มั่นหน้า
นิวเทอเรสผับใจกลางจังหวัดราชบุรี สาวสวยสัดส่วน 34 23 36 สูง 170 ในชุดเดรสสีดำสนิทผ้าซาติน ผมเกล้ายกสูงเน้นใบหน้าให้ดูงามเด่นแม้เสียงไฟสลัว
“โร่เซ่แก้วหนึ่งค่ะ” เธอสั่งเมื่อเลือกนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาร์เตอร์บาร์เรียบร้อย รอเพียงครู่สิ่งที่สั่งก็ถูกวางไว้ด้านหน้า จึงค่อย ๆ ยกขึ้นจิบนิดหนึ่งหลับตาพริ้ม ด้วยความหลงใหลในรสชาติ ไวน์มีฟองที่ให้ความสดชื่นกลิ่นหอมเย้ายวนจนอดใจไม่ไหว
ระหว่างที่นั่งดื่มและฟังเพลงไปด้วยอารมณ์สุนทรี ไม่สนใจผู้คนรอบข้าง เพราะเวลานี้เธอต้องการความเป็นส่วนตัวและอิสระ หากแต่รู้สึกว่าไหล่ของเธอเหมือนมีอะไรมาไต่และค่อยลูบไล้ไปมา จึงหันมองเจ้าสิ่งที่ขยับอยู่และพบว่ามันเป็นมือของใครบางคน จึงค่อย ๆ ไต่สายตาไปตามแขนและไต่ไปจนถึงใบหน้าคนที่บังอาจจับต้องตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต เธอยิ้มให้เขา ผู้ชายคนที่ไม่คุ้นหน้าเลยยิ้มตอบ
“ว่าไงครับ มาคนเดียวหรือครับ” เธอไม่ตอบ ยิ้มให้อีกครั้งพร้อมมองมาที่หัวไหล่มนโดยเจ้าของมือไม่มีทีท่าว่าจะดึงออกไปจากไหล่ ผู้ชายแปลกหน้าจึงถามอีกครั้ง
“เหงาไหม ผมเหงา เรามาดื่มด้วยกันไหม” เธอมองหน้าเขาแล้วยิ้มอีก
“ไม่ตอบเป็นใบ้หรือครับ”
ครานี้เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นโดยจับข้อมือผู้ชายแปลกหน้าไว้และบิดพร้อมกับเหวียงตัวเองออกจากเก้าอี้ไปยื่นอยู่ด้านหลังผู้ชายจาบจ้วง โดยจับแขนไพล่หลังไว้
ถึงจะออกแนวหวานแต่เธอก็พอมีวิชาป้องกันตัวที่น้องสาวอย่างใบข้าวที่คะยั้นคะยอให้ฝึกเป็นเพื่อน ตอนนี้ถึงเวลาเอาออกมาใช้บ้างล่ะ
“โอ้ยๆ เจ็บๆ”
ผู้ชายร้องเสียงหลงพยายามเหวี่ยงมือที่เหลือเพื่อไปทำร้ายผู้หญิงที่ลวนลามให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่สาวสวยที่ยืนอยู่ด้านหลังไวกว่า โดยเธอเอาเท้าถีบไปที่ข้อพับ จนผู้ชายที่รบกวนเวลาส่วนตัวของเธอลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นร้องเสียงหลง ผู้คนเริ่มแตกตื่น จึงออกแรงผลักร่างหนากระเด็นแล้ววิ่งออกจากร้านไป
“บ้าเอ้ย”
คนถูกผลักหัวเสีย ลุกขึ้นสะบัดแขนสะบัดขาเพื่อคลายความเจ็บปวด “ไปตามจับมาให้ได้” เขาออกเสียงตะโกนลั่นร้าน นักดนตรีหยุดการเล่น แขกในร้านแตกตื่นโกลาหล แต่ไม่มีใครหาตัวเธอเจอ…
ในบ้านพักส่วนตัวโดยด้านล่างตกแต่งเป็นร้านขายดอกไม้สดและรับจัดซุ้มในงานต่าง ๆ ส่วนชั้นบนจัดเป็นสองห้องนอนและสองห้องน้ำ โดยเจ้าของยังนอนอยู่บนเตียงนุ่มจมหายไปใต้ผ้าห่มผืนหนา
นกยูงขยับตัวบิดขี้เกียจยืดแขนตรงอ้าปากหาววอด เปลือกตายังปิดอยู่ ก่อนจะค่อยลืมตาขึ้นช้า ๆ เพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงสว่างส่องจ้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา จังหวะจุดโฟกัสที่ปลายเท้ายังเลือนลาง ภาพรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้
“พ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย” เธอกล่าวน้ำเสียงอ้อแอ้ ไม่ได้ใส่ใจว่าพ่อจะเข้ามาในห้องเธอได้อย่างไร ก็ในเมื่อพ่อเป็นคนทำกุญแจทุกดอกไว้เองทั้งร้าน แลกกับการที่เธอมาเปิดร้านเป็นของตัวเองได้
พ่อยังคงนั่งนิ่ง นกยูงยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองเพื่อปรับเลนส์สายตาให้ชัด เพ่งมอง
“อ้าว เฮ้ย! นะ นายเป็นใคร”
อยากกรี้ดให้ลั่นบ้านด้วยความตกใจกลัว แต่ก็คิดว่าหากเขาจะทำร้ายเธอคงทำไปแล้ว และไม่แปลกอีกนั่นแหละที่คนไม่รู้จักเข้ามาในห้องของเธอได้ หากแต่เธอชินแล้วกับการที่มีผู้ชายร่างใหญ่เดินวนเวียนอยู่ในร้านและในบ้านเป็นว่าเล่น ถึงพ่อจะห่วงและหวงเธอกับน้องใบข้าวแค่ไหน แต่ไม่เคยหวงจากหนุ่ม ๆ พวกนี้ บอดี้การ์ด!
