"รีบตามไปจับตัวนางมาให้ได้ก่อนนางจะเข้าไปในป่าต้องห้าม เร็วเข้า!!"
"ครับ!!" เหล่าชายฉกรรจ์นับสิบคนวิ่งฝ่าหิมะที่กำลังตกหนักจนรอบๆ ดูขาวเพลิน ห่างออกไปเบื้องหน้า...ร่างเล็กในชุดคลุมขนสัตว์สีดำสนิทมองดูห่างออกไปทุกที ทั้งที่หล่อนเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง กลับมีความปราดเปรียวเยี่ยงชายชาตินักรบ จนไม่อาจตามถึงตัวหล่อนได้สักที
"เบซิล...เราตามนางไม่ทันแน่ นางกำลังข้ามเขตไปยังป่าต้องห้ามแล้ว" หนึ่งในกลุ่มชายหนุ่มเหล่านั้นเอ่ยปากพร้อมอาการเหนื่อยหอบ
"ทองคำหนึ่งพันชั่งสำหรับค่าตัวนาง...ข้าจะไม่ยอมเสียมันไปแน่ๆ"
"แต่เบซิล...ถ้าเราเข้าไปในป่าต้องห้าม เราจะไม่รอดนะ" อีกคนออกเสียงคัดค้าน ด้วยเรื่องเล่าอันน่าสยองขวัญจากดินแดนเบื้องหน้าลือเลื่องเหลือเกิน ไม่มีใครอยากเสี่ยงเอาลมหายใจไปแลกกับความไม่แน่นอนหรอก
"ก็ตามไปเร็วสิ!! เรายังมีโอกาส อีกอย่างใครที่เข้าไปในป่าต้องห้ามก็ใช่ว่าจะตายเสียทุกคนซะหน่อย หลายคนก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย" เท้าใหญ่จึงยกย่างฝ่าดงหิมะที่ยิ่งจะโปรยปรายลงมาหนักขึ้นเมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ความอันตราย เหมือนจะเป็นสัญญาณเตือนให้พวกเขาล่าถอยไปเสีย
"น้อยครั้งเบซิล..."
"ไม่ทัน...นางหายไปแล้ว มองไม่เห็นแล้ว!!! โธ่เว้ย!" โอซิสตะโกนบอกทุกคนด้วยความโมโห ทุกคนหยุดชะงักสีหน้าเคร่งเครียดและเดือดดาลไปตามๆ กัน
"น่าเสียดายจริงๆ...แต่นางเข้าไปในป่าต้องห้ามแบบนั้นก็คงไม่รอดให้เราจับตัวไปถวายพระราชาเสียยังจะมีประโยชน์เสียกว่า"
"หิมะก็ตกหนักชะมัด! เราต้องรีบกลับแล้วล่ะไม่อย่างนั้นคงได้แข็งตายอยู่ที่นี่แน่ๆ" เมดิสคนที่พูดกอดออกเป่าปากจนลมอุ่นๆ กลายเป็นไอ เนื้อตัวของพวกเขาขาวโพลนไปด้วยหิมะที่เกาะพราว ทัศนวิสัยตอนนี้ก็ย่ำแย่เข้าไปทุกที
"เสียดาย เสียดายจริงๆ! อีกนิดเดียวแท้ๆ!!" เบซิลยังคงจับจดอยู่กับทรัพย์มหาศาลที่พวกเขาควรจะได้ แต่กลับหายวับไปต่อหน้าต่อตา
"กลับเถอะเบซิล ต่อให้นางไม่ถูกลูซิเฟอร์จับไปกินก็คงแข็งตายเพราะถูกหิมะแช่แน่ๆ นางไม่มีทางรอดหรอก รวมถึงพวกเราด้วยถ้ายังขืนอยู่ที่นี่"
"หึ...เจ้ามันรนหาที่นักโรเซียร์ ได้ไปอยู่ในวังสบายๆ ไม่ชอบอยากมาตายอย่างอนาถก็ตามใจ" เบซิลสะบัดหน้าหันหลังกลับด้วยความหมดอาลัยและเสียดายในสินจ้างรางวัล
"ที่นี่ที่ไหนกัน หิมะขาวโพลนไปหมด ข้าจะรอดออกไปได้อย่างไร..." เสียงกระซิบกับตัวเองดังแว่วผ่านสายลมหนาว เนื้อตัวเย็นยะเยือกแต่หัวใจของหล่อนเต้นสั่นร้อนรุ่ม ความเหนื่อยและอ่อนล้าจากการวิ่งสุดชีวิตทำให้บัดนี้สองขาแทบไม่อาจก้าวขยับได้เลย
รอบด้านมีแต่หิมะดารดาษ จะหันซ้ายขวาก็ไร้ทางให้หล่อนพอจะตัดสินใจได้ว่าควรเหยียบย่างไปตรงไหนดี วูบหนึ่งความคิดก็ตีรวนเมื่อมองด้านหลังและไม่เห็นพวกนั้นแล้ว
"มันที่ไหนกันแน่...ช่างไม่คุ้นตาข้าเอาเสียเลย หรือว่า..."
น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงคออย่างฝืดฝืน หรือเท้าของหล่อนได้ยืนเหยียบอยู่บนแผ่นดินต้องห้ามเสียแล้ว เอาชีวิตรอดจากความอดสูมาได้ แต่ก็ต้องมาวอดวายในที่สุดเช่นนั้นหรือ ไม่! หล่อนจะไม่ยอมตัดใจเด็ดขาดหากยังไม่สิ้นแรงล้มลงตรงนี้
"ข้าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นใช่ไหม...ป่าต้องห้ามไม่มีอยู่จริงหรอก เป็นแค่นิทานหลอกเด็กเท่านั้น" หล่อนต่างหากที่กำลังหลอกตัวเองอยู่
นอกจากเสียงลมที่โบกพัดหิมะให้ยิ่งหนาวเหน็บแล้ว เสียงเห่าหอนของหมาป่าที่ชัดเจนเข้าไปทุกทีมันก็ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับหล่อน
ก่อนหน้านี้หล่อนรู้เพียงว่าต้องเอาตัวรอดจากฝูงมนุษย์ผู้หยาบช้าเหล่านั้นให้ได้ แม้ต้องไปตายดาบหน้าก็จะยอม แต่หากต้องสิ้นสูญความเป็นตัวเองไปโดยการถูกบังคับแล้วล่ะก็ หล่อนจะไม่ขอมีลมหายใจเด็ดขาด
"ข้าเหนื่อยเหลือเกิน หนาวจนกระดูกจะแตกอยู่แล้ว หรือนี่ข้าต้องมาตายกลางทุ่งหิมะแบบนี้จริงๆ" ร่างกายเริ่มรับรู้สัมผัสภายนอกเมื่อการถูกตามล่าร่นถอยห่างออกไป หล่อนไม่มีจุดหมายปลายทางได้แต่ภาวนาของให้มีบ้านใครสักคนอยู่แถบนี้ และพอจะช่วยให้ที่พักหล่อนสักชั่วครู่ก็ยังดี
ตุ๊บ! "โอ๊ย!" แต่แล้วความหวังก็ริบหรี่พอๆ กับเรี่ยวแรงของหล่อน ร่างเล็กล้มทรุดลงกลางกองหิมะนั้น ความเย็นยะเยือกเกาะพราวเจ็บปวดเหมือนมันกำลังเกาะกินเลือดเนื้อของหล่อนทีละน้อย
เสื้อคลุมมีฮู้ดขนสัตว์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย หล่อนไม่อาจลุกยืนได้อีกแล้ว สองขาเหน็บชาเพราะความเย็นและอ่อนแรง สองตาปรือกระพริบสะลึมสะลือเข้าหนักอึ้งเข้าไปทุกทีๆ หรือดวงวิญญาณกำลังจะหลุดลอยออกจากร่างเช่นนั้นหรือ
หล่อนได้แต่ถามตัวเอง ก่อนอะไรๆ ก็วูบมืดสนิท ร่างเล็กฟุบหน้าบนกองหิมะขาว ในขณะที่หิมะเบื้องบนก็ยังโปรยปรายลงบนร่างไม่ขาดสายเช่นกัน
จุดจบของหล่อนยังน่าอนาถและแสนจะเดียวดายเหลือเกิน...