Chapter 3 แค่ห่วงไม่ได้หวง (1)

1634 คำ
Chapter 3 แค่ห่วงไม่ได้หวง (1) ‘ค่าใช้จ่ายเยอะแยะมากมายขนาดนี้ เราจะหาจากไหนมาหมุนได้ทัน’ ชายหนุ่มคิดไม่ตก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อคนงานของตนขับรถของบริษัทไปประสบอุบัติเหตุ ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตผู้อื่นและทรัพย์สินอีกหลักล้านที่เขาต้องตามชดใช้...เมื่อการเงินสะดุดเขาจึงพยายามเซฟทุกอย่างในบ้านเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ทำแม้กระทั่งยอมขายรถที่มีอยู่หลายคันจนเหลือแค่ของภรรยาและของตนคนละคัน เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้หนี้บริษัทซัพพลายเออร์ นำบ้านและที่ดินไปจำนอง ลดเงินเดือนของปานจันทร์ลงไม่ให้หล่อนใช้มือเติบเหมือนเคย ปัญหาความไม่ลงรอยทางความคิดระหว่างตนกับภรรยาจึงตกตะกอนฝังอยู่ในใจมานานวัน ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันคือสาเหตุที่ทำให้หล่อนเปลี่ยนไป เมื่อเงินหมดทุกอย่างก็เปลี่ยนผัน นั่นคือเรื่องจริง ร่างสูงลุกเดินไปที่เปลนอนของลูกสาว ร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอย่างไร้เดียงสาทำให้แววตาคู่คมสั่นระริก ชายหนุ่มขบกรามแน่นเมื่อความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังจนตีตื้นขึ้นมาสั่นสะท้านอยู่ในหัวอกลูกผู้ชาย...เขาจะท้อไม่ได้เมื่อมีอีกสองชีวิตที่กำลังเติบโต ตะวันวาดท่องจำไว้ในใจ รอยจูบฝากฝังลงบนแก้มนุ่มนิ่มของสองแฝดด้วยความรักและหวงแหน ปลายนิ้วแกร่งจับและบีบอุ้งมือน้อยๆ เพื่อเรียกกำลังใจคล้ายหนูน้อยจะสัมผัสได้ถึงการถูกก่อกวน ร่างเล็กจึงขยับยุกยิกจนคนเป็นพ่อต้องผละออกมาก่อนจะทำลูกตื่นมาร้องไห้โยเย "ย่าหยา ยาหยี พ่อจะท้อไม่ได้ก็เพราะหนูสองคน...ไม่เป็นไรนะถ้าแม่เขาไม่กลับมาเราก็อยู่กันแค่สามคน..." ตะวันวาดกระซิบเบาๆ หัวใจเขากระตุกสั่นไหวพร้อมๆ กับที่ฝ่ามือแกร่งลูบลงบนศีรษะเล็กนุ่มนิ่ม...ก่อนเขาจะหันไปมองทางหน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะเบาๆ เขาเดาเอาว่าน่าจะเป็นน้องเมียจอมยุ่งจุ้นจ้าน เมื่อเปิดประตูออกแล้วเห็นหน้า จึงได้รู้ว่าเขาเป็นคนเดาอะไรได้แม่นเสมอ สายตาคู่คมปรายมองคนที่ยืนยิ้มเฝื่อนอยู่ตรงหน้า...ชุดที่เธอสวมใส่บอกให้รู้ว่าอีกสักพักบ้านก็จะเงียบไม่มีคนมาคอยกวนใจ "ใบตองจะไปทำงานแล้วนะคะ...พี่แทน...เอ่อ...พี่แทนอยู่คนเดียวได้มั้ยคะ" หล่อนหมายถึงสองฝาแฝดที่ต้องทิ้งเอาไว้ คุณพ่อที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เพราะเมียหายต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะแม่บ้านก็อายุมากคงช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าตน การที่เขาไม่หือไม่อือแม้หล่อนจะมาร่ำลา แต่กลับมองแต่ช่วงล่างของตนแล้วทำเหมือนจะพูดอะไร ทำให้รู้สึกประหม่าจนต้องเบือนสายตาหนีด้วยการชะเง้อมองหลานที่นอนอยู่ในห้อง "หลับอยู่เหรอคะ" "อืม…" "พี่แทนจำได้ใช่มั้ยคะ ว่าชงนมต้องใส่น้ำและนมแค่ไหน...น้ำอาบก็ผสมเป็นแล้วใช่มั้ยคะ" "คิดว่าจำได้...มั้ง..." เขาคิดว่าน่าจะได้...นั่นคือการคิดเอาเองแบบยังไม่ได้ลองทำโดยไม่มีวาดจันทร์ เมื่อคืนที่รอดมาได้เพราะวาดจันทร์ชงนมแล้วแช่ตู้เย็นเอาไว้ให้ ตอนเขาจะใช้ก็แค่นำมาอุ่นในน้ำร้อนก่อนจะให้ลูกดื่มเข้าไป คำพูดของเขาทำให้วาดจันทร์ชักไม่ไว้ใจ หล่อนกลัวว่าหลาน จะเป็นอะไรไปเพราะคุณพ่อมือใหม่...ยังพอมีเวลาที่จะสอนเขาอีกรอบ คิดยามก้มลงมองดูเวลาที่ข้อมือ "เดี๋ยวใบตองสอนให้อีกรอบก็ได้ค่ะ เผื่อป้ากุลไปตลาดแล้วพี่แทนอยู่คนเดียว" "อืม..." คราวนี้เขาไม่ปฏิเสธ ชายหนุ่มเปิดทางให้เธอเข้ามา พากันเดินไปยังชั้นวางขวดนมที่อบฆ่าเชื้อแล้ว วาดจันทร์หยิบมาแล้วเทน้ำจากเหยือกเก็บความร้อนใส่ลงไป กะให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ "ถ้าน้ำสองออนซ์ นมแค่ช้อนเดียวค่ะ สี่ออนซ์ก็สองช้อน เขย่าให้เข้ากันแล้วลองหยดบนหลังมือดูด้วยนะคะ เดี๋ยวร้อนเกินไปน้องปากพองล่ะแย่เลย" แววตาคมกล้าจับจ้องมองดูอีกฝ่ายกระทำอย่างคล่องแคล่ว พร้อมๆ กับที่นึกออกพอดีว่าจะถามอะไร "เจ้านายเธอเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันล่ะ" คนฟังถึงกับชะงัก เพราะไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกที่เขาถามไถ่ใคร่รู้เรื่องของตน "เป็นผู้ชายค่ะ" "มีลูกมีเมียหรือยัง" "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ใบตองไม่ได้ใส่ใจ...ว่าแต่...พี่แทนถามทำไมเหรอคะ" "เปล่า ไม่มีอะไร" "พี่แทนเลี้ยงคนเดียวได้ใช่มั้ยคะ...หรือว่าจะให้ใบตองลางานสักหนึ่งวันเพื่อช่วยเลี้ยงไปก่อน" "ไม่ต้อง เธอไปทำงานเถอะ อย่ามาเสียงานเสียการเพราะฉันเป็นต้นเหตุ" ชายหนุ่มแย่งขวดนมที่ชงแล้วมาจากมือนุ่ม ถือเดินไปแช่ตู้เย็นทิ้งเอาไว้ เอ่ยโดยไม่หันมามอง "ไปทำงานได้แล้วเดี๋ยวสายกันพอดี ฉันอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องห่วง" เขาไม่สนใจหล่อนอีก เดินหนีไปเก็บผ้าอ้อมรวบรวมใส่ตะกร้า เมื่อเห็นว่าเขาไล่ตนทางอ้อม วาดจันทร์จึงคว้ากระเป๋ามาสะพายเพื่อออกไปทำงาน "เดี๋ยว!" เสียงเรียกให้หยุดที่ดังขึ้นมาขณะกำลังจะปิดประตู เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นแววตาคู่คมกำลังมองตนอย่างสำรวจ "กระโปรงเธอน่ะมันสั้นไปนิด ทีหลังอย่าใส่แบบนี้อีกเพราะเจ้านายเธอเป็นผู้ชาย...ผู้ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไร" หญิงสาวยืนนิ่งไปไม่เป็น ทำตัวไม่ถูกกับการที่จู่ๆ เขาก็สั่ง ห้ามราวหวงไม่อยากให้ใครมอง "กลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ มันอันตราย เธอก็เห็นว่าข่าวฆ่าข่มขืนนั้นเกิดขึ้นแทบทุกวัน อยากเป็นคนในข่าวรึไง" "ขอบคุณนะคะที่เตือน ใบตองจะระวังตัวมากกว่านี้ค่ะ" หญิงสาวหันหลังหนีเพราะกลัวเขาเห็นว่าตนกำลังอมยิ้มหัวใจพองโต สองขารีบก้าวเร็วๆ เพื่อไปให้พ้นจากสายตาของเขาที่มองแล้วพานให้ใจเต้นระส่ำควบคุมมันไม่ได้...