โอ้ยอาการเหมือนภรรยาบอกเวลาสามีออกไปทำงานเลยแฮะ… บอกไปแล้วก็รู้สึกกระดากจนต้องพาใบหน้าที่แดงเรื่อหลบไปทางอื่น
นึกว่าจะงอนนานกว่านี้… นาวินคิดและเดินอมยิ้มอยู่เพียงลำพัง
แดนผลักประตูเข้ามาหลังจากที่นาวินออกไปได้ไม่นาน นกยูงที่นั่งกินกาแฟอยู่เมื่อเห็นว่าลูกน้องชายมาทำงานที่ร้านได้แล้วก็รีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“หายดีแล้วเหรอ ยังมีผ้าพันแขนอยู่เลย” เธอเห็นว่าจะมีผ้าก๊อตพันยาวไปถึงข้อศอก ก็รู้สึกเป็นห่วง
“ครับ ไม่เป็นไรครับไม่เจ็บแล้วครับ” แม้หมอบอกว่าแขนไม่ได้หัก แต่แดนยังรู้สึกปวดเป็นบางครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะทนทำงานไม่ได้
“ถ้าปวดก็รักษาให้หายก่อนนะแดน ฉันจะเบิกเงินล่วงหน้าให้”
“ขอบคุณครับ แต่ผมทำงานได้ครับ”
“ดูสิ แขนก็เจ็บใบหน้าก็มีแต่รอยช้ำแย่จริง ๆ เลยเด็กพวกนี้” อดไม่ได้เลยตำหนิเด็กที่ทำร้ายลูกน้องของเธอ
แดนไม่แปลกใจที่เจ้านายสาวรู้เรื่อง เพราะวันที่เมย์ไปเรียก เขากับพ่อก็แอบอยู่ในห้อง ได้ยินการพูดคุยของป้าข้างบ้านทุกอย่าง จึงไม่อยากออกมาในสภาพตัวเองทุเรศลูกกะตา ตอนนี้ก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำแบบนั้น
“แล้วเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังได้ไหม”
“ขอโทษนะครับที่ไม่โทรมาบอก”
นกยูงได้แต่ยิ้มเมื่อแดนไม่ตอบตรงคำถาม เธอเข้าใจว่าแดนคงไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรตอนนี้ จึงไม่เซ้าซี้ถาม
“จ๊ะ แต่ต่อไปหากมีอะไรก็โทรมาบอกกันบ้าง หรืออยากให้ช่วยจัดการอะไรก็บอกได้นะ”
“ครับคุณนกยูงผมต้องขอโทษอีกครั้งครับ”
“จ๊ะ โชคดีที่ฉันมีคนช่วยส่งไม่งั้นร้านแย่แน่ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังจ๊ะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงเปิดประตูทำให้แดนและนกยูงหันไปมองก็พบว่าเมย์เป็นคนเปิดเข้ามา เมื่อเธอเห็นว่าแดนมาทำงานได้แล้วก็ยิ้มให้และเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นห่วงแทบแย่ โทรไปก็ไม่รับสาย” แดนอึกอักและยิ้มเพื่อกลบความรู้สึกบางอย่าง ใบหน้าที่เคยสดใสตอนนี้หม่นเศร้าจนหน้าใจหาย
“ออกมาหาบ้านเช่าใหม่เถอะ แถวนั้นดูแล้ววัยรุ่นน่าจะติดยาทั้งนั้น” คำพูดตรง ๆ ของเมย์ทำให้นกยูงสะดุ้งตาโต แดนเองก็ตกใจ คนพูดตรงเหมือนนึกขึ้นได้จึงยกมือขึ้นปิดปาก ยิ้มแหย่ ๆ
“วันนี้มีดอกไม้มาส่งใช่ไหมคะ” เมย์เปลี่ยนเรื่องหันมาคุยกับนายจ้างแดนจึงเลือกเดินเหลี่ยงออกไปทำงานของตนเองที่เคยทำ
