ตอนที่ 11
ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยด้วยหน้าที่เปี่ยมสุขพร้อมเอ่ยพาดพิงไปถึงเด็กสาว ที่อภิวานต์เพิ่งนึกได้เช่นกัน
เพราะตอนที่เขาโผล่ตัวมาช่อดมิสาคงกลับเข้าไปในครัวพอดี ทำไมมันเหมาะเจาะกันอย่างนี้ เขาเองก็อยากเห็นหน้าของหล่อนเหมือนกันก็เพราะอะไรล่ะของตาย? อภิวานต์คิดในใจ
แต่ก็คิดว่าเมื่อรถของเขาแล่นเข้ามาในเขตบ้าน หล่อนคงจะรู้แล้วว่า ใครมา แต่แสร้งไม่อยากจะรับรู้ ถึงขนาดเดินหนีเข้าไปในครัว นี่เป็นการคาดคิดของอภิวานต์มากกว่าไม่ได้ถามไถ่จริงจัง ที่สุดเขาก็อยากจะขอตัวเข้าไปหาหล่อนข้างใน
“หนูดมิสาอยู่ข้างในครัวเอ้าหิวพอดีเลยสินะตาว่าน ย่าเองก็เหมือนกัน เข้าไปนั่งที่โต๊ะดีกว่า ”
คุณผัสภรณ์เอาใจหลานชาย เขาพยักหน้า
และก้าวเดินตามมาพอคุณย่าทรุดนั่งลงในที่นั่งประจำของท่านแล้วอภิวานต์กลับเดินเลยเข้าไปในห้องครัว ขณะที่เขายังสวมชุดเชิ้ตทำงานทั้งๆที่รู้สึกอึดอัด แต่ก็อยากจะอวดสาวน้อย
ไม่ใช่อะไรหรอกเขากำลังหาเรื่อง ให้คนถอดเสื้อผ้าให้ ก็มองเห็นเด็กในอุปการะนี่ล่ะ เพราะเขาคิดว่าหน้าที่ ที่ต้องดูแลทุกอย่างในตัวเขา ควรจะตกเป็นของเด็กสาวด้วย เพื่อให้หล่อนเข้าใจในความเป็นจริงว่า ตกอยู่ในฐานะใด
และแน่นอนร่างสูงที่ก้าวมาหยุดอยู่ทางเบื้องหลัง ขณะที่หล่อนหันหน้าเข้าหาเตาแก๊สวุ่นสนใจอยู่กับแกงจืดวุ้นเส้นผักกาดขาวที่ใกล้จะเสร็จแล้วกำลังจะเอ่ยปากสั่งบอกให้เอี้ยงยกลงจากเตา เพราะหล่อนกำลังจะตามไปทีหลังแต่พลันต้องอึ้ง ชะงักตัวเองไว้ก่อน อุทาน
“อุ๊ย คุณอภิวานต์ นี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่ให้ซุ่มให้เสียง ”หล่อนกล้าที่จะเอ่ยว่าเขาเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ตำหนิ เพราะหล่อนพยายามซ่อนสีหน้าไว้อย่างเรียบ
หนุ่มหล่อเงยจ้องเด็กสาวในอุปการะที่คล่องแคล่วในงานครัว ผมเผ้าของหล่อนยุ่งและหน้าขาวนั้นเยิ้มชุ่มไปด้วยเหงื่อและหน้ามัน
“มะ ให้ฉันยกไปเองฉันทำได้” อภิวานต์อาสา
ช่อดมิสาเลยต้องยืนมองดูเขาช่วยจัดการยกหม้ออลูมิเนียมเคลือบที่กำลังเดือดจัดแต่ยื่นส่งผ้าเพื่อให้เขาจับหูเอาไว้ เพื่อไม่ให้เดือดมือจนพอง
เมื่อเป็นเช่นนั้นตัวของช่อดมิสาเองพยายามาถ่วงตัวเองยังไม่เดินไปใกล้โต๊ะอาหาร
อยากให้ทุกคนรับประทานไปก่อน กลัวแต่คุณย่านี่แหละจะให้เอี้ยงมาตามหล่อน
เพราะปกติตอนที่อภิวานต์ไม่มา หล่อนทานร่วมกับคุณย่าทุกครั้ง ท่านให้เกียรติหล่อนโดยไม่ถือรังเกียจ มาในวันนี้ หล่อนคิดว่าอภิวานต์จะอนุญาตหรือเปล่า
เพราะเขาเองไม่อยากให้หล่อนทำตัวเท่าเทียมเหมือนยกตนเทียบท่านทั้งๆที่ช่อดมิสาไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในหัวสมองเลย
และขณะที่หล่อนยังแสร้งทิ้งตัวเองเพื่ออยู่จัดการเก็บล้างมีดและคว่ำเขียงรวมทั้งเศษผักเศษอาหารที่ติดค้างหน้าเตา หล่อนต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้บริเวณนี้เป็นที่หมักหมม สะสมเชื้อโรค
