Chapter 5 ซ่อนเสน่หา
“อะไรคะ?”
วาดจันทร์ก้มลงมองเงินปึกหนึ่งที่ถูกวางลงตรงหน้า หล่อนเงยขึ้นไปสบตากับเจ้าของเงินคล้ายเป็นคำถาม เพราะจู่ๆ เขาก็เรียกให้มาหาที่ห้องทำงาน จากนั้นจึงนำเงินมาวางให้โดยไม่เกริ่นถึงที่มาที่ไป
“เงินของเธอที่เอาไปให้แม่บ้าน ฉันขอใช้คืนทุกบาททุกสตางค์”
น้ำเสียงคนพูดฟังดูกึ่งๆ ไม่พอใจ รอยยิ้มที่ไม่มีให้กันพร้อมสีหน้าบึ้งตึงทำให้หญิงสาวไม่กล้าสบตาที่จับจ้องมองตน
“ใครบอกพี่แทนเรื่องนี้คะ”
“ฉันเรียกแม่บ้านมารับเงินตกเบิก ก็เลยรู้ว่าเธอน่ะหวังดีจนเกินขอบเขตเกินหน้าที่ของตน ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ!”
“พอดีป้ากุลต้องใช้เงินด่วน ใบตองเลยเอาของตัวเองให้ไปก่อน”
“เธอรวยนักรึไง ฮึ! เอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย”
คนฟังถึงกับสะอึกพูดอะไรไม่ออก หล่อนนั่งก้มหน้านิ่งขอบตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่เขามองไม่เห็นความหวังดีที่มีให้กัน
“ที่เธอทำลงไปน่ะมันไม่ต่างอะไรกับการดูถูกว่าฉันไม่มีปัญญาเอาตัวรอด ต้องให้คนอื่นมาช่วยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต”
“แต่…ใบตองไม่ได้คิดแบบนั้น”
“แล้วทำไมเธอไม่มาทวงกับฉัน ทำไมไม่คิดว่าฉันอาจหลงลืมไปบ้าง”
“จะให้ถามตอนไหนคะ พี่แทนเมาแทบทุกวันจนไม่สนใจอะไร”
ตะวันวาดนิ่งเงียบเถียงไม่ขึ้น เพราะที่หล่อนพูดนั้นก็ถูก แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่หล่อนทำลงไปแล้วเขาไม่พอใจอย่างแรง และนั่นคือสาเหตุที่เขาเรียกเธอมาต่อว่าเพราะเขามองว่าวาดจันทร์กำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของตนมากเกินไป
“อ้อ ยังมีอีกเรื่อง ใครใช้ให้เธอเอาเรื่องนี้ไปบอกที่บ้านของฉัน รู้บ้างมั้ยว่าสิ่งที่ทำลงไปทำให้คุณแม่ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เธอก็รู้ว่าฉันไม่อยากรบกวนใคร ปัญหาของฉัน เดี๋ยวฉันแก้ของฉันเองได้”
“ใบตองไม่ได้ตั้งใจที่จะบอก พอดีเจอพี่เพทตอนเลิกงาน เขาถามก็เลยได้คุยกัน”
หล่อนหมายถึงเพทาย ซึ่งเป็นน้องชายของตะวันวาด จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่การเจอกันโดยบังเอิญ แต่เป็นการจงใจของฝ่ายชายที่มาชวนหล่อนไปดูหนังแล้วเลี้ยงข้าวมื้อเย็น
“หึ…”
“ทำไมถึงยิ้มแบบนั้นคะ พี่แทนพูดมาตรงๆ เลยดีกว่า”
หญิงสาวเริ่มจะทนไม่ไหวเพราะท่าทีที่ไม่ชัดเจน เพราะหลังจากที่ได้รู้ว่าหล่อนนั้นไปกับใครอีกฝ่ายก็กระตุกยิ้มคล้ายไม่พอใจในพฤติกรรม
“มันคือการเจอกันโดยบังเอิญ หรือนัดกันไปต่อที่ไหนกันแน่”
วาดจันทร์เม้มปากพร้อมมือที่ประสานอยู่บนตักแอบกำเข้าหากันอย่างลืมตัว เมื่อเขาเอ่ยออกมาคล้ายรู้ทัน
“แล้ว…ถ้านัดกันจริงๆ พี่แทนจะว่าอะไรมั้ยคะ”
“ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าหมอนั่นคิดจะทำอะไร”
“แล้วถ้ามีครั้งต่อไป พี่แทนจะอนุญาตมั้ยคะ”
เหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูด ตะวันวาดขบกรามแน่นเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกลองดีด้วยวาจาแสนท้าทาย
