ตอนที่ 19
ที่มาพบเจอเธอในสภาพนี้เธอไม่ได้ซักถามอะไรมากนักเพราะต้องทำงานจึงไม่มีเวลาให้เขามากมาย บวกกับอภิวานต์เขามีท่าทางเร่งรีบด้วยเช่นกัน จึงผละจากไป ขึ้นรถแล้วขับออกไป
นั่นคือแวบหนึ่งในความทรงจำที่หล่อนได้พบเจออภิวานต์อีกครั้งกำลังขยับปากจะถามถึงความเป็นอยู่ของบุตรสาว แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ชะเง้อมองรถของเขาจนกระทั่งลับไป
ที่อยู่ใหม่แห่งนี้ดาววลัยพยายามจะปกปิดเพื่อนสนิททุกคนหรือคนที่รู้จักเธอจึงหลบหนีมาอยู่ย่านชานเมืองซึ่งคิดว่าไกลจากคนรู้จักมากแล้วแต่ไม่วายล่ะ ที่อภิวานต์ เขาได้เข้ามาพบโดยบังเอิญอย่างนี้ ซึ่งเธอยอมรับ ว่าเขาต้องรู้ว่าเธออยู่ที่นี่
ลึกๆในใจนั้นดาววลัยคาดหวังว่า หากอภิวานต์รู้ว่าเธออยู่ที่นี่เขาอาจจะบอกลูกสาวคนเดียวที่อยู่ใต้การอุปการะของเขาให้ทราบ อย่างน้อยล่ะคนเป็นแม่อย่างดาววลัยจะดีใจอย่างมาก
เกือบสิบกว่าปีแล้วสินะที่เธอไม่ได้เจอกับบุตรสาวเป็นเพราะเงื่อนไขครั้งนั้น และความอับอายส่วนตัว ที่ผู้เป็นแม่อย่างหล่อนได้กระทำผิดพลาด นึกสงสารก้านแพรบุตรสาวหรือในชื่อใหม่ช่อดมิสา
ที่เหมือนอภิวานต์ตั้งไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์รักของเขาและหล่อนที่ไม่สามารถเป็นไปได้เขารักหล่อนนักหนา เมื่อรักแรงก็เกลียดแรงไปด้วยเมื่อหล่อนทรยศความรักครั้งนี้ ดาววลัยไม่อยากเล่าถึงเรื่องราวในอดีต
ปัจจุบันนี้หล่อนก็ถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดถาโถมชีวิต กระหน่ำมาอย่างต่อเนื่องเจ็บแปลบในหัวใจแทบจะด่าวดิ้นสิ้นใจในเวรกรรมที่เข้าใจดีว่าเธอเป็นผู้ก่อแต่มันมาตกเคราะห์กับลูกสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ชีวิตที่อดมื้อกินมื้อ ทุกข์ทรมานแค่ไหน บางวันหล่อนไม่มีเงินกินข้าวด้วยซ้ำ ต้องอด ซ้ำต้องไปบากหน้า หากู้ยืมเงินเล็กน้อยจากคนรู้จัก หลังจากที่งบจำกัดการเบิกเงินล่วงหน้าของคนงานหมดไป
เธอสามารถเบิกได้อาทิตย์ละห้าร้อยเท่านั้นเอง และเงินห้าร้อย จำเป็นต้องอยู่ให้ได้ถึงอาทิตย์ คิดดูแล้วกัน ชะตากรรมของหล่อนมันน่าอดสูแค่ไหน ที่ต้องลำบากตรากตรำ ต่อสู้กับชะตาชีวิตในสังคมปัจจุบัน
ที่ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกขณะขาดการเหลียวแลเห็นใจ ซึ่งกันและกัน
“ทำการบ้านเสร็จแล้วอย่าลืมปิดไฟนอนด้วยนะเอก ” เธอเงียบไปชั่วครู่หลังจากทิ้งกายเอนนอนเอ่ยขึ้นกับบุตรชายคนเดียว ที่วันนี้มื้อเย็นอิ่มเพราะไข่เจียวกับข้าวสวยร้อนๆ
โชคดีที่ข้าวสารยังมีเหลือเก็บคงพอจะสิ้นเดือนพอดีเห็นทีตลาดนัดวันศุกร์ที่จะถึงนี้นางจะต้องรีบหาซื้อปลาเค็มกับปลาหวานเอาไว้เพื่อเป็นอาหารให้ลูกไปโรงเรียนจนกว่าจะสิ้นเดือน
“ได้ครับแม่เอกจวนจะทำเสร็จแล้วมันเพลียมันเครียดคิดไม่ออกไม่รู้ทำไมครูต้องให้โจทย์การบ้านยากอย่างนี้ด้วย” เด็กชายบ่นให้กับวิชาคำนวณซึ่งเป็นวิชาที่ดาววลัยไม่ชอบเหมือนกันไม่เหมือนดมิสาลูกสาวของหล่อน รายนั้นชอบ และเอาตัวรอดได้
ดาววลัยเอื้อมมือสอดควานหาวัตถุอย่างหนึ่งที่จำได้ว่าวางเอาไว้บนฐานที่ตั้งของชั้นวางของใช้ส่วนตัว จำพวกเครื่องแป้งสำอางของผู้หญิง