“หากมาช่วงที่ฉันยุ่งอยู่ เมย์ต้องเช็คให้ดี ๆ ว่าของมาครบไหม”
“ค่ะจะเช็คให้ละเอียดเลยค่ะ” เมย์รับคำอย่างหมายมั่นเพราะหลายครั้งที่ของมาส่งไม่ครบ และทางร้านเจ้าของฟาร์มดอกไม้ไม่แจ้งรายละเอียด นกยูงจะอารมณ์เสียจนพวกลูกน้องอย่างเธอเข้าหน้าไม่ติด
เป็นจังหวะที่มีคนเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นบอดี้การ์ดสุดหล่อหอบของพะรุงพะรังเข้ามา เมย์จึงเดินเข้าไปถาม
“มีอะไรให้หนูช่วยบ้างไหมคะ” นาวินขยับสิ่งที่บดบังหน้าออก เมื่อเห็นว่าเป็นเมย์ก็ยิ้มให้
“ก็ดีเลยครับ ช่วยไปหยิบของท้ายรถไปไว้ในครัวให้หน่อยก็ดี”
เมย์พนักหน้าอย่างยินดีโดยมีสายตาของแดนตามมองอยู่เงียบ ๆ เมื่อขนของออกจนหมดท้ายรถ เมย์จึงไปทำงานของเธอ
“ได้มาครบไหมค่ะ” คนหายงอนแล้วทักขึ้น
“ครับเดี่ยวผมจะไปจัดการให้ครับ”
“ฝากด้วยนะคะ” เธอบอกเสียงหวานนาวินยิ้มรับแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
ไม่นานนกยูงก็เริ่มมีลูกค้าโดยที่นาวินไม่ได้ลงมาช่วยอย่างเคย เมื่อเสร็จงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบ จึงยืนมองดูอยู่ชั้นบน และเห็นว่ามีเด็กผู้ชายน่าจะวัยไล่เลี่ยกันกับเมย์ยืนอยู่ด้วย นาวินยืนสังเกตุดูอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่าง และไปนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่เป็นที่ขวางหูขวางตาของใคร เมื่อได้เวลาอาหารเที่ยงนาวินจึงลุกขึ้นเข้าครัว
“โอ้ย หอมอะไรเนี่ย…” เมย์เอ่ยขึ้น ทั้งที่เห็นว่าบอดี้การ์ดหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่ในครัว
“สงสัยร้านที่เคยสั่งข้าวช่วงเที่ยงต้องขาดรายได้แน่ ๆ”
พูดแล้วก็เอามือป้องปากหัวเราะ นกยูงที่ยืนฟังลูกน้องสาวพูดก็ยิ้มชอบใจ แดนที่เพิ่งกลับจากส่งของมองหน้าเมย์ที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลา ก่อนจะเดินไปนั่งพักร้อน
เมื่อได้เวลาพักเที่ยงนกยูงบอกให้เมย์ไปเอาป้ายแขวนไว้ แดนเมื่อเห็นว่านายจ้างสาวเอาป้ายมาแขวนไว้จึงเตรียมตัวออกข้างนอก
“แดนจะไปไหน มากินข้าวก่อน”
“คือ…”
“มา มากินข้าวกันก่อน นี่คุณนาวิน บอดี้การ์ดคนใหม่ มาเป็นเชฟส่วนตัวให้เราเลยนะ” นกยูงรีบบอกเพื่อไม่ให้แดนรู้สึกอึดอัด
“ครับ” ว่าแล้วก็เดินตามเข้าไปในครัว ที่มีอาหารสามอย่างถูกวางไว้เรียบร้อยพร้อมจานข้าวเท่าจำนวนคนในร้าน
“ทำตัวเป็นกันเองนะครับ” นาวินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มมีปฏิกิริยาเช่นไรส่วนเมย์เธอคุ้นเคยกับเขาแล้วเหลือก็แต่เด็กหนุ่มที่ดูจะเข้าถึงยาก