“เธอนี่ชักจะปากดีขึ้นทุกวัน ฉันจะว่าอะไรเธอได้เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วนั่นก็ตัวของเธอจะไปมั่วกับใครที่ไหนก็เชิญ”
*‘เป็นบ้าอะไรของเขา’*
วาดจันทร์ขบกรามแน่นเมื่อถ้อยคำดูถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากได้รูป ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยใส่ใจแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเพทายคิดไม่ซื่อกับหล่อนมาตั้งนานแล้ว แต่ความสัมพันธ์นั้นไม่เคยพัฒนาไปมากกว่าคำว่าพี่ชาย เพราะหัวใจของหล่อนนั้นซ่อนรักที่ไม่อาจเปิดเผยได้จนไม่เหลือพื้นที่ให้ใคร
เหมือนจู่ๆ เขาก็อารมณ์เสียขึ้นมามากกว่าเดิม ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เพื่อที่จะเดินหนีไปข้างนอก แต่ก่อนไปไม่วายหันมาทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำเชือดเฉือนใจ
“ทีหลังอย่ามายุ่งจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของฉันอีก เป็นแค่น้องเมียไม่ใช่เมียอย่าทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง จำเอาไว้!”
เขาตอกย้ำชัดเจนให้หล่อนเก็บไปเตือนหัวใจตัว เหมือนมีเข็มนับร้อยมาทิ่มแทงใจจนเจ็บจี๊ด คนฟังนั่งนิ่งหน้าชาขบกรามแน่น ในชั่ววินาทีที่เขากำลังจะเดินออกไป สายตาที่ตวัดจ้องมองนั้นก็สบกับแววตาแข็งกร้าวที่จับจ้องมองมาเช่นกัน...
วาดจันทร์และพิกุลต่างสาละวนอยู่ในครัว ช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อเตรียมนำอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ด้วยวันนี้ทางบ้านของตะวันวาดได้มาเยี่ยมหลานฝาแฝด และถือโอกาสนี้ทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว
หญิงสาวเดินตามแม่บ้านที่ยกกับข้าวล่วงหน้าไปก่อน ส่วนหล่อนถือโถใส่ข้าวสวยเอาไว้ในมือ ในวันนี้หล่อนไม่ต่างอะไรกับคนใช้หน้ามันเยิ้มอยู่ก้นครัว ที่จริงงานนี้ควรจะปล่อยให้พิกุลทำ
เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังมาจากโต๊ะอาหารที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนในครอบครัวของเขา วาดจันทร์จับจ้องมองสองฝาแฝดที่อยู่ในอ้อมกอดของปู่ย่าคนละคนแล้วพานให้ใจสั่นสะท้านไหว มีเพทายน้องชายของเขานั่งอยู่ข้างๆ ถัดมาเป็นตะวันวาดและพี่สาวตนที่ในวันนี้เหมือนจะปรับความเข้าใจกันได้ดี สังเกตได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่อบอวลอยู่รายรอบ สายตาสองคู่ที่จับจ้องมองกันนั้นทำให้วาดจันทร์รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนนอกขึ้นมาทันที…หล่อนคิดถูกแล้วที่เลือกจะไปเป็นคนใช้ในครัว ไม่มาทำตัวยุ่งวุ่นวายกับครอบครัวของใคร
หญิงสาวเดินวนรอบโต๊ะเพื่อตักข้าวใส่จานให้ทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่สาวตัวที่นั่งนิ่งไม่คิดจะมาช่วยหยิบจับ แววตาคู่สวยปรายมองเสี้ยวหน้าคมคร้ามเมื่อถึงคิวที่ต้องตักข้าวใส่จานให้ตะวันวาด จู่ๆ ก็รู้สึกมือไม้สั่นเมื่อยามที่เขาเหลือบขึ้นมาสบสายตากับตน
“ขอบใจ…นะ…”
หญิงสาวแค่นยิ้มตอบ ทำท่าจะเดินเลี่ยงหนีไปก่อนจะมีใครจับได้ถึงพิรุธในแววตา
“มาทานด้วยกันสิใบตอง”
เสียงดังมาจากทางเทิดศักดิ์ หล่อนหันไปยิ้มให้กับคุณปู่ของสองแฝดแทนคำขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ แต่ใบตองยังไม่ค่อยหิวค่ะ เดี๋ยวช่วยป้ากุลดูแลตรงนี้ก่อนแล้วทานทีหลังก็ได้ค่ะ”
เทิดศักดิ์ไม่ว่าอะไร เขาพยักหน้าเป็นอันเข้าใจ แต่…แววตาของจิตสุภาผู้เป็นย่าของสองแฝดที่เหลือบมองมาทางตนนั้น หล่อนสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบใจที่ซ่อนเอาไว้ไม่ให้ลูกชายได้รู้
วาดจันทร์เลือกที่จะก้มหน้าหลุบตาเดินหนีมาจากตรงนั้น ก่อนที่จะสร้างความไม่พอใจให้ใครมากไปกว่านี้ รู้ดีว่ามารดาของตะวันวาดนั้นไม่ค่อยพอใจ กับการที่หล่อนมาขออาศัยในบ้านหลังนี้ ในสายตาของจิตสุภานั้นมองว่ามันดูไม่ค่อยดีเพราะหล่อนยังสาวและโสด ไม่ควรที่จะอาศัยอยู่ร่วมกับครอบครัวที่กำลังก่อร่างสร้างตัว
"ให้พี่ช่วยนะใบตอง"
เสียงขันอาสาดังตามหลังมาติดๆ วาดจันทร์เหลียวมองเห็นเพทายกำลังถือถาดใส่แก้วที่ใช้แล้วเดินเข้ามาในครัว ไม่ทันจะร้องห้ามเขาก็กระวีกระวาดเปิดน้ำใส่อ่าง บีบน้ำยาสำหรับล้างแก้วลงไปพอประมาณแล้วใช้มือตีให้เกิดฟอง
"พี่เพท ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวใบตองทำเองได้"
"ไม่เป็นไร แค่ล้างแก้วเอง"
"เดี๋ยวพี่แทนไม่จ้างป้ากุลต่อนะคะ เพราะมีคนแย่งหน้าที่แกทำเสียหมด"
หล่อนแย่งฟองน้ำมาจากมือเพทาย หยิบแก้วที่อยู่ในถาดมาล้างเสียเอง รู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ กับสิ่งที่เพทายกำลังทำ
"แต่ถึงพี่ไม่ช่วย ก็ไม่พ้นใบตองที่ต้องทำ จริงๆ แล้วทำไมต้องทำถ้ามันเป็นหน้าที่ของแม่บ้านจริงๆ"
"แกแก่แล้ว ใบตองอยู่เฉยๆ ว่างๆ ก็เลยช่วยแก มาอาศัยอยู่บ้านเขาจะนั่งๆ นอนๆ ก็ตะขิดตะขวงใจยังไงไม่รู้"
เพทายจับจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังสาละวนอยู่กับงานตรงหน้า เห็นหล่อนหยิบจับทุกอย่างแสนคล่องแคล่วเขามองแล้วต้องเพลิดเพลินจนลืมตัวเสียทุกครั้ง...รอยยิ้มเล็กๆ ผุดพราวเมื่อเห็นคราบฟองกระเด็นขึ้นมาติดอยู่บนปลายจมูกเชิดรั้น ในขณะที่เจ้าหล่อนยังไม่รู้ตัว
"อยู่เฉยๆ นะ"
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ หญิงสาวเอี้ยวหน้าหนีเมื่อเขายื่นมือมาเช็ดอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ตรงปลายจมูก หลุบตามองที่ปลายนิ้วแกร่งถึงได้รู้ว่าเป็นคราบฟอง
เพทายอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหวอ แต่แล้วเสียงหัวเราะต้องหยุดลงเมื่อมีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมา
"ฉันก็คิดว่านายหายไปไหน ที่แท้ก็มายืนจีบกันในครัวนี่เอง"
ปากพูดกับน้องชายแต่สายตามองเลยไปยังคนที่ยืนนิ่งมองมาทางตน เขาเห็นภาพเมื่อสักครู่นี้เต็มสองตา ทำไมหล่อนจึงไม่ขัดขืนหรือต่อว่ากับการที่เพทายพยายามทำตัวชิดใกล้ ตะวันวาดได้แต่คิดในใจแต่ไม่มีสิทธิ์พูดมันออกมา
"ผมแค่ช่วยถือแก้วมาเก็บ เฮียมีอะไรหรือเปล่า"
"มี!"
