แพรนรีเงยหน้ามองเขาอย่างเข่นเขี้ยว “ปล่อยมือออกจากตัวของฉัน” แต่แทนที่ชายหนุ่มจะทำตาม เขากลับแกล้งกดจมูกหอมแก้มเธออย่างหน้าด้านๆ
“เวลานี้เธอควรจะยิ้มมากกว่าขู่ฟ่อนะแมวน้อย” เขาบอกเบาๆ อีกครั้ง
“อย่ามาทำตัวรุ่มร่าม”
“ตรงไหน...” ชายหนุ่มผายมือยักไหล่
“ฉันก็แค่หอม ทักทายเป็นมารยาท เธอก็อย่าเสียมารยากับนายจ้างสิ” ชายหนุ่มกระซิบตอบ แต่แมทริวก็ร้องขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
“กลางงานเลี้ยง...ฮาริส” แมทริวร้องเย้าๆ
ฮาริสฝังปลายจมูกย้ำลงพวงแก้มเนียนอีกครั้งอย่างจงใจแกล้ง ภาพสองหนุ่มสาวเหมือนทั้งคู่กำลังสวีทหวานในสายตาคนนอก แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแพรนรีอยากหักคอเขาที่สุด
“คุณ!” แพรนรีจิกตาดุ กำหมัดแน่นกัดฟันกรอด ยิ่งเห็นสายตาของคนที่ยืนอยู่รอบๆ ความรู้สึกของเธอยิ่งย่ำแย่ ค่าของเธอในสายตาของพวกเขายิ่งลดลง
แทนที่จะกลัว แต่ฮาริสกลับยิ้มระรื่น กดจมูกย้ำๆ ไปอีกสองสามครั้ง “ถ้าไม่ยิ้ม...เธอก็จะโดนหอมอยู่อย่างนี้ หรือว่าอยากดัง อยากให้ฉันจูบต่อหน้าพวกนี้”
หญิงสาวฝืนยิ้มบางๆ ให้สามหนุ่ม ทั้งที่ใจอยากตบหน้าฮาริสและเดินออกไปจากงานเสียตอนนี้ แต่คำพูดของมาดามเรนนี่ก็ย้ำให้เธอมีสติ งานระดับหรูหรา แล้วผู้ชายตรงหน้าเธอก็คงไม่กระจอก ที่สำคัญเธอไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายสามเท่าของค่าจ้างคืนแน่ๆ
สายตาหื่นหลายคู่มองมาที่เธออย่างไม่เกรงใจเขาสักนิด ฮาริสถือวิสาสะโอบเอวของหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ จากที่ต้องการแกล้ง แต่ตอนนี้เขากลับหวงแม่เนื้อนุ่มขึ้นมาจริงๆ
ผิวละเอียดนุ่มขับแสงไฟนวล กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ยังติดจมูกทำให้เขาอยากกดจมูกลงซอกคอระหงเสียตอนนี้
“พวกนายจะมองแฟนฉันอีกนานไหม” ชายหนุ่มบอกตัดบท หรี่ตาให้แมทริวเหมือนรู้กัน
“ฉันต้องไปเจอลูกค้าทางฝั่งโน้น ตามสบายนะ” ฮาริสบอกอีกครั้ง รั้งแผ่นหลังหญิงสาวให้เดินตามเขาไปพร้อมกับก้มลงกระซิบ
“ตามมาทางนี้ แล้วก็ยิ้มด้วย”
หญิงสาวยอมยิ้มให้ทุกคนที่เธอเดินผ่าน ไม่ใช่ว่าเธอเชื่อคำพูดของเขา แต่เธอกำลังสร้างไมตรี
เมื่อเห็นอย่างนี้คนสั่งให้หญิงสาวยิ้มก็นึกอยากถอนคำพูดเดิมและสั่งคำสั่งใหม่
เขาหึงและหวงรอยยิ้มนั้นเสียแล้ว
หลังจากที่เดินออกไปจากสามหนุ่ม หญิงสาวก็เงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง เมื่อครู่เธอไม่ต้องการหักหน้าเขา แต่ตอนนี้เธอกับเขาต้องตกลงกันให้รู้เรื่อง
“ปล่อยฉัน!” หญิงสาวสั่งเขา ดึงตัวออก
“ฉันเป็นนายจ้างเธออยู่นะ”
“แต่ฉันต้องตกลงกับคุณก่อน”
“ฉันเข้าใจว่าคนของฉันตกลงกับเธอจนเข้าใจตั้งแต่เธอยอมรับค่าจ้างแล้ว มืออาชีพเขาไม่ทำกันอย่างนี้นะ” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ยิ่งเธอดิ้น เขาก็ยิ่งรัดแน่นอย่างต้องการเอาชนะ
“แต่อันนี้มันเกินข้อตกลง” หญิงสาวสะบัดมือออก เงยหน้าเผชิญกับเขาอย่างเอาเรื่อง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใส่ใจอาการของเธอ กวาดสายตามองหาคู่ค้าสักคน ในที่สุดเขาก็มองเห็น
“คุณแม็ค” ฮาริสร้องทักนักธุรกิจชื่อดังของซูริก เขาใช้แขนเกี่ยวเอวหญิงสาวให้เดินตามไปที่ชายหนุ่มร่างสูงท้วม
แพรนรีพอรู้จักหน้าของเขาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์บ้าง แม็คเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมชื่อดังในเมืองนี้
