ใจเรียกใจ

981 คำ
โอ้ยอาการเหมือนภรรยาบอกเวลาสามีออกไปทำงานเลยแฮะ… บอกไปแล้วก็รู้สึกกระดากจนต้องพาใบหน้าที่แดงเรื่อหลบไปทางอื่น นึกว่าจะงอนนานกว่านี้… นาวินคิดและเดินอมยิ้มอยู่เพียงลำพัง แดนผลักประตูเข้ามาหลังจากที่นาวินออกไปได้ไม่นาน นกยูงที่นั่งกินกาแฟอยู่เมื่อเห็นว่าลูกน้องชายมาทำงานที่ร้านได้แล้วก็รีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “หายดีแล้วเหรอ ยังมีผ้าพันแขนอยู่เลย” เธอเห็นว่าจะมีผ้าก๊อตพันยาวไปถึงข้อศอก ก็รู้สึกเป็นห่วง “ครับ ไม่เป็นไรครับไม่เจ็บแล้วครับ”  แม้หมอบอกว่าแขนไม่ได้หัก แต่แดนยังรู้สึกปวดเป็นบางครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะทนทำงานไม่ได้ “ถ้าปวดก็รักษาให้หายก่อนนะแดน ฉันจะเบิกเงินล่วงหน้าให้” “ขอบคุณครับ แต่ผมทำงานได้ครับ” “ดูสิ แขนก็เจ็บใบหน้าก็มีแต่รอยช้ำแย่จริง ๆ เลยเด็กพวกนี้” อดไม่ได้เลยตำหนิเด็กที่ทำร้ายลูกน้องของเธอ แดนไม่แปลกใจที่เจ้านายสาวรู้เรื่อง เพราะวันที่เมย์ไปเรียก เขากับพ่อก็แอบอยู่ในห้อง ได้ยินการพูดคุยของป้าข้างบ้านทุกอย่าง จึงไม่อยากออกมาในสภาพตัวเองทุเรศลูกกะตา ตอนนี้ก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำแบบนั้น “แล้วเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังได้ไหม” “ขอโทษนะครับที่ไม่โทรมาบอก” นกยูงได้แต่ยิ้มเมื่อแดนไม่ตอบตรงคำถาม เธอเข้าใจว่าแดนคงไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรตอนนี้ จึงไม่เซ้าซี้ถาม “จ๊ะ แต่ต่อไปหากมีอะไรก็โทรมาบอกกันบ้าง หรืออยากให้ช่วยจัดการอะไรก็บอกได้นะ” “ครับคุณนกยูงผมต้องขอโทษอีกครั้งครับ”  “จ๊ะ โชคดีที่ฉันมีคนช่วยส่งไม่งั้นร้านแย่แน่ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังจ๊ะ” “เรียบร้อยแล้วครับ” เสียงเปิดประตูทำให้แดนและนกยูงหันไปมองก็พบว่าเมย์เป็นคนเปิดเข้ามา เมื่อเธอเห็นว่าแดนมาทำงานได้แล้วก็ยิ้มให้และเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นห่วงแทบแย่ โทรไปก็ไม่รับสาย” แดนอึกอักและยิ้มเพื่อกลบความรู้สึกบางอย่าง ใบหน้าที่เคยสดใสตอนนี้หม่นเศร้าจนหน้าใจหาย “ออกมาหาบ้านเช่าใหม่เถอะ แถวนั้นดูแล้ววัยรุ่นน่าจะติดยาทั้งนั้น” คำพูดตรง ๆ ของเมย์ทำให้นกยูงสะดุ้งตาโต แดนเองก็ตกใจ คนพูดตรงเหมือนนึกขึ้นได้จึงยกมือขึ้นปิดปาก ยิ้มแหย่ ๆ “วันนี้มีดอกไม้มาส่งใช่ไหมคะ” เมย์เปลี่ยนเรื่องหันมาคุยกับนายจ้างแดนจึงเลือกเดินเหลี่ยงออกไปทำงานของตนเองที่เคยทำ “หากมาช่วงที่ฉันยุ่งอยู่ เมย์ต้องเช็คให้ดี ๆ ว่าของมาครบไหม” “ค่ะจะเช็คให้ละเอียดเลยค่ะ” เมย์รับคำอย่างหมายมั่นเพราะหลายครั้งที่ของมาส่งไม่ครบ และทางร้านเจ้าของฟาร์มดอกไม้ไม่แจ้งรายละเอียด นกยูงจะอารมณ์เสียจนพวกลูกน้องอย่างเธอเข้าหน้าไม่ติด เป็นจังหวะที่มีคนเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นบอดี้การ์ดสุดหล่อหอบของพะรุงพะรังเข้ามา เมย์จึงเดินเข้าไปถาม “มีอะไรให้หนูช่วยบ้างไหมคะ” นาวินขยับสิ่งที่บดบังหน้าออก เมื่อเห็นว่าเป็นเมย์ก็ยิ้มให้ “ก็ดีเลยครับ ช่วยไปหยิบของท้ายรถไปไว้ในครัวให้หน่อยก็ดี” เมย์พนักหน้าอย่างยินดีโดยมีสายตาของแดนตามมองอยู่เงียบ ๆ เมื่อขนของออกจนหมดท้ายรถ เมย์จึงไปทำงานของเธอ “ได้มาครบไหมค่ะ” คนหายงอนแล้วทักขึ้น “ครับเดี่ยวผมจะไปจัดการให้ครับ” “ฝากด้วยนะคะ” เธอบอกเสียงหวานนาวินยิ้มรับแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป ไม่นานนกยูงก็เริ่มมีลูกค้าโดยที่นาวินไม่ได้ลงมาช่วยอย่างเคย เมื่อเสร็จงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบ จึงยืนมองดูอยู่ชั้นบน และเห็นว่ามีเด็กผู้ชายน่าจะวัยไล่เลี่ยกันกับเมย์ยืนอยู่ด้วย นาวินยืนสังเกตุดูอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่าง และไปนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่เป็นที่ขวางหูขวางตาของใคร เมื่อได้เวลาอาหารเที่ยงนาวินจึงลุกขึ้นเข้าครัว “โอ้ย หอมอะไรเนี่ย…” เมย์เอ่ยขึ้น ทั้งที่เห็นว่าบอดี้การ์ดหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่ในครัว “สงสัยร้านที่เคยสั่งข้าวช่วงเที่ยงต้องขาดรายได้แน่ ๆ”  พูดแล้วก็เอามือป้องปากหัวเราะ นกยูงที่ยืนฟังลูกน้องสาวพูดก็ยิ้มชอบใจ แดนที่เพิ่งกลับจากส่งของมองหน้าเมย์ที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลา ก่อนจะเดินไปนั่งพักร้อน เมื่อได้เวลาพักเที่ยงนกยูงบอกให้เมย์ไปเอาป้ายแขวนไว้ แดนเมื่อเห็นว่านายจ้างสาวเอาป้ายมาแขวนไว้จึงเตรียมตัวออกข้างนอก “แดนจะไปไหน มากินข้าวก่อน” “คือ…” “มา มากินข้าวกันก่อน นี่คุณนาวิน บอดี้การ์ดคนใหม่ มาเป็นเชฟส่วนตัวให้เราเลยนะ” นกยูงรีบบอกเพื่อไม่ให้แดนรู้สึกอึดอัด “ครับ” ว่าแล้วก็เดินตามเข้าไปในครัว ที่มีอาหารสามอย่างถูกวางไว้เรียบร้อยพร้อมจานข้าวเท่าจำนวนคนในร้าน “ทำตัวเป็นกันเองนะครับ” นาวินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มมีปฏิกิริยาเช่นไรส่วนเมย์เธอคุ้นเคยกับเขาแล้วเหลือก็แต่เด็กหนุ่มที่ดูจะเข้าถึงยาก  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม