ตอนที่ 12
“คุณอภิวานต์มีเรื่องอะไรจะคุยกับดิฉันหรือยังไงคะ ถึงพาหลบคนในบ้านตั้งไกล”
ศาลาเรือนไทยตรงหน้าค่อนข้างสงบและเต็มไปด้วยฝุ่นจับเขรอะ อภิวานต์เพิ่งรู้ เพราะไม่ได้สั่งคนให้เข้ามาทำความสะอาดที่นี่
“ฝุ่นเยอะหน่อยค่ะไม่มีใครเข้ามานั่งที่สวนคือมันเปลี่ยวนะคะ ที่บ้านมีแต่ผู้หญิง”
เธอคิดว่าเขาจะตำหนิ จึงรีบบอกเหตุผล
อภิวานต์ทรุดนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนใต้ร่มชงโคเขาเห็นว่ามันสะอาดมากกว่ากระดานพื้นไม้บนศาลาและเก้าอี้นั่ง อากาศกำลังดีบวกกับสายลมเย็นรำเพยพัด นึกทำให้เขาอยากจะนั่งแช่ตรงนี้นานๆ อารมณ์ที่รุ่มร้อนก็คลายลงด้วย
ช่อดมิสาลืมนึกคิดไปว่าอภิวานต์กำลังจมนิ่งด้วยอารมณ์สุข เขามีรอยยิ้มจุดแต้มที่ริมฝีปาก
เธอไม่ได้สังเกตเป็นเพราะเธอง่วนอยู่กับการนำผ้าขี้ริ้วที่เห็นวางตากอยู่แถวนั้นนำมาเช็ดให้ฝุ่นหมดคราบและพอที่จะนั่งได้ แล้วจึงเอ่ย
“เสร็จแล้วค่ะ ขึ้นมานั่งได้เหมือนเดิมแล้ว ”
“การเรียนเป็นยังไงบ้าง ”
ทำไมเขาถามคำนี้ล่ะ เจอะหน้าเธอมักจะหนีไม่พ้นคำนี้ เห็นเธอเป็นคนขยันเรียนนักหรือ ช่อดมิสาทำตามหน้าที่แต่การศึกษาเป็นอนาคต
เมื่อคุณผัสภรณ์ส่งเสริมเธอก็น้อมรับความเมตตาของท่าน คุณอภิวานต์ต่างหากที่ไม่อยากให้หล่อนมีการศึกษาและเรียนเขาอยากให้หล่อนโง่ดักดานเป็นคนใช้ เป็นนางบำเรอที่ไม่ทันคนอื่น
เมื่อเธอไม่ยอมเอ่ยตอบคำนี้เขาจึงผละไปหาประโยคอื่น และพูดต่อหน้าตาเฉย เหมือนอยากจะชวนเธอคุยนักหนา ดมิสากำลังจะไม่เข้าใจอารมณ์ขึ้นลงของเขาอย่างแน่นอน
จิตใจของอภิวานต์ เป็นเรื่องที่คาดเดายากอยู่แล้ว
“อ้อลืมไปฉันเข้าใจแล้วก็เมื่อเช้าเพิ่งพาเธอไปแนะนำตัวที่โรงเรียน คราวนี้ หลายคนเขาคงเห็นแล้วล่ะว่า เธอมากับใคร”
เขาต้องการพูดเรื่องนี้เพื่ออะไรช่อดมิสาไม่เข้าใจ แต่เธอก็รับฟังคิดว่าอภิวานต์น่าจะพูดกับเธอในเรื่องที่เป็นการเป็นงานสำคัญ และทำให้เธอตื่นเต้นมากกว่า
“ค่ะ” เธอเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น
“อีกอย่าง ฉันกำลังจะคุยเรื่องแม่ของเธอ”
พอเอ่ยถึงแม่ หัวใจพองโตขึ้นมาทันทีอย่างน้อยก็ปลาบปลื้มและระลึกถึง เพราะไม่ได้พบเจอหน้าแม่มานานแล้ว ป่านนี้ทุกคนจะเป็นอย่างไร
“คุณอภิวานต์เจอแม่หรือคะแล้วแม่อยู่ไหนช่วยบอกดิฉันหน่อยสิคะ”
สาวสวยทำท่าระงับความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ อภิวานต์ยิ้ม แต่เป็นรอยที่หยัน ที่สามารถจุดประกาย ให้หญิงสาวที่ตกอยู่ใต้อภิสิทธิ์ของเขาหลงระเริงดีใจเหมือนดั่งหนึ่งได้ของขวัญชิ้นงาม
อภิวานต์เพิ่งรู้ว่าชื่อของดาววลัย ยังไม่เลือนหายไปจากใจของผู้เป็นลูกสาวอย่างช่อดมิสาแม่ต่อให้จะดีหรือไม่ดี ย่อมเป็นสุดที่รักของลูกเสมอ
“ใช่ แต่ฉันยังไม่บอกเธอเรื่องนี้หรอก กลัวเธอจะช็อก ”เขาอุบคำพูดไว้
“ทำไมล่ะคะ ” ช่อดมิสาแปลกใจ ถึงกับขมวดคิ้ว ถ้าเป็นเพื่อนสนิท เธอก็คงตรงเข้าไปเขย่าแขน เพื่อถามเอาความจริง แต่นี่คงทำไม่ได้ เลยต้องนิ่ง เพราะหญิงสาวอย่างเธอ ไม่ควรที่จะไปจับมือถือแขนแตะต้องตัวชายหนุ่มก่อน
ความดีงามในใจของช่อดมิสา สอนตนเองมากกว่า ดังนั้นจึงชะงักแล้วก็นิ่งเมื่อเขาอยากจะคุยกับหล่อนแต่ยังกั๊กคำพูด รวมทั้งซ่อนปริศนา มีอะไรปิดบัง และซ่อนเหลี่ยมเล่ห์ คงจะหลอกให้หล่อนหลงกลอีกหรือเปล่า เขาคนนี้ไว้ใจไม่ได้เลย
“เรื่องของเรื่องเมื่อเช้านี้ฉันแวะไปทำธุระแถวลาดกระบังไม่นึกเลยนะว่าจะได้พบเจอดาววลัยในสภาพที่โทรม เปลี่ยนไปมาก แค่นี้ล่ะ ที่ฉันจะบอกเธอ”
“ขอบคุณค่ะคุณอภิวานต์ที่บอกข่าวเกี่ยวกับเรื่องแม่”
“ไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันถือว่ามันเป็นหน้าที่ในเมื่อเธอเอง ก็ตกอยู่ในการอุปการะของฉัน ขอให้เธอทำตัวให้ดี ก็แล้วกัน ดมิสา ทำให้ฉันพอใจมากที่สุด”
หล่อนหลุดปากรับคำของเขาเบาก็ไม่รู้ว่าความพอใจของเขาคืออะไรกันแล้วมันมากแค่ไหน
ค่ำสนิทแล้วแสงไฟสาดกระจ่าง ในห้องส่วนตัวของช่อดมิสาที่รับรู้เรื่องราวมารดานางดาววลัยที่ชายหนุ่มใหญ่เอ่ยบอกเล่าคร่าวๆว่ามารดาของเธอพักอยู่สถานที่แห่งหนึ่งแถวลาดกระบัง
คุณอภิวานต์เอ่ยบอกคร่าวๆว่ามารดาของหล่อนเป็นลูกจ้างอยู่ในร้านจัดสวนและดอกไม้ประดับตกแต่งแห่งหนึ่งก็ครุ่นคิดว่ามารดาของเธอคงมีความลำบาก แล้วอภิวานต์ ก็ไม่พูดอะไรมากกว่านั้นเลย
และคืนนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามช่อดมิสาพลิกกายนอนกระสับกระส่ายตลอดคืนเพราะภาพที่แม่ทุกข์ยากทรมานมันติดตาม เธอจะทำอย่างไร ถึงจะได้พบแม่ แล้วสถานที่ตรงนั้นอยู่ตรงไหน คุณอภิวานต์ไม่ได้บอกรายละเอียดเธอแบบชี้ชัดลงไป
และเธอจะมีเวลาว่างพอที่จะไปพบแม่หรือเปล่า เพราะภาระเธอก็มี ที่คิดในใจ ถ้าจะไปก็คือเป็นวันหยุด ถึงจะไม่กระทบเรื่องอื่น
ฝ่ายหนุ่มใหญ่เองก็หลับสนิททิ้งกายทอดยาวบนเตียงนอนหนานุ่ม
เสียงลมหายใจทอดสม่ำเสมอกับกรนเบาภายในห้องที่เครื่องทำความเย็นปรับอุณหภูมิได้เหมาะสม ส่วนคุณย่าหลับสนิทเช่นกัน
ดังนั้นตีสามกว่าๆไม่มีใครรู้ว่าเด็กสาวที่นอนไม่หลับ จะลุกเดินออกมาจากห้องหยุดยืนที่ริมระเบียงมุขชั้นสองของบ้านทอดสายตามองฟ้าเบื้องนอกอย่างเหงาหงอย อยากให้ฟ้ารับรู้ ความระทมทุกข์ในใจที่คิดถึงแม่
แล้วพ่อของหล่อนล่ะพ่อของหล่อนติดคุกอยู่ในสถานที่จองจำมีใครไปเยี่ยมบ้างหรือเปล่าหลังจากที่เข้ามาอยู่ที่บ้านสวน
ช่อดมิสาก็เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกในสังคมเดิมที่เคยรู้จัก มาเป็นสังคมใหม่ที่ตัวเองต้องทำความรู้จักกับสิ่งใหม่ ที่ไม่เคยพบเห็น
ถ้าจะพูดตามความจริง ช่อดมิสายังไม่ลืมสังคมเก่า รวมทั้งเพื่อนเก่า สมัยเด็กด้วยกัน ซึ่งเคยวิ่งเล่นเคยเล่นขายขนม
ภาพต่างๆเหล่านั้นเลยผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ช่อดมิสาก็ยังนึกถึงเพื่อน ยังจำชื่อได้ทุกคน
สถานที่บ้านสวนแห่งนี้แถบบางกรวย ไกลจากที่อยู่เก่าของเด็กสาวอย่างมากในความรู้สึกของช่อดมิสา