ฮาริสยื่นมือไปทักทายอีกคน ในขณะที่มืออีกข้างยังโอบเอวของแพรนรีไม่ยอมปล่อย เธอต้องเก็บอาการไม่พอใจเอาไว้ก่อน
ชายหนุ่มดูเหมือนจะให้ความสนใจคู่ค้านักธุรกิจมากจนเหมือนจะลืมคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เพียงสิ่งเดียวที่บอกหญิงสาวว่าเขายังไม่ลืมคือมือที่ยังโอบเอวของเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
แพรนรีได้รู้จักเขาจากสิ่งที่ได้ยินการสนทนา เขาน่าจะทำงานอยู่ในวงการการเงิน หัวข้อสนทนาไม่น่าเบื่อสำหรับคนเรียนด้านนี้อย่างเธอ ความรู้สึกอึดอัดเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ
หากไม่มีนิ้วหัวแม่มือด้านซ้ายของเขาที่ไล้แผ่นหลังของเธอเบาๆ เป็นระยะ แพรนรีจะรู้สึกผ่อนคลายกว่านี้
ปลายนิ้วมือร้อนทำให้เธอขนลุกซู่
ถึงตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดถนัดที่ใส่ชุดเปลือยแผ่นหลังชุดนี้มา ยังมีมุกเส้นสวยที่คลอเคลีย มันเป็นของเล่นชิ้นดีของชายหนุ่ม เขาคุยไปด้วย แต่มือของเขาก็หยอกเอินเนื้อนวลของเธออย่างมีความสุขไปด้วย
แพรนรีพยายามรั้งตัวออก แต่เมื่อเธอยิ่งพยายามเขาก็ยิ่งแกล้งรัดแน่น ซ้ำยังกดจมูกหอมแก้มทุกครั้งที่เธอพยายามขยับตัวถอยห่าง สุดท้ายเธอก็ยอมให้เขาโอบ ดีกว่าจะยอมเสียเปรียบให้เขาหอมแก้มอยู่ร่ำไป
จากตอนแรกที่ฮาริสจงใจแกล้งลูบสัมผัสผิวเนียนบนแผ่นหลังของหญิงสาวเพื่อยั่วเธอ แต่พอนานเข้ามันกลับกลายเป็นความเคยชิน หวงแหนผิวนุ่มจนไม่อยากละมือออก
ภาพสองหนุ่มสาวโดดเด่น ไม่หลุดพ้นจากสายตากองทัพสื่อ ทุกอิริยาบถของทั้งคู่ถูกบันทึกภาพเอาไว้ หญิงสาวนางนี้ต้องมีความสำคัญกับเจ้าของงานมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงยอมปล่อยให้เธอห่างตัวบ้าง
จังหวะที่ฮาริสเผลอลืมตัวปล่อยมือออกในช่วงที่สนทนากับคู่ค้าอีกคน แพรนรีใช้ช่วงจังหวะที่เขาปล่อยมือจากเธอทักทายเพื่อน เดินเลี่ยงออกไปเข้าห้องน้ำ เธอยืนอยู่ข้างเขาบนส้นสูงเกือบสี่นิ้วมาเกินหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้เธอต้องการเข้าห้องน้ำแล้วมองหาที่นุ่มๆ รองรับน้ำหนักหลบมุมพักขามากที่สุด
หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำและหยิบเครื่องดื่มติดมือ เดินไปย่อตัวหลบมุมนอกห้องจัดเลี้ยงข้างนอกเงียบๆ บอกตัวเองว่าขอเวลาพักเท้าสักสิบนาที แล้วจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับค่าจ้างที่สูงลิ่ว
“เฮ้ ฮาริส” ชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาทัก พร้อมกับจังหวะที่แม็คขอตัวเลี่ยงออกไป ชาล์ลไม่ทันสังเกตหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างตัวเพื่อน เพราะผู้หญิงกับฮาริสเป็นเรื่องปกติที่เห็นบ่อยจนชิน
“นายมาได้ไง เห็นบอกว่าไม่ว่างมา” เจ้าของงานเป็นงานทักเพื่อนสนิทอย่างแปลกใจ
“ก็แมทริวโทรไปตาม เร่งทุกสิบนาที บอกว่าพลาดจะเสียใจ” ชาล์ลบอกเพื่อนอย่างหงุดหงิด เขานัดดินเนอร์กับภรรยาสาว แต่ต้องยกเลิกนัดกะทันหันเพราะเพื่อนอีกคนเร่งให้ตามมาด่วน งานนี้คงต้องหาวิธีง้อยาวเพราะเพื่อน
ชาล์ลเดินเข้ามากระแซะ “แล้วเจ้าตัวไปไหนเสียล่ะ ฉันออกจากห้องประชุมก็ต้องตรงดิ่งมาเลย ฉันนัดคุณปรางกมลเอาไว้ด้วย”
“ฉันก็ไม่ได้บังคับคนกลัวเมียอย่างนายออกมาสักหน่อย แต่ถ้าถามถึงคนเจ้ากี้เจ้าการโทรตามนายมา ฉันก็ไม่เจอตั้งแต่เปิดงานแล้วนะ” เจ้าของงานบอก