเบา ๆ เพราะคำพูดตลก ๆ ของเขา
“ก็จริงนะ”
“แล้วกินข้าวรึยัง”
ฉันดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ
“ข้าวเที่ยงอะกินแล้ว แต่ข้าวเย็นอะยัง เพิ่งจะห้าโมงเย็นเอง”
“งั้นหกโมงออกไปกินข้าวกัน แล้ววันนี้จะกลับกี่ทุ่ม”
“พรุ่งนี้หลามีพรีเซนต์ตอนเช้า น่าจะไม่ดึกมากมั้ง สักสี่ทุ่ม…”
“กลับสามทุ่มแล้วกัน ดึก ๆ มันหนาว เดี๋ยวไม่สบาย”
ไม่รู้ว่าฉันมโนไปเองหรืออย่างไร เวลาเห็นเขาแสดงท่าทางเป็นห่วง ทั้ง ๆ ที่แค่พูดคำพูดธรรมดา ๆ ออกมา แต่กลับได้ยินคำว่าคะขาออกมาด้วยตลอดเลย แถมสายตาก็ดูห่วงเกินเหตุ ไม่ใช่ว่ามองฉันเป็นน้องสาวไปอีกคนนะ
ไม่เป็นนะน้องสาว! จะเป็นแฟน!