ตอนที่ 13
เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกสังคมที่คุ้นเคยอย่างอดีต แต่สังคมใหม่ที่พบเจอนี้นับว่าดีทุกคนดีกับเธอ แม้แต่เพื่อนสนิทคนรอบข้าง แม้แต่คุณย่า ซึ่งเป็นประมุขของบ้าน เป็นที่เกรงขาม
วนเวียนในความคิดคิดว่าอย่างไรถึงจะได้เจอแม่ คุณพระช่วย คุณอภิวานต์บอกว่าเจอมารดาของเธอ แถวลาดกระบัง แล้วนี่มันอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพกันเพราะเธออยู่ในฝั่งเมืองนนท์ ก้ำกึ่งกับฝั่งธนด้วยถ้าจะไปต้องเดินทางไปอย่างไร
เขาบอกว่ามารดาของหล่อนทำงานอยู่ในร้านจัดสวนตกแต่งดอกไม้ประดับ แล้วชื่อร้านอะไร ตั้งอยู่บริเวณซอยที่เท่าไหร่สิ่งนี้เป็นความลำบากของช่อดมิสา
แต่ก็ไม่ละความพยายามเพราะคิดว่าอย่างไรเสีย จะต้องสอบถามคุณอภิวานต์ให้จงได้แล้วอยากจะได้คำตอบที่แน่ชัดจากเขาด้วย
คอยดูเถอะช่อดมิสาจะอ้อนวอนให้ได้ขนาดกราบก็ยอมเพียงแต่หล่อนอยากทราบข่าวความเป็นอยู่ของแม่ ไม่ใช่แม่เพียงคนเดียว ยังมีน้องชายของเธออีกคน
เท่าที่คุณอภิวานต์เล่า ดูเหมือนทุกคนกำลังลำบาก แต่หล่อนดูเหมือนกลับสุขสบายมากกว่าคนอื่น
ยังคงหยุดร่างอยู่ที่เดิมมือเรียวเกาะลูกกรง บริเวณระเบียงมุข รู้สึกว้าวุ่นใจสัมผัสได้ถึงความชื้นเย็นผ่านเนื้อเหล็กของละอองน้ำค้าง อีกไม่นานใกล้รุ่งสว่าง
แต่ช่อดมิสาจะไม่เดินลงไปข้างล่างดูเหมือนน้ำค้างจะลงแรงทีเดียวเธอกลัวเป็นหวัดไม่สบายไม่อยากเป็นภาระแก่ผู้อุปการคุณ ต้องแข็งแรงตลอด เพราะคนป่วยในบ้าน คือคุณย่าผู้สูงวัย ที่ทำให้ต้องบอกตัวเองอย่างนั้น
นึกถึงแม่ ถึงแม้ว่าคุณอภิวานต์จะปฏิเสธ หรือเขาจะใจไม้ไส้ระกำ
แต่เธอก็จะไปอ้อนวอนขอต่อคุณผัสภรณ์เพราะคำว่ามารดาบังเกิดเกล้ามีค่าสำหรับเธออย่างมาก ท่านจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะทำอะไรผิดก็ตามแต่ช่อดมิสาคิดว่าท่านเป็นแม่ ผู้ทำให้หล่อนเกิดมาลืมตาดูโลก
บุญคุณนี้ต้องทดแทน ด้วยความกตัญญูอย่างถึงที่สุด จึงภาวนาขอให้ถึงช่วงเช้าเร็วเถิดจะเข้าไปลองเกริ่นดูเรื่องนี้กับคุณผัสภรณ์ ช่วงเวลาวันหยุด เพื่อขอโอกาสนี้ไปหาแม่กับน้อง หยิบยื่นเงินตรา ที่เหลือเก็บเอาไปปัน ให้ท่านใช้จ่ายบ้าง
เพราะช่อดมิสาไม่มีความจำเป็นอะไร ที่ต้องใช้เงิน เท่าที่คุณท่านให้เป็นสินน้ำใจบวกกับเอื้อเอ็นดูต่อหล่อน ที่ปรนนิบัติท่าน ก็เก็บไว้อย่างดี ในธนาคารด้วย เรื่องนี้คุณอภิวานต์ก็ไม่รู้
อยู่ที่นี่ช่อดมิสา ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน หล่อนอยู่ง่าย เลี้ยงง่ายอย่างนี้เอง หัวคิ้วของสาวสวยครุ่นคิด ยืนเหม่อลอยมีเพียงดวงไฟบริเวณมุขตรงนี้ที่สาดสว่างกับความหนาวเหน็บของอากาศ
“นี่เธอลุกมาทำอะไรตรงนี้ตั้งแต่ยังไม่เช้ามืด ดมิสา นี่ยังดึกอยู่นะ ไม่ใช่จะสว่าง”
สาวสวยถึงกับสะดุ้งกับน้ำเสียงที่ดังเข้ามาใกล้ทางเบื้องหลังเสียงนุ่มเนิบทุ้มกังวานติดขี้เซาจากน้ำเสียงเหมือนคนที่เพิ่งสะโหลสะเหล ตัวตื่นขึ้นมา
เขาพาฝีเท้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เพราะมัวแต่เพลินชมอยู่กับภาพเบื้องหน้า
“เธอเหงา หรือยังไง เด็กน้อย”
ช่อดมิสายังไม่ตอบไม่คิดว่าเขาจะโผล่มาช่วงนี้ เหมือนผีหลอก
“คุณอภิวานต์”
“ทำไม ตกใจหรือยังไง ที่ ฉันเรียกเธอ ”