เพราะคุณท่านเองก็เคยสอนหล่อน ในเรื่องงานครัว และช่อดมิสาทำตามหล่อนรู้สึกว่า มีเสียงฝีเท้าย่ำเดินตรงมาที่ห้องครัวอีกแล้ว ฝีเท้าที่หล่อนรู้สึกคุ้นเคย และเจ้าของร่างก็ดังขึ้นกับเสียง
“คุณย่า บอกให้ฉันมาตามตัวเธอไปกินข้าว ทำไมทำตัวชักช้าโอ้เอ้อย่างนี้ ช่อดมิสารู้ไหม ให้ผู้ใหญ่นั่งรอคอยมันเสียมารยาทแค่ไหน”
ก็หล่อนไม่รู้นี่ว่าเขาจะอนุญาตให้หล่อนนั่งรับประทานอาหารด้วยเพราะว่าเขาชิงชังรังเกียจหล่อนนักหนาถ้าเป็นปกติไม่ต้องพูดหรอก หล่อนเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหารเลย
เพราะคุณผัสภรณ์ต้องร้องเรียกหาอีกซ้ำที่จะให้เธอนั่งร่วมรับประทานอาหารด้วย หล่อนเลยรู้สึกเกรงใจเขา
“ไม่เป็นไรค่ะดมิสาทานทีหลังก็ได้เพราะยังง่วนเก็บของในครัวอยู่ ตามสบายนะคะคุณอภิวานต์”
เขาเอ่ยเสียงตะคอกขึ้นเพราะเรื่องที่เดินมาตามนี้เป็นคำสั่งของคุณย่าทีแรกท่านจะให้เอี้ยงเดินมาตามแต่เขาคิดว่าเอี้ยงกำลังเสิร์ฟและดูแลตักอาหารอยู่เลยเสนอตัวเอง มาเพื่อตามเด็กสาวจอมดื้อ
“คุณย่าให้ฉันมาตามเธอเองนะดมิสาเธอนี่เป็นคนสำคัญของคุณย่ามากกว่าฉันจริงๆนะคงสนุกที่ได้ทำตัวเองให้สูงส่งนะสิ ”
เขาอดไม่ได้ที่จะแว้งประชดหาเรื่องเหยียดหยามหล่อน
ช่อดมิสากัดฟัน ใช่เพราะหล่อนเห็นว่ามันไม่สมควร จึงไม่อยากร่วมทานอาหารที่มีเขาร่วมโต๊ะด้วย
“มันก็ดีแล้วนี่คะคุณอภิวานต์ก็เพราะว่าคุณเองจะได้สบายใจรวมทั้งตัวดิฉันด้วยที่ไม่ได้คิดว่าตัวเองเผลอทำตัวเผยอสูงกว่ากำพืด”
เหมือนหล่อนประชดและแดกดันย้อนมาหาเขาด้วย สีหน้าของอภิวานต์เดือดจนเข้มทันที
“นี่ฉันมาเพราะคำสั่งของคุณย่ารีบตามมาทานข้าวเร็วๆด้วย ถ้าไม่อยากมีเรื่อง”
จากนั้นคนพาลอย่างเขาก็สะบัดตัวเดินกลับออกไปข้างนอก ช่อดมิสาได้แต่ยืนอึ้ง ทำปากขมุบขมิบบ่นตามหลังคนพาลนี่..ก็ถือว่าพาลเสียจริงๆ จะบังคับขู่เข็ญหล่อนให้ได้ ทั้งๆที่ไม่อยากทำตามความประสงค์ของเขานัก
จำเป็นต้องทรุดนั่งลงเพราะมีสายตาขึงมองอย่างไม่พอใจ ช่อดมิสาได้แต่ก้มหน้าก้มตาและทานช้า
จวบจนทานอาหารเย็นของวันนั้นเสร็จ
อภิวานต์บอกว่า ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอด้วย”
ช่อดมิสาพยักหน้าเอาไว้ก่อน
“งั้น ก็ขอให้รอ ดิฉันนำจานชามไปเก็บก่อนได้ไหมคะ”
ไม่รอ ให้เธอเอ่ยจบเสียงเข้มของเขาดังขึ้นเหมือนว่าไม่พอใจนักที่เธอขยับปากค้านหรือขัดใจเขาคงไม่ให้หล่อนมีสิทธิ์โต้แย้งใดๆเลยสิ ส่วนคุณผัสภรณ์เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ท่านก็ขึ้นไปข้างบน
“ไม่ต้อง หน้าที่นี้ให้เอี้ยงทำแทนไป”
“ก็ได้ค่ะ คุยกันที่ไหนดีคะ”
“ที่สวนหลังบ้าน ตรงศาลาเรือนไทยเก่า”
ช่อดมิสารู้สึกแปลกใจว่าทำไมต้องเดินไปไกลถึงเพียงนั้น เป็นเพราะคำสั่งของอภิวานต์ เธอจะฝ่าฝืนหรือปฏิเสธไม่ได้ จึงก้าวตามเขาฝ่าดงดอกไม้ และแปลงดอกไม้
บริเวณเท้าที่ย่ำอยู่นั้นเป็นเส้นทางเดินปูด้วยหินกาบและหินแกรนิตฉาบทาด้วยซีเมนต์ทำให้ไม่ได้น่ากลัวและรกเรื้ออีกทั้งทำให้ดู ครื้มสงบเพราะร่มเงาไม้