ตอนที่ 18
กลับถึงบ้านคราวนี้ในช่วงเย็นสัสดีหนุ่มพ่อลูกอ่อน ให้กำนัลปากหวานแก่ภรรยาเขาส่งเสียงมาตั้งแต่เข้าประตูบ้าน
“แต้จ๋าพี่มาแล้ววันนี้ทำอะไรให้พี่กินเอ่ยหิวแล้วสิ” เอ่ยบ่น ภรรยาแม่ลูกอ่อนกระเตงบุตรตัวน้อยวัยสามเดือน อ้วนจ้ำม่ำกำลัง น่ารักน่าชังทีเดียว
นั่นคือสายใยที่หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวจากณัฐปเดชและสุภิชาภรรยา เขารู้ว่าสิ่งนี้เป็นความมหัศจรรย์แค่ไหนการที่เลือดในกายบวกความรักมีปาฏิหาริย์ผ่านความใคร่ทำให้ชีวิตหนึ่งเกิดมา
เขารีบเข้าไปอุ้มบุตรตัวน้อยก่อน รับมาจากภรรยา ส่งยิ้มให้หล่อนภรรยาบอกว่าวันนี้หล่อนทำอะไรให้เขาทาน มีแกงจืดตำลึงหมูสับ กับไข่เจียว ไข่เจียวเป็นของโปรดของเขา กินทุกวันไม่เบื่อ ไม่กลัวอ้วนด้วย
“เหนื่อยค่ะ แต่ก็นิดหน่อย แต้สุขใจมากกว่า ที่ได้อยู่กับลูก พี่ณัฐไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ลุกไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวค่อยลงมากิน”
“จ้ะ” หล่อนรับลูกมาอุ้มไว้ตามเดิมอุ้มด้วยหัวใจสุดรัก แสนทนุถนอมของคนเป็นแม่ หลังอาหารมื้อค่ำนั้น เขากับภรรยาจึงคุยกัน
“พี่รู้สึกสงสารแกนะแต้ดูเหมือนแกจะไร้ญาติขาดมิตรจริงๆลุงคนนี้ เพราะตั้งนานแล้ว ไม่เห็นญาติมาเยี่ยม พี่ก็ช่วยแกได้เล็กๆน้อยซื้อข้าวของมาให้ก็แอบถามอดีตเหมือนกันว่า แกเป็นใครมาจากไหน แกความจำเสื่อม”
คำเอ่ยของสามีทำให้สุภิชารับฟังอย่างเงียบสามีเธอเป็นคนใจอารีอารอบช่วยเหลือผู้คนที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของตนเองนัก เรื่องนี้ก็เช่นกัน
“แต้” ณัฐปเดช สามีหนุ่มเอ่ยกล่าวถึงชายสูงวัย ที่ตกเป็นผู้ต้องขังเขาไม่ได้เอ่ยอย่างรังเกียจหรือดูแคลน มีแต่เพิ่มเวทนาและสงสาร
“พี่ณัฐ อยากจะช่วยเหลือแก” สุภิชาเข้าใจความหมายของสามี
“อย่างนั้นล่ะแต้พี่มาคิดดูแล้วคิดว่าแกเป็นคนน่าสงสาร แกไม่มีที่จะไป ”
ภรรยาขมวดคิ้วถาม “จะช่วยเหลือยังไงคะ”
“อีกสามปีกว่าบางทีไม่ถึงเพราะแกเป็นนักโทษชั้นดีหลวงคงลดหย่อนโทษให้อีกอย่างวันสำคัญของพระเจ้าอยู่หัวหรือพระราชินี ก็มีอย่างนี้ทุกปี พี่คิดเช่นนั้นนะ ” สุภิชานิ่งฟังสามี คงแล้วแต่เขา
“พี่ณัฐ ไม่คิดว่า แกเป็นคนไม่ดี แล้วแถวบ้านเราจะครหาเอาหรือคะ อีกอย่าง เราก็มีลูกคนเดียว”
สุภิชาตัดสินใจเอ่ยเพราะติดข้อสงสัยและเคลือบแคลง หากแต่ผู้เป็นสามี เงยหน้ามองออกไปแล้วตอบ
“พี่ไม่เคยคิดเรื่องนี้ พี่คิดเสมอ พี่อยากให้โอกาสคน ในเมื่อเขาน่าจะเป็นคนดีได้”
เธอไม่รู้ว่าสามีคาดเดาอย่างนี้ เป็นไปตามจริงหรือเปล่า และมากแค่ไหน
โดยเฉพาะชายสูงวัยที่ตกเป็นทุรชนคนนั้น สุภิชาไม่เคยพบเห็นด้วยซ้ำแต่เธอก็ไม่อยากออกความเห็นใด และเชื่อตามสามีมากกว่าในเมื่อมองแล้วเขาเห็นดีเห็นงาม เธอก็เห็นและมองตามและไม่นานนักสองสามีภรรยาก็เข้านอนและตามไปคุยกันอีกครั้งบนเตียงนอนพร้อมด้วยดูแลลูกน้อย จนกระทั่งว่าหลับสนิททั้งคู่
ฝ่ายดาววลัยที่ค่อนข้างมีชีวิตทุกข์ความเป็นอยู่ เธอค่อนข้างกระเบียดกระเสียรอย่างหนักเงินเดือนที่ได้จากพนักงานรายวันก็ตามวุฒิแรงงานขั้นต่ำ แต่ถึงอย่างไร ก็จำยอมทุกอย่าง