เป็นภาพของเด็กสาวหน้าตาน่ารักมีลักษณะเค้าละม้ายหล่อน สวยคม แต่หากทว่าในภาพนี้ดูมอมแมม
เพราะยังนึกถึงภาพเด็กกะโปโลชั้นประถมเวลาหลายปี ที่พ้นผ่าน แปดปีด้วยซ้ำ แต่ทว่าดาววลัยมองภาพอีกซ้ำ เธอมองและครุ่นคิดในใจว่า บัดนี้ลูกสาวคนเดียวคงเริ่มโตเป็นสาว
แต่จะสวยมากแค่ไหนก็ยังไม่รู้ดาววลัยได้แต่คิดและปรารถนาว่าขอให้บุตรสาวคนเดียววางตัวดีเป็นที่รักของทุกคน ฝ่ายสามีคนเก่าของหล่อนดาววลัยแทบจะเลิกคิดด้วยซ้ำ
ทุกวันนี้เจียดเวลาไปไหนไม่ได้แม้แต่จะเยี่ยมเยียน แม้จะหยุดวันอาทิตย์ การงานที่ค่อนข้างหนัก และเพลียก็ไม่อยากให้เธอไปไหน
นอกจากทรุดตัวลงนอน ปวดเมื่อยขบไปทั้งตัว ทั้งต้นคอ ไขสันหลัง กระดูกทั้งนั้น เพราะต้องก้มๆเงยๆยืนนั่งไม่เป็นที่ อาศัยวันหยุดให้ลูกชายช่วยบีบนวดให้
และอีกอย่างเป็นปัญหาที่ดาววลัย ขอเก็บเอาไว้คนเดียว หล่อนมีความช้ำชอก หลังจากชะตาฟ้ากำหนด ให้หล่อนได้รู้จักอรรถสิทธิ์ผู้ชายคนใหม่ หรือน่าจะเรียกว่าสามีคนที่สองด้วยหนทางที่เคว้งคว้างและไร้หลักเกาะยึดกลับกลายเป็นว่าหล่อนถูกหลอกตกอยู่ในสภาพเมียน้อยจนเมียหลวงตามราวี ทำให้อยู่ที่เดิมไม่ได้และก็ตัดสินใจเลิกอย่างเด็ดขาดกับผู้ชายพรรค์นี้
ซึ่งบางครั้ง มันมองเห็นหล่อนเป็นเพียงแค่กระสอบทรายดีๆนี่เองเป็นที่ระบายอารมณ์ไม่ผิดแผกจากสามีคนก่อนนักหรอก แต่ทวิชยังดีอยู่มากกว่าหน่อย ตรงที่เขายังรักและทะนุถนอม ถึงแม้จะอารมณ์โมโหร้าย ชะตาชีวิตที่ซัดเบี่ยง พาหล่อนหักเหเช่นนี้เอง
ดาววลัยคิดว่าชีวิตของหล่อนมีคาวมีสองผัวแต่หล่อนก็เลิกแล้วเลิกรักเด็ดขาดและตัดสินใจเรื่องนี้หลังจากที่รู้เช่นเห็นชาติ ผู้ชายเลวๆที่คิดหวังจะพึ่งพิงกลับไม่ได้ดั่งใจ
ชีวิตของหล่อน ที่คิดว่าจะมีความสุขสักครั้ง กลับมีแต่ทุกข์ เพราะตะรางชีวิตที่กักขังหล่อนเอาไว้ แต่หล่อนก็ยังรอวันที่อรุณเบิกฟ้าสำหรับตัวเอง ซึ่งพร้อมเพรียงลูกผัวเพียงแค่ได้รับไออุ่นเห็นใจจากคนที่รัก
ฝ่ายช่อดมิสามาหลบตัวอยู่หลังครัวนี่เองในช่วงบ่ายแก่ของวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าวันนี้เธอไม่ได้ตัดสินใจไปโรงเรียน เพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะเป็นหวัด และก็รู้สึกปวดหัวด้วย
และเช้าของวันนี้อีกวัน ตั้งแต่เกิดเรื่อง เจ้าของบ้านหนุ่มใหญ่ ก็ออกไปทำงานตั้งแต่ไก่โห่ด้วยซ้ำช่อดมิสา ฝากเพื่อนสนิทให้ช่วยลาหยุดเรียนให้ ช่อดมิสาไม่เคยทำอย่างนี้หรอก เพราะการเรียนนั้นไม่เคยขาดลามาสาย เป็นคนที่ขยันเรียน
ส่วนคุณย่าท่านนั้น คนขับรถ ลุงปัน พาไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลแต่เช้าจนกระทั่งป่านนี้ ก็ยังไม่กลับมา ท่านอาจจะตะลอน ไปหาเพื่อนสนิทวัยเดียวกันอย่างที่เอ่ยถึงบ่อยหน
หรือไม่ก็ย่านเยาวราชอาจจะหาซื้อเกาลัดหรือพุทราจีน อย่างที่บ่นไว้ว่าอยากจะทาน ช่อดมิสาคิดจะบอกท่านในเรื่องนี้ว่า วันนี้ไม่ได้ไปเรียน แต่ท่านยังไม่กลับมา ได้แต่รั้งรอ และความคิดหนักไปทางอื่น ไกลกว่านั้น เกรงกลัวว่าจะเกิดเหตุอะไรกับท่าน ซึ่งไม่เป็นเรื่องที่ดีนัก