น้ำเสียงฟังดูห้วนกึ่งๆ ไม่พอใจ เพทายได้แต่ยืนงงเพราะเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้พี่ชายตนไม่พอใจ จนถึงขนาดชักสีหน้าออกมาเช่นนี้
"ทีหลังไม่ต้องหวังดีก็ได้เพราะเดี๋ยวป้ากุลกับใบตองเขาก็ช่วยกันทำเอง"
"โธ่เฮีย แค่ช่วยเก็บแก้วแค่เนี้ยถึงกับเป็นประเด็นเลยเหรอครับ"
"งั้นฉันจะเลิกจ้างแม่บ้าน ให้นายมาอยู่แทนแล้วช่วยทำงานบ้านแทนป้ากุล ดีเหมือนกันจะได้ประหยัดไปในตัว"
หล่อนบอกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับตน วาดจันทร์คิดเมื่อบรรยากาศเริ่มจะไม่ค่อยดี
"ขอตัวนะใบตอง"
เพทายหันมาส่งยิ้มอ่อนให้คนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเดินผ่านหน้าพี่ชายตนออกไปจากห้องครัว...เพทายออกไปแต่คนที่มาตามกลับเดินเข้ามาด้านในแล้วปิดประตูตามหลังกดล็อคไม่ให้ใครเข้ามา
"จริงๆ เธอก็รู้ว่าไอ้เพทมันคิดอะไรแต่ก็ปล่อยให้หมอนั่นเข้าใกล้ ดีเนอะที่ทำตัวยั่วเสน่ห์ไปวันๆ แบบนี้น่ะ"
วาดจันทร์ไม่อยากต่อต่าย หล่อนแสร้งไม่ใส่ใจโดยการหันไปล้างแก้วต่อ เขาอยากพูดอะไรก็พูดไป หล่อนจะทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน
"ใบตอง ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย"
"....."
"เธอกำลังจงใจกวนประสาทฉันใช่มั้ย ฮึ! ใบตอง"
"....."
เงียบ...ไม่มีคำตอบจากผู้ถูกถาม ตะวันวาดจับจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนที่กลายเป็นใบ้กะทันหัน กลายเป็นเขาเองที่หงุดหงิดงุ่นง่านราววัวบ้า เพียงเพราะท่าทีเฉยเมยเย็นชาที่หล่อนจงใจเล่นสงครามประสาทใส่ตน
"บางทีเธอคงลืมไป ว่าตัวเองน่ะ...มี..."
ได้ผล แววตาคู่สวยตวัดหันมามองทันควัน
"มีอะไรคะ"
"ลืมไปแล้วรึไง ว่าเคยมีผัว"
"พี่แทน!"