เพราะหอบหิ้วเอาบุตรชายที่หลงเหลืออยู่ มาไว้ข้างกาย หลังจากที่สูญเสียลูกสาวไปแล้วคนหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่เธอไม่อยากเล่าบอกเรื่องนี้ให้แก่ใคร คนทั่วไปในละแวกนี้ จึงรู้ว่าเธอมีเพียงลูกชายเพียงคนเดียว เพราะไม่เคยปรากฏร่างบุตรสาวอยู่เคียงใกล้
แต่เอาเข้าจริงทุกคืนบนที่นอนเก่าซึ่งเจ้าของบ้านใจดีมีเมตตาให้บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งให้คนงานด้วยกันต่อเติมแค่มีหลังคาคุ้มหัวหลบฝนคุ้มกันแดดได้หลังคากระเบื้องเก่า กับประตูไม้ หน้าต่างแบบใช้ไม้ขัดแตะ ยกขึ้นยกลง เวลาร้อนข้างในก็ดึงเปิด เพื่อให้ลมเย็นมันโชยพัดพาเข้ามา
แต่เวลาค่ำคืนก็ต้องรีบปิดไวหน่อยเพราะยุงค่อนข้างชุมสถานที่แห่งนี้ซึ่งเป็นสวนและแปลงดอกไม้ขนาดใหญ่เจ้าของร้านมีอาชีพบริการจัดสวนขายดอกไม้กระถางและอุปกรณ์ตกแต่งประเภทหินกาบหินแกรนิตกระถางดอกไม้
ให้บริการเช่ากระถางดอกไม้กับบริษัทต่างๆ ในตึกอาคารสูงของสำนักงานทั่วกรุงเทพ
เรื่องนี้ส่วนมากเป็นคนงานผู้ชายที่มีกำลังวังชาแข็งแรง เป็นหนุ่มแน่นที่ต้องยกของขึ้นลง ส่วนดาววลัยถูกจำกัดให้อยู่แค่ในสวน ภายในเนื้อที่กว้างขวางแห่งนี้ ซึ่งด้านหน้าตกแต่ง เป็นออฟฟิศค่อนข้างหรู แบบเกษตรภูมิสถาปัตย์
ส่วนพนักงานที่จบระดับสูงก็นั่งอยู่ข้างในห้องแอร์เย็นมีหน้าที่เขียนแบบแปลนต่างๆตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งต้องจบปริญญาตรีคณะเกษตรหรือสถาปัตย์ ลูกสาวเจ้าของร้าน จบทางด้านมัณฑณศิลป์
เป็นมัณฑนากรที่คล่องแคล่วเก่งกาจสืบทอดธุรกิจของครอบครัวได้เป็นอย่างดีชื่อศิวมาลย์หรือคุณซิน
ดาววลัยเองบางครั้งมีหน้าที่ ปัดกวาดเช็ดถูออฟฟิศ ถ้าหากวันไหนงานน้อยเพราะงานของเธอที่เป็นหญิงส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มแค่ปลูกเพาะพันธุ์ต้นกล้าบรรจุใส่ถุงดำ พืชพันธุ์ดอกไม้ชนิดต่างเช่น โมกข์ ไทรทอง สับปะรดสี ต้นบอนชนิดต่าง ตะไคร้หอมหรือแม้แต่ตัดดอกดาหลา
ลูกชายคนเดียวคือเอกหรือปราบสกลปัจจุบันยังเรียนอยู่ชั้นประถมอยู่ในละแวกใกล้ๆนี้ไปโรงเรียนด้วยการเดินเท้าบวกกับนั่งรถเมล์ สองทุ่มครึ่งของคืนนี้ ขณะที่ลูกชาย ยังเปิดไฟทำการบ้าน ที่ครูให้มายังไม่เสร็จ
ปราบสกลหรือเอกนั่งเซ็งขณะที่สีหน้าขมวดด้วยรู้สึกเบื่อ และเครียดกับโจทย์การบ้านที่ครูให้มา
ดาววลัยเตรียมปูผ้าและกางมุ้งเพื่อหลับนอน ก่อนจะหยิบหมอนสองใบมาวางไว้ด้วยกันจัดการใส่ปลอกหมอนที่ซักแล้วตากจนแห้ง กลิ่นน่าใช้ และไม่มีกลิ่นอับชื้น
ปล่อยให้ลูกชายทำการบ้านต่อทั้งๆที่สีหน้าของแกไม่ดีนักดาววลัยก็ไม่รู้จะช่วยลูกชายได้อย่างไร
เมื่อก่อนมีลูกสาวยังพอจะช่วยเรื่องนี้ได้บ้างก็เป็นอันทราบตามเงื่อนไขข้อตกลงที่หล่อนยกลูกสาวคนเดียว คนโตนี้ให้ตกอยู่ในความดูแลคุ้มครองของมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ผู้อดีตเป็นคนรัก
และได้พบเจอเขาอย่างไม่คาดฝันอย่างกะทันหัน
ขณะที่เธอนั่งทำงานอยู่หน้าบ้านซึ่งขายดอกไม้กระถาง กับหญ้าญี่ปุ่น อุปกรณ์ตกแต่งสวน มีทั้งปุ๋ย เธอจำได้ถึงภาพนั้น ถ้าหากอภิวานต์ซึ่งสวมแว่นตาสีดำเดินลงมาจากรถ เข้ามาทักหล่อนซึ่งสีหน้าของเขาก็แปลกใจ