คิดอย่างแปลกใจว่าเขานึกยังไงมาสนใจเรื่องการแต่งตัวของเธอ ทั้งที่ร้อยวันวันปีเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้งเดียว ++++++ วาดจันทร์นับแบ็งค์สีเทาทวนอีกรอบเพื่อให้ครบตามจำนวนที่ต้องการ ใจหายไม่น้อยเพราะเงินหนึ่งพันจำนวนหลายใบเช่นนี้หล่อนสามารถใช้ได้เป็นเดือนๆ บางทีอาจจะมากกว่าหนึ่งเดือนด้วยซ้ำถ้าหากประหยัดและเซฟค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น แต่...ทุกคนก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน ปากท้องไม่รอใครอีกทั้งภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ หล่อนเดินกำเงินออกไปจากห้องเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำได้ดีที่สุดแล้ว "คุณใบตองเอามาจากไหนคะ" "อ๋อ...พี่แทนจ่ายมาแล้วค่ะ เพิ่งได้มาเมื่อเช้าแล้วใบตองก็ออกไปทำงาน" พิกุลมองหน้าวาดจันทร์แล้วยิ้มเจื่อนคล้ายไม่เชื่อ ก้มลงมองธนบัตรที่เป็นเงินเดือนในมือตนแล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจ "ไม่ได้เอาเงินตัวเองมาจ่ายป้านะคะ" "ไม่ใช่ค่ะ สบายใจได้นะคะป้ากุล ใบตองไม่ได้เดือดร้อนอะไร" “ถ้าป้าไม่ต้องไปหาหมอ ไม่ต้องซื้อนมให้หลานก็คงจะไม่ทวงหรอกค่ะคุณ ป้าเข้าใจว่าตอนนี้คุณแทนกำลังเดือดร้อน ป้าสงสารเขาอยู่เหมือนกัน" วาดจันทร์ยิ้มเฝื่อนเพราะความขมปร่าแผ่ซ่านอยู่ในลำคอ...วันก่อนเจ้าของบ้านเปรยออกมาว่าหากจะลดค่าใช้จ่ายก็ต้องเลิกจ้างแม่บ้านรายเดือน เขาอาจจะจ้างเป็นรายวันเพื่อทำให้ภาระตรงนี้ลดลง "ใบตองเข้าใจค่ะ ทุกคนก็มีความจำเป็นต้องใช้เงินเหมือนๆ กัน รับไว้เถอะนะคะเพราะมันเป็นเงินเดือนที่ป้ากุลทำงานแลกมา" "ขอบใจมากๆ เลยจ้ะ ที่เป็นธุระให้ป้า" หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายคลายกังวล...ขณะเดินหันหลังจากมาหล่อนก็เริ่มคิดถึงชะตากรรมของตนทันที 'ก้อนที่เหลือหลังจากให้แม่แล้วก็จะเหลืออยู่ไม่กี่พัน จะพอใช้มั้ยนะเรา...ก็คงต้องประหยัดสุดๆ ล่ะเดือนนี้’ เงินเดือนที่เหลืออีกส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งไปให้มารดา โชคยังดีที่หล่อนไม่มีภาระต้องผ่อนอะไร เงินเก็บก็มีอยู่ไม่มากหากไม่จำเป็นก็ไม่อยากไปถอนออกมาใช้ วาดจันทร์คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่...หล่อนเห็นตะวันวาดนั่งดื่มเหล้าอีกเช่นเคยหลังสองฝาแฝดหลับ พักหลังมานี้เขาติดมันขนาดหนักชนิดที่ว่าต้องดื่มทุกวัน หล่อนชะงักฝีเท้าที่ก้าวเดิน ลังเลและครุ่นคิดว่าจะเดินเข้าไปห้ามปรามหรือปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป...แต่ยังจำได้ในวันที่เคยเข้าไปขอร้องเขาให้เลิกดื่ม วันนั้นหล่อนถูกเขาโมโหใส่และไล่ตะเพิดกลับมา แต่แล้วแววตาขุ่นขวางที่เหลือบมองมาทางตน ในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจโดยไม่ลังเล รีบเดินกลับห้องของตนโดยไม่รอให้เขาเอ่ยปากไล่แต่อย่างใด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม