แต่บางครั้งในสายตาฉัน แผ่นดินก็เหมือนพ่อคนที่สองยังไงไม่รู้ อารมณ์ห่วงลูกสาว ต้องไปรับไปส่ง ถึงห้องก็โทรเช็กว่านอนหรือยัง ทำไมยิ่งคิดยิ่งไกลจากคำว่าแฟนไปทุกที
“ดิน”
“หืม”
“รู้มั้ย”
“ว่า”
“เหมือนพ่อเลย”
แผ่นดินมองค้อนฉันแรงมากเมื่อโดนล้อ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็เหมือนจริง ๆ นี่นา บางทีก็แอบคิดว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันเลย ป๊าฉันได้ไปไข่ทิ้งหรือเปล่า ทำไมฉันกับแผ่นดินถึงได้มีหน้าตาที่คล้ายกันขนาดนี้ ถ้าไปเดินข้างนอกพร้อมกันกับน้องฟ้าด้วยนี่แทบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันเลย แต่ข้อสันนิษฐานก็ถูกปัดตกเมื่อแท้จริงแล้วพวกเราก็มีเชื้อจีนด้วยกันทั้งคู่ ฉันนี่ก็ลูกสาวร้านทองที่อาม่าอากงอพยบมาตั้งรกรากที่นี่ กับเขาที่เป็นลูกเจ้าของโรงสี หวังว่าบรรพบุรุษของพวกเราจะไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกว่าพรหมลิขิต!
ฉันพยายามอ้าปากงับลมเพื่อไม่ให้หัวเราะ แล้วแผ่นดินคงเห็นฉันทำหน้าตาประหลาด ๆ เลยขำไปด้วย เพราะที่นี่เป็นพื้นที่งดใช้เสียง มันเลยเหมือนละครใบ้ที่เราทั้งคู่ระเบิดหัวเราะออกมาแต่ออกเสียงไม่ได้ เลยได้แต่ทุบหมอนแทน
กว่าจะเรียกสติกลับคืนมาได้ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว สรุปคือแทบไม่ได้อ่านหนังสือเลยเพราะมัวแต่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ พวกเราก็เลยย้ายกันออกมาข้างนอกแทน
“เพราะดินเลยนะ ทำให้หลาไม่ได้อ่านหนังสืออะ” ฉันโยนความผิดให้เขา แต่ดูเหมือนเขาจะขำไม่เลิกจริง ๆ นะเนี่ย แล้วมันทำให้คนบ้าจี้อย่างฉันขำตามไปด้วยนี่สิ
“ก็หลาทำหน้าเหมือนปลาในตู้เลยอะ เวลามันงับอากาศนี่เหมือนกันเลย ฮ่า ๆ ๆ”
ฉันฟาดลงแขนแน่น ๆ ของเขาด้วยความมันเขี้ยว ส่วนเขาก็สวนกลับด้วยการยีผมฉันจนฟูจนพอใจ โดยที่ฉันไม่สามารถต่อต้านได้เพราะกำลังฟิน
“ไปกินข้าวกัน”
“อืม ร้านไหน”
ฉันถามพร้อมกับรับเอาหมวกกันน็อคมาสวม คราวนี้ไม่ต้องแกล้งอ่อยเหมือนที่ผ่านมา เพราะทันทีที่สวม แผ่นดินก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหมือนเป็นหน้าที่ไปแล้ว ส่วนฉันก็ได้แต่มองรอยย่นบนหน้าผากของเขาอย่างเอ็นดู อยากจิ้มจัง แต่ไม่กล้า รอให้สนิทกันมากกว่านี้ก่อนก็แล้วกัน
“ไปร้านที่หลาชอบสิ วันนี้ตามใจหนึ่งวัน”
ฉันกระตุกยิ้มอย่างห้ามใจไม่ไหว มันไม่ไหวจริง ๆ ทำไมเขาถึงทรีตฉันเหมือนน้องเหมือนแฟนขนาดนี้นะ ให้ตายสิ นายกำลังอ่อยฉันอยู่หรือเปล่า!
