"นางยังหายใจอยู่...ยังไม่ตาย"
"อืม" ร่างสูงใหญ่พยักหน้ารับรู้ สายตามองสำรวจร่างเล็กที่บัดนี้ถูกจับผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ด้วยชุดเก่าของเจ้าหล่อนทั้งเปียกปอนและมอมแมมดูไม่ได้เอาเสียเลย
"นางเข้ามาที่นี่ได้ยังไง"
"นั่นแหละที่ข้าสงสัย แต่ช่างเถอะ หากนางรอดก็ค่อยพากลับไปส่ง หากไม่รอดก็พาไปไว้ที่เดิม" ตำตอบเย็นชาคล้ายจะไร้ความรู้สึก แต่อย่างน้อยเขาก็มีใจอยากช่วยเหลือคนอื่นๆ อยู่บ้างเหมือนกัน โดยการอุ้มหญิงสาวปริศนามาทำการรักษาอย่างดี
"ร่างกายนางอ่อนเพลีย...แล้วก็ต้องการความอุ่นเอามากๆ ข้ากลัวว่านางจะจับไข้เอาง่ายๆ นี่ก็ยังไม่ได้สติเลย"
"รอดูพรุ่งนี้ดีกว่า ป้อนยาแล้วให้นางพักผ่อนเถอะ"
"เจ้าค่ะนายท่าน..." สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงโค้งรับคำสั่ง ฮิวซึ่งเป็นหมอยาถอยออกมาให้สองสาวได้สะดวกในการทำงาน
"นางไม่ควรมาที่นี่...ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนได้เข้ามา"
"นางอาจไม่ใช่มนุษย์ เพราะนางผ่านด่านเวทย์มนต์ของท่านแม่เข้ามาได้ แสดงว่าคงมีดีอะไรสักอย่างอยู่ในตัว หรือไม่...ท่านแม่ก็ต้องการให้ข้าช่วยนาง"
"ก็แล้วแต่...ท่านเป็นเจ้าของที่นี่ข้าจะว่าอะไรได้"
"กลับไปนอนเถอะฮิว ข้าก็จะไปแล้วเช่นกัน" พูดจบร่างสูงใหญ่ก็สะบัดชายเสื้อคลุมตัวยาวแล้วหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ฮิว มองตามอย่างครุ่นคิด เขาอดไม่ได้ที่จะสอดสายตากลับไปมองร่างเล็กที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงกว้างนั้น แล้วก็ให้เกิดความหวั่นใจ
คงไม่มีอาเพศไดสร้างความวิบัติซ้ำรอยให้กับแบล็คเพิร์ลแห่งนี้อีกหรอกนะ...
สามวันถัดมา
"นางรู้สึกตัวแล้ว อลิสเจ้ารีบไปแจ้งนายท่านเร็วเข้า"
"ได้ๆ" ผู้รับใช้ร่างบางในชุดสีดำรีบละจากเตียงนอนกลางห้องใหญ่เพื่อแจ้งสารแก่ 'นายท่าน' ของพวกนางให้ทราบถึงความพัฒนาการของหญิงปริศนา
ชั่วครู่ร่างใหญ่ก็เยื้องระยาดเหยียบเยือนเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งเฉย เขาทอดกายลงนั่งใกล้กับร่างซีดเซียวที่ตนช่วยให้รอดพ้นจากความตายเมื่อสามราตรีก่อนหน้า
หล่อนกระพริบตา เหมือนยังงงงวยอยู่กับเส้นบางๆ ระหว่างความเป็น...และความตาย
"เจ้า...เป็นอย่างไรบ้าง"
สายตากระพริบ ลมหายใจเป็นจังหวะ หล่อนมองเขาคล้ายกำลังรวบรวมความคิด ก่อนสติจะไหลมาหลอมรวมในชั่วอึดใจ...
