เมื่อถึงโรงพยาบาล นกยูงก็ไปสอบถามพนักงานหน้าเคาร์เตอร์ บอกชื่อและนามสกุลที่แดนเคยให้ไว้ในใบสมัครงาน “อ้อ ออกไปแล้วค่ะ”
“เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อช่วงสายนี่เองค่ะ” นกยูงถอยออกจากเคาร์เตอร์
มองหน้านาวินเหมือนอยากขอความคิดเห็น
“งั้นเรากลับกันก่อนดีกว่า รอพรุ่งนี้อีกวัน หากแดนไม่เป็นอะไรแล้วคงกลับมาทำงานปกติ” นาวินเอ่ยขึ้นและเดินนำออกไป
“ขอบใจนะเมย์ขับรถกลับดี ๆนะ”
นกยูงหันไปบอกลูกน้องสาวที่มีสีหน้าอมทุกข์อยู่ไม่น้อย เมย์พยักหน้ายิ้มบาง ๆ แล้วแยกตัวออกไปเพื่อกลับบ้านของเธอ
ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้าน นกยูงยังคงคิดถึงเรื่องของแดนจึงเปรยขึ้น “เรื่องชักจะยังไง ๆ”
“ยังไง คือยังไงครับ” นาวินแกล้งถามอยากรู้ว่าลูกสาวเจ้านายตนจะมีความคิดยังไงกับลูกน้องของตัวเองที่เจอเรื่องแบบนี้เข้า
“ฉันมองแดนไม่ผิด แดนเป็นเด็กเงียบ ๆ พูดน้อยแต่ทำงานว่องไวและฟังมากกว่าพูด จะมีเรื่องกับเพื่อนได้ยังไง”
“มีบางอย่างที่เราไม่รู้เกี่ยวกับแดนก่อนหน้าที่จะมาทำงานกับเราก็ได้ครับ” คำพูดที่ดูมีเหตุผลของนาวินทำให้นกยูงเห็นด้วย
“เราจะกลับร้านกันเลยนะครับ”
“ยัง ฉันอยากไปหาอะไรเย็น ๆ หอม ๆ กินแล้วรู้สึกสดชื่น” แล้วเธอก็นึกไปถึง กลิ่นหอมของโร่เซ่
“จะไปนิวเทอเรสผับเหรอ”
“อยากไปอยู่หรอก” แล้วเธอก็นึกถึงวีรกรรมของคืนนั้น แล้วทำหน้าย่น
“ฉันยังไม่…” พูดได้แค่นั้นก็หยุด คิดแล้วก็ตลกตัวเอง พอเกิดเรื่องก็รีบฉิ้งออกจากร้าน ปานนี้เจ้าของร้านเอารูปเธอขึ้นป้ายหน้าร้านหรือยังหน้อ
เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!
“เกิดอะไรขึ้นล่ะครับ”
“ปะเปล่า…” เรื่องน่าอายใครจะเล่าให้ฟังกันเล่า
“นายเคยไปเหรอ หึคงไปบ่อยละสิ” เธอถามเองตอบเองนาวินได้แต่ขับรถไปแล้วยิ้มอยู่กับตัวเอง
“ตกลงจะไปไหมครับถึงแยกด้านหน้าผมจะได้เลี้ยว”
“ไม่ดีกว่า นายขับไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวถึงฉันจะบอกนายเองว่าให้เลี้ยวตรงไหน”
นาวินไม่ขัดคำสั่งและขับไปเรื่อย ๆ ตามถนนหลักที่ตอนนี้เริ่มมีแสงไฟส่องสว่าง ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเสียงหวานแหลมก็รีบบอก
“หยุดไฟแดงแล้วเลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลย” นาวินทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อเธอบอก
ในซอยไม่ลึกนักเธอก็บอกให้นาวินหาที่จอดรถเมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วเธอก็ชวนเขาลงมา
“นี่มัน…” นาวินลังเลเมื่อป้ายดวงไฟที่ตกแต่งจนเป็นจุดเด่นเรียกสายตาให้ผู้คนต้องหันมอง
“บาร์โฮส” เธอบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงปกติ แต่อีกคนทำหน้าตาตื่น
“ไม่ดีมั่งครับ”
“อ้าว ไม่ดียังไง”