“งั้นไปเดินหน้าม.กัน ไม่อยากกินข้าวอ่ะ อยากกินขนม”
“แหนะ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ”
โดนดุหนึ่งครั้ง เท่ากับโดนดุตลอดไปจริง ๆ
“ไหนบอกตามใจหลาหนึ่งวัน” ฉันประท้วง พร้อมกับขึ้นซ้อนท้ายไปแบบงอน ๆ ก็กล้างอนเขาเนอะ แฟนก็ไม่ใช่ กลัวเขาไม่ง้อนะ แต่เดี๋ยวหายเองก็ได้ งอนเอง ง้อเอง ดาหลาชินแล้วค่ะ ฮือ... TT
ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับจับชายเสื้อของเขาเหมือนเป็นปกติ แต่ว่าจู่ ๆ มือของเขาก็คว้าหมับที่ข้อมือของฉันเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบรอบเอวของเขาแทน
ส่วนสติของฉันในนาทีนั้น ก็ได้หลุดลอยหายไปแล้ว ปลิดปลิว เคว้งคว้างกันเลยทีเดียว
“ครับ ๆ ตามใจแล้วครับ หายงอนนะ”
แม่คะ! ดาหลาอยากแต่งงาน!!!
ปกติเพื่อนผู้ชายเขาตามใจและดูแลเพื่อนผู้หญิงแบบเจ้าหญิงแบบนี้ไหมไม่รู้เหมือนกัน เพราะสติของฉันหายไปพร้อมกับเอวอุ่น ๆ ของเขาไปแล้ว อย่าคิดลึกเชียวนะ! ฉันแค่กอดเอวเขามาถึงหน้าม.เท่านั้นเอง
ก็เป็นครั้งแรกนี่นาที่ได้ใกล้ชิดขนาดนี้ ปกติแล้วเราสองคนแม้ว่าจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็มักจะทำตัวเหมือนพระกับสีกามาตลอด โดนตัวทีนึงเหมือนต้องของร้อน ใกล้กันทีไรเหมือนอยู่กลางแดดเดือนเมษา แต่เพราะนี่คือฤดูหนาวหรือเปล่า แทนที่จะร้อน กลับรู้สึกว่ามันอบอุ่น
แผ่นดินจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ส่วนฉันก็ค่อย ๆ ลงพร้อมปลดหมวกกันน็อคส่งคืนให้เขา และปรับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด แม้ว่าจะถูกจับได้ทีหลังก็ตาม ก็คนมันเขินอ่ะ ห้ามกันได้ด้วยเหรอ
ฉันพยายามใช้ผมฟู ๆ ของตัวเองปิดซ่อนใบหูที่คงจะแดงเหมือนสีไฟจราจร ก่อนจะเป็นคนเดินนำ
“ไปกินลูกชิ้นปิ้งกัน”
“ร้านป้าปิดวันนี้ไม่ใช่เหรอ” แผ่นดินพูดถึงร้านแผงลอยเจ้าประจำที่ฉันชอบไปยืนกินอยู่บ่อย ๆ
ฉันส่ายหน้าช้า ๆ
“ร้านลูกชิ้นหน้าม. ไม่ได้มีแค่ร้านเดียวสักหน่อย”
ฉันยิ้มจนตาหยี พร้อมเดินนำไปที่ร้านลูกชิ้นปิ้งอีกร้านที่เปิดอยู่ใกล้ ๆ
“อ้อ” แผ่นดินมองไปรอบ ๆ เหมือนสำรวจ ก่อนก้มมองดูเหล่าลูกชิ้นปิ้งที่วางอยู่ตรงหน้า
ส่วนฉันก็หยิบทุกอย่างอย่างละสองไม้ส่งให้เจ้าของร้าน
“กินเยอะจัง”
“หลาเอาไปฝากยายมิ่งด้วย ช่วงนี้นางกลับห้องดึก เผื่อหิว”
“เป็นห่วงกันดีจังเลยนะ”
“ก็เพื่อนตั้งแต่เกิดนี่นา” ฉันยื่นเงินให้ลุงเจ้าของร้านพร้อมส่งยิ้มให้อีกหนึ่งทีเป็นการขอบคุณที่อุตส่าห์อุ่นลูกชิ้นให้เป็นพิเศษ “แล้วดินไม่กินเหรอ” ฉันถามเมื่อเราเดินออกมาจากร้านแล้ว ส่วนฉันก็เดินกินไปด้วย ภาพลักษณ์ใด ๆ ไม่จำเป็นต้องรักษาแล้วล่ะตอนนี้
“ไปกินกวยจั๊บกันมั้ย”
“ตอนเย็นหลากินอะไรที่หนักท้องมากไม่ได้นะ เดี๋ยวท้องอืด” ฉันยื่นถุงลูกชิ้นให้แผ่นดินเชิงถามว่าจะกินด้วยกันไหม แต่เขากลับส่ายหน้า ทำเอาจ๋อยไปเลย