คนถูกทักเมื่อมั่นใจว่าคนบนเตียงปกติดีจึงลุกขึ้น ก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป นกยูงอ่าปากเหวอ
...ใครกันถามไม่ตอบ!
เธอจึงเหวี่ยงผ้าห่มออกจากตัวแล้ววิ่งตามหลังคนที่ก้าวยาว ๆ ออกตามไป
“นินาย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เสียงแหลมสั่งเสียงขุน แต่อีกคนไม่หันกลับมา “ฉันจะร้องให้คนช่วย” ครานี้เท้าที่ก้าวอยู่หยุดชะงัก
นาวิน ชาญปรีชากุล หนุ่มวัย 28ปี จมูงโด่งเป็นสัน ผิวขาวสูง 180 ที่สาว ๆ มักบอกเขาเสมอว่าหน้าตาโอปป้าไปทางเกลาหลีทั้งที่เป็นคนไทยแท้ เขาหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนจะเอ่ยขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันกลับมามองคู่สนทนา
“คุณหนูนกยูงไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนเถอะครับ เดี๋ยวเด็กในร้านก็จะมากันแล้ว”
น้ำเสียงทุ่มนุ่มหูทำให้นกยูงผู้รักอิสระลังเล แปลกใจไม่น้อยที่หนุ่มไม่คุ้นตา รู้ว่าพนักงานในร้านของเธอเข้าทำงานเวลาใด คงศึกษามาอย่างดีซิท่า…
“นายเป็นคนของพ่อที่ส่งมาใหม่อีกใช่ไหมล่ะ” แม้จะเดาออกแต่อยากถามให้แน่ใจ
“ครับ”
ครานี้นกยูงรู้สึกคลายกังวลลงแต่ก็ยังหงุดหงิดที่ชายผู้นี้เข้าห้องโดยไม่ได้รับอนุญาติจากเธอเสียก่อน
“แต่ฉันต้องอบรมเรื่องมารยาทกับนายก่อน” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปใกล้ คนที่ดูหน้าตาจะอ่อนกว่าเธออยู่
นาวิน ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ก็รีบก้าวออกไปและเป็นจังหวะเดียวกันที่นกยูงเอื้อมมือหมายจะดึงไหล่หนา แต่พราดเป้าจึงทำให้เธอเสียหลักร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ
ผู้ชายที่คล่องตัวอยู่แล้วอย่างนาวินหันขวับและรับร่างนุ่มนิ่มในชุดบางเบาของเธอก่อนที่จะทรุดลงไปกระแทกกับพื้นไว้ได้ นกยูงทำได้แค่หลับตาปี๋ โดยในใจคิดว่าตัวเองต้องเจ็บตัวแน่แล้ว แต่เหมือนว่าการรอคอยนั้นไม่เกิดขึ้น เมื่อตัวเธอยังค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะค่อย ๆ ลืมตา
ตาสบตาสีหน้าหวาดหวั่นแปลเปลี่ยนเป็นขอบคุณเมื่อรับรู้ว่าวงแขนของชายหนุ่มตรงหน้าช่วยรับเธอไว้
เขาหล่อแม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกนกยูงสรุปได้ในสายตาตัวเอง
“ไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ ทำตัวไม่ระวังไปได้”
“หะ !” ความรู้สึกเปลี่ยนทันที นกยูงชักสีหน้า นี่หาว่าฉันแก่เหรอ…
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ”
นาวินเตือนอีกครั้ง นกยูงจึงดีดตัวออกจากวงแขนแล้วทรงตัวยืนตรงแล้วถลึงตาใส่
ตาจ้องตา ทั้งที่ส่วนสูงต่างกันเงยหน้าจนคอตั้งนกยูงก็ไม่หวั่น นาวินผันหน้ามองไปทางอื่นยกมือข้างหนึ่งเท้าสะเอวมืออีกข้างกุมขมับแล้วถอนหายใจแรง ๆ
นกยูงรู้สึกหงุดกับท่าทีหยิ่งผยอง ฉันขี้เหร่มากหรือไงห๊ะถึงไม่อยากมองหน้า!
ความไม่กล้าสู้หน้าที่ชายผู้นี้มีต่อเธอก่อนจะนึกขึ้นได้ “อ้าย!” เธอร้องขึ้นแล้วรีบเอามือกอดอก วิ่งตัวปลิวไม่สนใจคนข้างหลัง นาวินได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินลงไปรอด้านล่าง