เขาเหมือนปลอบเธอในลำคอหัวเราะร่วนเหมือนขำนัก หล่อนสิไม่ขำด้วย ช่อดมิสาหน้าตึงเล็กน้อย
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะคะ ว่าคุณอภิวานต์ จะอุตริตื่นมาช่วงฟ้ายังมืดแบบนี้ ทีแรกหนูก็คิดว่าผีหลอก”
ช่อดมิสาตอบอย่างระมัดระวังตัว
ขณะร่างสูงขยับฝีเท้าก้าวเข้ามาตรงนั้นมีเก้าอี้ให้นั่งด้วย แต่ช่อดมิสาไม่เลือกนั่ง หนุ่มหล่อในฐานะผู้ใหญ่ ส่งแววตายิ้มกริ่มอย่างนึกหมั่นเขี้ยวใส่แววตาของเขาเหมือนคึกคะนอง ไม่ได้เฉื่อยชา เหมือนบางครั้งที่อภิวานต์แสดงออกมา จ้องมองหล่อนด้วยแววตาเช่นนี้ ใช่ เป็นแววตาที่ช่อดมิสา ก็ไม่ได้โง่ ที่จะแปลความหมายไม่ออก อายุและวัยของหล่อนเติบโตเป็นสาวมากขึ้นทุกขณะ
รูปร่างที่อวบอัดทรวงอกน้อยที่กำลังเบ่งบานเหมือนดอกบัวตูมความหวั่นไหวในใจด้วยเมื่อใกล้บุรุษเพศ ซึ่งสั่นตื่นเต้นหัวใจสวมกอดเอวน้อยเบากระชับมือ ที่แข็งแรงอย่างทะนุถนอม จนสาวสวยสะดุ้งเบา
“เธอเหงาใช่ไหมฉันกำลังหาวิธีคลายเหงาให้เธอ”
ช่อดมิสาอ้าปากค้าง โกรธก็โกรธที่เขาพูดแบบนี้
มือนั้นเริ่มเค้น รุกรานหนักกดบีบลูบไล้ที่หัวไหล่
“อย่าคะ คุณอภิวานต์” เด็กสาวออกปากร้องห้าม ก่อนที่จะอ่อนระทวยเพราะเปลวปรารถนาที่ผุดขึ้นเมื่อกิเลสความต้องการถูกปลุกปั่นในใจ
“ทำไมล่ะก็เธอเหงาไม่ใช่หรือ”เมื่อเขาละจากเอวบางที่กอดกระชับเบียดกายหนาอย่างจงใจเสียดสีกายสาวร้อนเร่าหวามในใจลึก ถึงกับพรึงเพริดในอารมณ์ เดินตามเขา และเขาฉวยข้อมือเล็กของหล่อน ให้เดินตาม ไม่ขัดขืน ช่างเป็นไปอย่างง่ายดาย
ช่อดมิสาเพิ่งคิดได้หล่อนมีข้อต่อรองกับนายจ้างหนุ่มใหญ่ที่เขาซื้อตัวเธอมาเพื่อหวังผลปรารถนากายสาว ไม่ว่า วันใดวันหนึ่งเธอก็จะต้องตกอยู่ในสภาพนางบำเรออยู่แล้ว ช่อดมิสา มีสติสัมปชัญญะ จะต่อต้านเขาที่มีกำหนัดร้อนแรง หล่อนจะเบนเบี่ยงความต้องการของเขาให้ได้ ไม่ให้จบลงที่ความรักความใคร่
ผลุบหายเข้าไปในห้องด้วยกันสองคน ห้องที่หล่อนรู้ว่ามันกว้าง เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งสวยงาม บนเตียงกว้างปูผ้ารองสีสวยสด รู้สึกชิน ไม่ได้ตื่นเต้น หล่อนเข้ามาทำความสะอาดในห้องนี้ กับเอี้ยงคนใช้ด้วยกันบ่อยหน แต่ยังระทึกเพราะยังนับหนึ่งถึงสิบในใจ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองปรารถนาในกายของหนุ่มใหญ่ผู้นี้โชนโชติดั่งเพลิง
ใกล้ถึงเตียงหนานุ่มแล้ว ช่อดมิสาห่อกายหนุ่มใหญ่เชื่อมตาหวานมองมายังหล่อน
“เธอพร้อมแล้วใช่ไหม ช่อดมิสาที่จะตกเป็นของฉัน ก่อนสว่างอย่างนี้ล่ะ อารมณ์ฉันนึกคึกขึ้นพอดีเห็นเธอเศร้าเหงาอยู่คนเดียว”
เสียงจังหวะเต้นของหัวใจหล่อน ระทึกแค่ไหนกับการที่ได้เผชิญหน้ากับชายหนุ่มใหญ่บนเตียงกว้างส่วนตัวของเขา
“พยักหน้าสิ ว่าเธอต้องการมัน สาวน้อย นี่ฉันพยายามจุดไฟให้มันเกิดขึ้นหวังว่าเราจะแสวงหาหนทางร่วมกัน นี่ถามจริงเถอะเธอเกลียดฉันไหม ”
ถามแล้วหนุ่มใหญ่ ก็ทิ้งคำพูดไว้แค่นี้ช่อดมิสาตอบทันควัน
“เกลียดค่ะ เกลียดอย่างมากที่สุด” สาวสวยก็ตอบตามอารมณ์เช่นกัน เม้มเรียวปากแน่น
จ้องสายตาคมกล้าใส่หนุ่มใหญ่เขาอึ้งนิดหนึ่งประกายจากแสงตาเข้มและฉุนกึก คำพูดหล่อนคล้ายหมัดหนักกระแทกที่เบ้าตาถามไปด้วยอารมณ์ดึงดันว่า