โรเซียร์ผลุนผลันลุกนั่ง กระชับสาบเสื้อและสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างที่สายตาสามารถมองเห็นได้ มันแปลกตาไปหมด และความทรงจำก็ยังย้อนคืนมาให้หล่อนสำเนียกได้ถึงเหตุการณ์ก่อนสติจะสูญสิ้น
"ข้า...ตายแล้วหรือนี่ แล้วที่นี่ที่ไหน..." หัวใจเริ่มรุกเร้าเต้นระทึก ร่างกายรับรู้ถึงโลหิตอุ่นร้อนที่ไหลวนเวียน ยืนยันคำตอบให้ตัวเองว่าหล่อนยังคงมีชีวิตอยู่อย่างแน่แท้
"หรือว่าข้าฝันไป..." หล่อนยังคงรำพึงกับตัวเอง ฝันร้ายจากการถูกตามล่าอย่างทารุณทำให้หล่อนปวดหัวจนต้องนิ่วหน้าซบลงบนฝ่ามือ
"เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยถามโดยไม่อินังต่อท่าทีสับสนของหล่อน
"ท่าน...ท่านเป็นใครแล้วมันเกิดอะไรขึ้น" เป็นครั้งแรกที่หล่อนสำนึกรู้ว่าไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่ในห้องนี้ หากแต่มีร่างของชายหนุ่มแปลกหน้าพำนักอยู่ด้วย อึดใจแรกที่ได้มองด้วยสติครบถ้วน หล่อนถึงกับไม่อาจละสายตาจากวงหน้างดงามนั้นไปได้
ดั่งต้องมนต์สะกดดวงจิต...ให้ดวงตาพินิจแต่เพียงเขา...
"กำลังชื่นชมข้าอยู่เช่นนั้นรึ...ท่านหญิง" บุรุษรูปงามแสยะยิ้มเหยียด กระตุกให้หล่อนหลุดตื่นจากภวังค์
"ข้า..."
"ข้าไม่รู้หรอกว่าเกิดเหตุไดขึ้นกับเจ้า ข้าพบเจ้านอนไร้สติอยู่เบื้องนอกนั่น...ท่ามกลางหิมะ"
"ไม่ใช่ฝันหรอกหรือ" หล่อนรำพึงเสียงแผ่ว
"เจ้าถูกคนตามล่าหรอกรึ..."
"นี่ท่าน..." โรเซียร์นึกแปลกใจที่ได้ยินคำกล่าวในสิ่งที่หล่อนกำลังประติดประต่อ และหากนึกย้อนดีๆ ก็พบว่าสถานที่สุดท้ายก่อนสติสิ้นสูญหล่อนอาจอยู่ในป่าต้องห้าม ซึ่งหล่อนเอง...ก็ไม่รู้จักมันเช่นกัน
"อย่าบอกนะว่าท่านอ่านใจข้าอยู่"
"ข้าอ่านสีหน้าเจ้าต่างหาก...ตื่นตระหนก หวาดกลัว สับสน" ลูฟเอียงใบหน้าคล้ายกำลังพิจารณาอย่างละเอียดถึงลมหายใจ
"เมื่อเจ้าฟื้นแล้วก็ควรไปจากที่นี่ซะ ข้าจะให้คนไปส่ง" กล่าวเช่นนั้นแล้วร่างใหญ่ของลูฟก็ลุกยืนหันหลังให้ หญิงรับใช้สองนางจึงจัดการเดินมาที่เตียงอีกครั้ง
"มาทางนี้เถอะท่านหญิง ข้างนอกหิมะตกหนักท่านต้องหาเสื้อผ้าหนาๆ สำหรับใส่เดินทาง"
กะทันหันถึงเพียงนี้เชียว...โรเซียร์พร่ำอยู่ในใจ หล่อนเพิ่งจะตั้งสติได้ว่าตนเองยังมีลมหายใจอยู่ กลับถูกเชิญให้กลับไปยังที่ที่มาอย่างเร่งด่วน ราวถิ่นนี้กำลังเกิดสงครามล้างเผ่าพันอย่างไรอย่างนั้น
"ข้า...ไม่มีที่ไป"
"บ้านเจ้า...ครอบครัวของเจ้าท่านหญิง พวกเขาคงรอคอยและเจ้าไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่นานนัก ไปเตรียมตัวเถอะ" ลูฟยังไม่ได้หันหน้ามามอง หล่อนเห็นแต่แผ่นหลังที่คลุมด้วยผมยาวเฟื้อยดำเป็นเงา รูปร่างของชายผู้นี้ช่างองอาจและน่าเกรงขามยิ่งนัก และยังดึงดูดให้โหยหาได้อย่างแปลกประหลาดที่สุดอีกด้วย
"ไม่มี...ข้าไม่มีใครอีกแล้ว..." ประโยคนั้นของหล่อนเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่ร่วมผล็อย ภาพเหตุการณ์วันเก่าตอกย้อนคืนหวนราวมันกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาครั้งแล้วครั้งเล่า
"ถูกล่า...เช่นเดียวกันอย่างนั้นรึ"
"..." โรเซียร์ไร้แรงใจจะตอบคำถามนั้น หล่อนสะอื้นลุกนั่งชันเข่าและซบใบหน้าหม่นหมองหนีสภาพความเป็นจริงที่ต้องจำยอมรับ
"เจ้าสองคนออกไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง"
"เจ้าค่ะนายท่าน..." อลิสและอิลวาน้อมรับคำสั่งล่าถอยออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
"อะไรบางอย่างคงต้องการให้เราได้พบกัน..." เขากล่าวแต่ไม่อาจอ่านเกมส์กลนี้ได้กระจ่างเฉกเช่นที่กำลังอ่านใจอันหม่นหมองของโรเซียร์
"หากเจ้าสมัคใจเอ่ยปากบอกแก่ข้า...ข้าอาจให้หนทางรอดแก่เจ้า ท่านหญิง"
"โรเซียร์ ข้าชื่อโรเซียร์" หล่อนแนะนำตัวเสียงแหบแผ่ว
"เรียกข้าว่าลูฟ...โรเซียร์" สิ้นเสียงนั้นร่างใหญ่ก็หันและเดินกลับมานั่งใกล้ๆ หล่อนอีกครั้ง
"อย่าร้องไห้แม่สาวน้อย น้ำตา...ไม่เหมาะกับหญิงงามเช่นเจ้าสักนิด"
"ถ้าข้าเล่าให้ฟังท่านจะช่วยข้าจริงๆ หรือไม่ ข้าพอจะเดาออกหรือไม่...ก็คิดไปเองว่าท่านคือ คือ...บุคคลต้องห้าม"
"เจ้าช่างฉลาดนัก...ควรค่ากับความงามที่พระเจ้าประทานมาให้" เขาเอื้อมตัวขยับเข้าหาหล่อน ใช้มือปาดเช็ดน้ำตาที่ปริ่มเปร่ออาบชโลมแก้ม หล่อนชะงักชั่วอึดใจบังเกิดความกลัวเมื่อแจ้งใจว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้ซึ่งขึ้นชื่อในตำนานความเหี้ยมโหด
"ลูซิเฟอร์..."
"จริงๆ แล้วข้ามีชื่อเดียวว่าลูฟ เป็นชื่อที่ท่านแม่ตั้งให้ก่อนสิ้นใจ" ส่วนนามอื่นที่ถูกเรียกขานตัวเขาเองไม่เคยยินดี แต่ก็ทำได้แค่รับรู้
"อา...เป็นไปได้อย่างไร นี่ข้าอยู่ในปราสาทแบล็คเพิรล์อย่างนั้นเหรอ" ความเป็นจริงตื่นตาตื่นใจกว่าที่คิด แต่ตัดความน่าหวาดกลัวไปได้เลยครึ่งหนึ่ง ที่นี่เหมือนสรวงสวรรค์มากกว่าจะเป็นอเวจี
"โดยปกติ...มนุษย์ไม่เคยได้ล่วงล้ำเข้ามา แต่เจ้า...กลับมานอนอยู่ตรงเขตแดนของอานาจักรนี้"
"ข้าไม่รู้..."
"เจ้าหนีอะไรมาท่านหญิง...ข้ามองไม่เห็น..." เขาพูดในสิ่งที่หล่อนนึกกังขา แต่เลือกจะไม่ใส่ใจ
"พวกต้องการตัวข้า ตามล่าข้า...ทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้ตัวข้าไป ทำแม้กระทั่ง...ฆ่าทุกคนในบ้านเพราะพวกเขาต้องการปกป้อง"
"หึ...มนุษย์"
"ลูฟ...ท่าน ท่านจะกินข้าหรือเปล่า" แววตาตื่นตระหนกนั่นทำเอาบุรุษหนุ่มขบขัน หล่อนคงจะรอดมาถึงตอนนี้หรอกหากเขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ
"ฮะๆๆๆ โรเซียร์เจ้าไม่ได้อยู่ในแพลนมื้อไหนๆ ของข้า เพราะข้าคิดว่าเจ้าไม่น่าจะอร่อยนัก" โรเซียร์กลืนน้ำลายลงคอ นั้นคือการตอบรับว่าคำเล่าลือเป็นจริง พวกพ่อมดแม่มดในดินแดนนี้ดื่มเลือดต่างน้ำ กินเนื้อมนุษย์ต่างอาหารหากพวกเขาพึงใจจะทำ
"แล้วไงต่อ" ลูฟกระตุ้นเมื่อหล่อนหยุดชะงัก กระพริบตามองเขาปริบๆ ราวกำลังชั่งใจ
"ถ้าข้าไม่กินเจ้า...หรือกินเจ้า เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ"
"ถ้าท่านกินข้าเสียก็แล้วไป แต่ถ้าท่านไม่นึกหิวก็ให้ข้าอยู่ที่นี่ด้วยเถอะ" หล่อนเล็งเห็นถึงความปลอดภัยและอันตรายใหญ่หลวงในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อไม่มีอะไรจะเสียการตัดสินใจครั้งนี้ย่อมหยั่งผลต่อชีวิตส่วนที่เหลือ
"แล้วข้า...จะได้อะไรตอบแทน..." ลูฟจ้องนัยน์ตาตื่นตระหนกนั้นด้วยความมากเล่ห์
"ทุกอย่างที่ท่านต้องการ ทุกอย่าง...ที่ตัวข้ามีและสามารถทำให้ท่านได้"
"ข้อเสนอน่าสนใจ..." และบางอย่างที่เขากำลังซึมซับจากความทรงจำของหล่อนทำให้หญิงสาวผู้นี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
"บิดาแห่งข้า..."
"ท่านรู้" เพียงเขาเอ่ยนาม โรเซียร์ก็จับต้นชนปลายได้ว่าลูฟหมายถึงผู้ได ก็ตำนานกล่าวขานมานานช้าเกี่ยวกับประวัติเขา หล่อนย่อมจดจำได้ดี
"เจ้า...เกี่ยวข้องอะไรกับองค์บิดาของข้าเช่นนั้นหรือ...โรเซียร์" ส่งที่เห็นมันเลือนลางและประติดประต่อไม่ง่ายนัก การคาดคั้นให้หล่อนพูดย่อมทันใจกว่า
"อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะยินดีเมื่อได้รับรู้"
"ไม่มีอะไรในตัวเขาที่ข้าเคยยินดี"
"ก็ได้...พระราชาต้องการตัวข้าไปรับใช้" ถ้อยคำยังคงตะกุกตะกักไม่คงมั่น
"เขาจะเอาเจ้าเป็นเมียอีกคนเช่นนั้นรึ"
"ใช่...แต่ท่านพ่อกับท่านไม่ยอม พวกเรากำลังจะหนีไปยังอีกเมืองหนึ่งแต่ก็ถูกจับได้เสียก่อน พระองค์โกรธมากและสั่งฆ่าทุกคนในบ้านไม่เว้นแม้แต่สาวใช้หรือคนสวน จากนั้นก็จับตัวข้าเข้าวัง...พระชายาคาเทียน่าเป็นผู้ที่ช่วยให้ข้าหนีออกมา"
"เขาอายุมากแล้วสินะ แต่ยังรักษาความสารเลวได้ติดอันดับอยู่เสมอ" แววตาสีเขียวอมฟ้ากลายเป็นเขียวมรกตเข้มในชั่วพริบตาจนน่าตกใจ โรเซียร์หลบหน้า มันเร็วเกินไปสำหรับการปรับตัวกับที่นี่
"เจ้ามีเหตุผลที่ดีเยี่ยมรู้หรือเปล่าโรส..."
"โรส..."
"ใช่โรส...ดูเจ้าสิเหมือนกุหลาบแรกแย้มที่บุรุษไดได้ยลโฉมย่อมไม่อาจละสายตา มีบางเรื่องที่เจ้าไม่ได้บอกว่านอกจากบิดาแห่งข้าแล้ว เหล่าบุตรพ่อค้าเศรษฐีทั้งหลายก็หมายปองเจ้าอยู่เช่นกัน"
"มัน...เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและข้าก็คิดว่าไม่จำเป็น" หล่อนอธิบาย เริ่มหายใจไดสม่ำเสมอและหัวใจก็เต้นเป็นปกติมากขึ้น
"เป็นเกียติแก่ข้าอย่างยิ่ง...ท่านหญิง ที่ปราสาทของข้าได้รับรองสาวงามซึ่งบุรุษทั้งแผ่นดินต้องการและควานหาตัว พักผ่อนซะ...แล้วข้าจะให้เจ้าตอบแทนคุณงามความดีในครั้งนี้อย่างคุ้มค่าแน่นอน" เขาจับมือหล่อนดึงไปจูบประทับริมฝีปากบนฝ่ามือ แล้วก็ลุกเดินจากไป...
โรเซียร์หายใจด้วยความโล่งอกเมื่อประตูบานใหญ่ปิดลงและหล่อนได้อยู่ตามลำพังครั้งแรกหลังจากลืมตาตื่นจากอเวจีอันน่าหวาดกลัว
"น่าแปลกยิ่งนัก...ทำไมที่นี่ไม่น่ากลัวอย่างที่เล่าขานกันเลย แถมพวกเขาก็ไม่คิดจะกินข้าด้วย หรือมีเหตุผลอื่นถึงปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอด แต่อะไรก็ช่างเถอะโรเซียร์ ทั้งแผ่นดินเลดินอยด์คงมีแค่ปราสาทนี้เท่านั้นที่ปลอดภัยสำหรับเจ้า"