“ผมผู้ชาย” นกยูงเอามือปิดปากหัวเราะนึกขึ้นได้ว่า ร้านนี้ไม่ต้อนรับแขกผู้ชาย
“งั้นนายนั่งรอฉันในรถแล้วกัน”
“ไม่ได้ครับ”
“ทำไม ฉันไปไม่ถึงสองชั่วโมงหรอก”
“หนึ่งนาทีก็ไม่ได้”
“นี่นาย ใครนายใครลูกน้องเนี่ย”
“ผมนายนาวิน เป็นลูกน้องของเสี่ยเรือง ส่วนคุณนกยูงเป็นผู้หญิง จะเข้าไปในนั้นได้ยังไง มันไม่เหมาะ อีกอย่างผมทำหน้าที่อยู่ คุณอยู่ไหนผมต้องอยู่ที่นั่นด้วย”
คำพูดชัดเจน นกยูงได้แต่กรอกตาไปมา อยากตบหน้าตัวเองคิดผิดที่พาลูกน้องของพ่อมาให้รู้จักที่แห่งนี้
“กลับเหอะ หิวแล้ว”
บทจะง่ายก็ง่าย เมื่อเธอเปลี่ยนใจ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้นาวินอยู่ไม่น้อย
นาวินจึงถอยรถออกกลับทางเดิม โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ใครจะรู้ว่าอาการนิ่งเงียบของนกยูงนั้นเธอกำลังรู้สึกดี ที่มีบอดี้การ์ดสุดหล่อรู้จักขัดใจเธอ ที่จริงก็แค่อยากรู้ว่าสถานที่แบบนี้ด้านในจะเป็นอย่างไร เพียงแค่ได้ฟังได้อ่านเล่าปากต่อปาก มันไม่ตื่นเต้นเท่ากับสัมผัสเอง ยิ่งสาวสวยอายุเยอะอย่างเธอก็อยากมีประสบการณ์ไว้เผื่อมีลูกหลานได้เล่าให้ฟังได้ ก็เลยอยากเขาไปดูสักครั้ง!
“ต้องการอะไรเพิ่มหรือป่าวครับ” เมื่อใกล้ถึงร้าน Flower ’s you และกำลังจะขับผ่านห้างสรรพสินค้านาวินจึงตัดสินใจเอ่ยถามคนที่นั่งเงียบมาตลอดทาง
“ของในครัวแล้วแต่นายเลย” เมื่อได้คำตอบมาอย่างนั้นนาวินจึงขับรถตรงกลับไปร้านทันที
“วันก่อนนายซื้อของไปเท่าไหร่ เอาบิลมาให้ฉันด้วยนะ จะได้เบิกเงินคืนให้” นาวินหันมองเสี่ยวหน้าหวานเพียงนิด
“ไม่ต้องหรอกครับ เสี่ยเรืองจัดการไว้หมดแล้ว”
“ต่อไปไม่ต้องไปยุ่งกับเงินเสี่ยเรืองเลยนะ อยู่กับฉันทำงานให้ฉัน ฉันต้องเป็นคนรับผิดชอบสิ”
“เรื่องนี้คุณนกยูงต้องไปคุยกับเสี่ยเรืองเองนะครับ” คำพูดหนักแน่น แปลว่าคำสั่งเสี่ยเรืองเหนือกว่าเธอ นกยูงได้แต่เบะปากมองบน
เมื่อถูกโยนให้คุยกับพ่อเธอขอเลือกอยู่เฉย ๆ ดีกว่า ยิ่งไปงอแงกับท่านมากเกิน ดีไม่ดีส่งลูกน้องมาพังร้านแล้วลากตัวเธอกลับไปฟังเสียงรถบรรทุก หึ้ย !คิดแล้วก็รู้สึกเสียวไส้!
ร้าน Flower ’s you นาวินจอดรถเรียบร้อยนกยูงจึงเปิดประตูเดินออกไปและจัดการเปิดประตูร้าน
“วันนี้ขอเมนูที่เป็นกับแกล้มหน่อยนะ” เธอบอกนาวินพร้อมกับเดินตรงไปยังห้องครัว นาวินเดินตามมองดูโดยไม่ได้เอ่ยอะไร และเห็นว่าลูกสาวเสี่ยเรืองดึงกล่องลังอะไรสักอย่างที่วางอยู่ใต้โต๊ะออกมา เมื่อเธอยกขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะจึงรู้ว่าเป็นไวน์แดงที่เก็บบรรจุไว้อย่างดี
“ช่วยแกะน้ำแข็งในช่องฟรีซใส่กระติกให้ด้วยนะ…” เธอหันมาสั่งและหยุดพูดยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยต่อ “ขอขึ้นไปอาบน้ำแปบเดี๋ยวจะลงมา” นาวินยิ้ม กับคำว่าแปบเดี๋ยวของคุณนาย