คนฟังเจ็บจุกจนพูดไม่ออก หล่อนเจ็บใจตัวเองที่สรรหาคำมาโต้ตอบเขาไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนไปนอนกลางถนนให้รถทับ มันเจ็บร้าวระบมจนปวดแปลบแหลกเหลวไปทั่วร่าง...หล่อนรู้สึกว่ามันหนักขึ้นทุกวันๆ เพราะนับตั้งแต่ที่ตกเป็นของเขาในวันนั้น เวลาเพทายเข้าใกล้ถ้าเขาไม่ฟาดงวงฟาดงาใส่นั่นแสดงว่าเขาเมาจนไม่รับรู้อะไร
"ถ้าเธอไม่ให้ท่า ผู้ชายก็คงจะไม่เล่นด้วย ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเธอเองนะใบตองคงไม่ต้องสอนเพราะโตๆ กันแล้ว"
"ก็แค่เคยมีผัว ไม่ได้หมายความว่ามี แล้วมันผิดตรงไหนคะถ้าจะมีอีกคน"
"ปากดี เถียงคำไม่ตกฟาก"
หญิงสาวยืนใจสั่น แต่ก็ยังไม่หยุดท้าทายเพราะความน้อยใจและเสียใจที่เขาแสดงท่าทีเสมือนหล่อนไปฆ่าใครตาย
"จริงๆ พี่แทนก็ไม่เกี่ยวอะไร ใบตองจะคบกับใครก็เป็นสิทธิ์ของตัวเองไม่ใช่เหรอ"
หญิงสาวทำท่าจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้ แต่ก็ได้แค่คิดเมื่อเขาตามมาสอดท่อนแขนจากด้านหลัง เกี่ยวรั้งเอวคอดเอาไว้จนแผ่นหลังแบบบางแนบชิดแผงอกกว้าง แม้จะพยายามดิ้นรนแต่แรงที่มีน้อยกว่าก็ทำให้เสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ
"ไม่เกี่ยวงั้นเหรอใบตอง ฉันไม่เกี่ยวไม่ได้เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นเมียฉันอีกคน รึเธอจะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่"
คำนั้นที่เขาตอกย้ำราวคมมีดกรีดกลางใจ มันปวดแปลบเจ็บลึกเพราะความจริงแล้วหล่อนก็เป็นได้แค่เมียในเงา เขาไม่พูดมันออกมาเสียยังดีกว่า ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บไม่อาจปริปากบอกใครได้ แม้จะรักเขามากมายแต่ก็ไม่อยากให้ใครต้องเลิกกัน
"แล้วจะอยู่ไปแบบนี้เหรอคะ ถ้าจะให้ดีพี่แทนไม่ควรที่จะมาทำอะไรแบบนี้อีก ถ้าพี่ใบบัวรู้เรื่องนี้ขึ้นมาจะทำยังไง"
จู่ๆ ทำนบน้ำตาก็พังทลาย ความทุกข์ที่อัดอั้นระเบิดออกมาผ่านหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นสาย กายที่สั่นสะท้านไหวของร่างในอ้อมกอดทำให้หัวใจของชายหนุ่มอ่อนยวบลงไป คล้ายๆ จะมีความรู้สึกสงสารเข้ามาแทน
"ฉันจะเลิกยุ่งกับเธอก็ได้ แต่สัญญากับฉันได้ไหมว่าจะไม่คุยกับผู้ชายคนไหนอีก"
ตะวันวาดรู้ดีว่าข้อเสนอนั่นแสนจะฟังดูเห็นแก่ตัว เขายอมรับว่าเห็นแก่ตัวเพราะหวงก้างไม่อยากให้ใครมาซ้ำรอยตน
"เพื่อตัดปัญหาทั้งหมดไม่ให้คาราคาซัง ใบตองตัดสินใจแล้ว ใบตองจะเป็นฝ่ายไปเอง จะไปจากที่นี่เพื่อที่จะไม่มีใครต้องเจ็บ"
'ใบตอง...'
