เมื่อคืนเกือบเที่ยงคืนที่เวียนหาเจ้าแมลงสาบทั่วทั้งห้องแต่ไม่เจอท้ายที่สุดนาวินก็หยุดหา แต่ดูเหมือนว่าคนกลัวแมลงสาบจะหลับไปก่อนด้วยความอ่อนเพลีย เขาจึงเดินออกจากห้องและลงไปหยิบกุญแจรถและเอามาวางไว้ที่หน้ากระจกแล้วกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อพักผ่อน แต่ก็ยังตื่นเช้าเพราะความเคยชิน
นาวินจัดการอาบน้ำแล้วลงไปทำอาหารเช้าง่าย ๆ ขนมปังไข่ดาวเพื่อรอคุณนกยูงที่ป่านนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอตื่นแล้วหรือยัง
ระหว่างที่นาวินง่วนอยู่ในห้องครัวก็มีเสียงดังแทรกเข้ามา “ตื่นเช้ามาทำอะไรอีกล่ะ”
เสียงหวานใสของนกยูงนั่นเอง ทำให้คนที่กำลังยุ่งอยู่หันมายิ้ม ตาสบตา เพียงครู่ก็พากันเบนสายตาหลบเหมือนจะพร้อมกัน
“ขนมปังไข่ดาวครับ” เขาบอก
“เหรอ…”
คนที่อยากรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงก็เดินเข้ามาดูใกล้ ๆ และก็เห็นว่ามันวางอยู่ในจานแล้วหนึ่งชุด นกยูงแอบชื่นชมผู้ชายตรงหน้าที่มีความรักในการทำอาหาร เธอยืนสังเกตแม้จะดูว่าง่าย ๆ แต่คนทำก็ทำอย่างตั้งใจ เขาใช้กระทะเทฟล่อนของเธอที่ล้างเก็บไว้อย่างดี ใส่มันเนยลงในกระทะเพียงนิดเดียว แล้ววางแผ่นขนมปังลงไปเพียงครู่ก็กลับด้านที่เริ่มกรอบไว้ด้านบน เมื่อได้ความกรอบของขนมปังตามที่ต้องการก็ตักออกมาวางในจาน แล้วหยิบไข่ไก่มาตอกใส่เพื่อทอดไข่อีกฟอง
ระหว่างที่รอไข่สุกตามที่ต้องการ นาวินก็หันจัดแต่งหน้าขนมปังด้วยผักสลัดแตงกวาและมะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้นบางไว้ เมื่อไข่ดาวสุกได้ที่ ก็ตักขึ้นมาวางบนผักที่จัดไว้ แล้วโรยหน้าด้วยพริกไทยดำป่นละเอียด
นกยูงเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทำใกล้เสร็จแล้วจึงลากเก้าอี้นั่งลงเพื่อรอรับประทาน
“เสร็จแล้วครับ จะรับน้ำอะไรดีครับ ระหว่างมายองเนสกับซอสมะเขือเทศ” นาวินหันมาถามเมื่อไม่แน่ใจ
“อะไรก็ได้ค่ะ คุณทำฉันกินได้หมดแหละ” ไม่เรื่องมาก ถึงเมนูจะดูง่าย ๆ แต่เธอก็ไม่เคยทำกินเอง!
“ครับ” นาวินเลือกซอสมะเขือเทศให้ วางช้อนซ่อมกับมีดแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเธอ
“ร้อนกำลังดีครับ” บอกแล้วหันไปหยิบจานที่ทำไว้ก่อนหน้านั้นมานั่งกิน
นาวินไม่รู้หรอก ว่าการกระทำนั้นยิ่งทำให้ใจของผู้หญิงวัย35กระรัตอ่อนยวบแค่ไหน
เอาชุดที่ขึ้นจากเตาใหม่ ๆ ให้เธอ! …อยากได้สามีที่ดูแลเอาใจใส่เธอแบบนี้จัง จะมีหลงเหลืออีกไหมน้อ คิดแล้วก็นั่งกินไปยิ้มไปมองใบหน้าหนุ่มหล่อที่ไม่รู้สึกตัว ว่ามีสายตาหวานเยิ้มมองดู
“กาแฟไหมครับ” นาวินเอ่ยขึ้นหลังจากที่กินของในจานหมดไปแล้ว
“อะ อ้อ เอาสิ” ช้อนซ่อมในมือเกือบร่วงเมื่อหนุ่มหล่อเงยหน้าขึ้นมาถามแบบไม่ให้เธอได้ตั้งตัว
“กี่ช้อนดีครับ”
“กาแฟสองช้อนชา น้ำตาลสามช้อนชา”
“เข้มข้นเลยนะครับ” เธอได้แค่ยิ้มตอบนาวินจึงลุกขึ้นไปจัดการให้เธอและตัวเองทันที
ร่างสูงหล่อขาวในชุดกางเกงยีนสีเข้มใส่เสื้อยืดสีขาวไว้ด้านในสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตอีกตัว ธรรมดาแต่น่ามอง คนหน้าตาดีแต่งยังไงก็ดูดี… คนเริ่มคลั่งผู้ชายได้แต่นั่งคิดและอมยิ้มกับตัวเอง
นาวินช่วยนกยูงเปิดร้านได้สักพัก เมย์ก็มาถึงเธอรีบทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองมาสายไปเกือบยี่สิบนาที
“วันนี้แดนมาทำงานอีกหรือป่าวนะ” นกยูงเปรยขึ้นเมื่อเห็นเมย์เดินเข้ามาใกล้
“ไม่แน่ใจค่ะ เมื่อวานตอนเย็นหนูโทรหาโทรติดนะคะ แต่ไม่มีคนรับสาย ไม่รู้เป็นอะไรหรือป่าว”
แดนเป็นคนขยันตั้งใจทำงานแต่พูดน้อย เมย์เองรู้สึกเป็นห่วงเช่นกันแต่เธอก็ไม่กล้าไปหาที่บ้าน เพราะแถวชุมชนที่แดนอยู่มีแต่พวกวัยรุ่นหน้าตาน่ากลัว
“รู้ไหมว่าบ้านแดนอยู่ไหน”
“รู้ค่ะ ครั้งก่อนหนูเคยขับรถไปส่งแดนที่บ้าน”
“ดีเลยเย็นนี้เราจะไปดูแดนด้วยกัน”
นกยูงไม่อยากเปิดรับพนักงานใหม่เพราะเธอเองก็ชอบนิสัยแดน แม้จะพูดน้อยก็ไม่เคยทำมารยาทหยาบคายหรือบ่นว่าเหนื่อยให้เห็นสักครั้ง เพิ่งมาขาดงานและไม่โทรมาบอกก็แค่ช่วงนี้เท่านั้น
ช่วงสายนกยูงก็เริ่มมีลูกค้าและออเดอร์ให้ไปส่งตามที่ต่าง ๆ เธอจึงออดอ้อนให้บอดี้การ์ดสุดหล่อของเธอทำหน้าที่คนส่งดอกไม้ตามเคย รอบนี้นาวินไม่มีอาการอิดออดแต่กลับเข้ามาถามเองว่ามีส่งที่ไหนตรงไหน สร้างความปลื้มปริ่มให้นกยูงขึ้นอีกหลายเท่า และดูเมย์เองก็รู้สึกไว้วางใจและสนิทใจมากขึ้นมีการพูดคุยหยอกล้ออย่างกับคนที่สนิทกันมานาน
วันนี้ช่วงเย็นนกยูงเห็นว่าลูกค้าขาดช่วงไปจึงปิดร้านก่อนเวลา
“ทำไมปิดร้านไวจัง” นาวินที่เพิ่งกลับมาจากส่งดอกไม้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าร้านติดป้ายปิดทำการและเก็บทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“จะไปดูแดนสักหน่อย” นาวินพนักหน้ารับทราบ เมื่อเช็คดูความเรียบรอยทุกอย่างทั้งหมดในร้านแล้วจึงชวนกันออกไป นาวินมีหน้าที่ขับรถ แต่เมย์ขอขับมอไซค์ตัวเองนำไปก่อน เพื่อขากลับจะได้ต่างคนต่างกลับโดยที่เมย์เองไม่ต้องวนกลับมาที่ร้านอีก
เมย์ขับมอไซค์นำไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็เข้าซอยชุมชนที่แดนพักอยู่ “บ้านหลังนี้คะ” เมย์จอดรถมอไซค์ของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามาบอกนกยูงที่ลดกระจกลงก่อนจะเปิดประตูลงไป
“มีคนอยู่หรือป่าว...”
นกยูงเปรยขึ้นเมื่อเห็นว่าบ้านปิดเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ก่อนจะเดินไปที่รั้วไม้เก่า ๆ นาวินที่เดินลงตามหลังลูกสาวเจ้านายมาติด ๆ ยื่นมือผลักประตูดู ปรากฏว่ามันแค่ปิดไว้ นาวินจึงเดินเข้าไป หญิงสาวจึงเดินตาม
“แดน แดนอยู่ไหม” เมย์ที่เคยมาแล้วครั้งหนึ่งส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“แดนกับพ่อมันไม่อยู่หรอก” เสียงแทรกที่ดังมาจากมุมบ้านข้างๆทำให้ทั้งสามคนหันไปมอง ก็พบว่ามีป้าผู้หญิงหน้าตาอวบอ้วนอายุประมาณ50ปียื่นโผล่หน้ามาจากเขตรั้ว
“แล้วป้าพอรู้ไหมว่าแดนกับพ่อไปไหนกันคะ” เมย์เป็นคนถามขึ้น
“เห็นว่าไอ้แดนเข้าโรงบาลตาอิ่มเลยไปเฝ้า” คำบอกเล่าของป้าข้างบ้าน ทำให้บุคคลที่มาหาถึงกับหน้าถอดสี
“แล้วพอจะรู้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแดน” ด้วยความเป็นห่วงลูกน้องนกยูงจึงถามขึ้นบ้าง
“ป้าก็ได้ยินเด็กแถวนี้มันพูดกัน ว่าไอ้แดนโดนเพื่อนตี ป้าก็ไม่ได้ถามอะไรเด็กพวกนั้นมาก อีกอย่างสองพ่อลูกเนี่ยเขาไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร เลยไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องสองพ่อลูกนี้นัก”
“งั้นป้าพอจะรู้ไหมว่าแดนรักษาตัวอยู่โรงบาลไหน”
“น่าจะเป็นโรงบาลรัฐใกล้ ๆ นี่แหละลองไปสืบหาดู”
“ขอบคุณนะคะ”
ทั้งสามจึงรีบขึ้นรถและวนกลับไปโรงพยาบาลรัฐที่ใกล้ที่สุดก่อนตามคำบอกเล่าของป้า