นั่นคือสิ่งที่นอนคิดมาหลายวัน เคยเกริ่นกับพี่สาวว่าจะไปแต่ฝ่ายนั้นไม่ยอม รั้งให้ตนอยู่ต่อเพียงเพราะเพื่อไว้ใช้งาน อย่างน้อยก็ไว้ใช้เลี้ยงหลานเพื่อที่ตัวเองจะออกนอกบ้านได้อย่างสบายใจ
"เธอจะไปอยู่ที่ไหน กับใคร อยู่ยังไง หรือเธอจะไปอยู่บ้านทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ปลอดภัย"
หญิงสาวเลือกที่จะนิ่งเงียบ เรื่องอะไรที่หล่อนจะบอกให้เขารู้ความเป็นไป ในเมื่อตัดสินใจที่จะถอยห่างตัดสัมพันธ์ไม่ให้ยืดเยื้อ การที่เขาจะไม่รู้ถึงที่อยู่ใหม่นับว่าเป็นสิ่งที่ดี
"บอกฉันสิเธอจะไปอยู่ไหน จะไปอยู่ได้ยังไงเพียงลำพังคนเดียว"
"พี่แทนอย่า! เดี๋ยวใครมาเห็น"
"ห้องมันล็อค นอกเสียจากมีใครไขประตูเข้ามา"
หญิงสาวขัดขืนบิดกายหนีเมื่ออ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับอ้อมกอดจนแน่นมากกว่าเดิม เขาไม่หยุดแค่การกอดเท่านั้น สัมผัสสากระคายและอุ่นซ่านรุกรานไปตามซอกคอหอมกรุ่น เขาหยุดมันไม่ได้กับกระแสปรารถนาที่เชี่ยวกราก...จากที่เคยคิดว่ามันจะต้องไม่มีครั้งที่สองเกิดขึ้น เขาจะต้องไม่นอกใจภรรยาด้วยการมีใครอีกคนซุกเอาไว้ในซอกหลืบเล็กๆ แต่เขากลับทรยศความตั้งใจทำลายมันลงไปเสียเอง
"พี่แทน มีคนมา!"
ตะวันวาดดึงสติที่กระเจิดกระเจิงกลับคืน สายตาคมกล้าเพ่งมองไปยังบานประตูที่ปิดสนิท เสียงบิดลูกบิดประตูเพื่อที่จะเข้ามาทำให้เขารีบผละออกจากร่างเล็ก เดินไปเปิดประตูทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพียงบานประตูเปิดกว้าง คนที่ยืนอยู่ข้างนอกถึงกับผงะตกใจ หล่อนชะงักนิ่งงันแววตาเหลือบมองสองคนที่อยู่ด้านในสลับกันไปมา
"แทน! ใบตอง! ทะ ทำไมมาอยู่ด้วยกัน"
วาดจันทร์หน้าซีดเผือดราวเด็กทำความผิดแล้วถูกจับได้ แวบหนึ่งที่ตะวันวาดเหลือบมองหล่อนสบตากับเขาคล้ายขอให้ช่วยอธิบายไม่ให้พี่สาวตนต้องแคลงใจ
"สงสัยลูกบิดจะค้าง เมื่อกี้เพทก็เพิ่งออกไป คงปิดแรงไปหน่อยไม่ได้ดูก็เลยล็อคน่ะ"
ปานจันทร์นึกถึงวันก่อนที่ตนทำประตูหลังบ้านล็อคเพราะแรงลม การที่ประตูครัวจะล็อคเพราะลูกบิดค้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หญิงสาวจึงฟังแล้วไม่ได้ติดใจอะไร
"คุณมีอะไรหรือเปล่า"
"คุณแม่กำลังจะกลับ ใบบัวก็เลยมาตามคุณ"
"อ้าวเหรอ ไปสิ ผมแค่เอาจานมาเก็บกำลังจะออกไปพอดี"
วาดจันทร์มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง เสียงคุยกระหนุ๋งกระหนิ๋งเรื่องสองแฝดที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของคนเป็นพ่อดังแว่วมาถึงในครัว มันตามมาหลอกหลอนหล่อนที่เป็นเพียงคนนอกให้ต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยิน ความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวคือ ต่อให้เขาคิดไม่ซื่อกับผู้หญิงสักกี่คน ผลสุดท้ายสิ่งที่เขาเลือกนั้นก็คือครอบครัว...