ตอนที่ 10
“ส่วนเรา สาชอบสีไหน เราขอเลือกตามด้วย”
พอเอ่ยจบคำของปพนเพื่อนสนิทสาวพากันโห่ออกมาทันทีอย่างหมั่นไส้ทำเอาปพนหน้าจืดเจื่อนลงทันทีเหมือนกัน แต่เขาตั้งตัวได้ทัน แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกเย้ากันไปนั่นเอง แต่ไม่ได้จริงจัง ทั้งๆที่เขาคิด อยากจะให้มันจริงจังเสมอก็ตาม แต่เรื่องของเรื่องก็อยู่ที่ใจของช่อดมิสา
การกลับมาที่บ้านอีกครั้งช่วงเย็นไม่มีราชรถมารับหล่อนถึงที่ช่อดมิสาพาฝีเท้าของตนเองเดินขึ้นรถโดยสาร แล้วก็รถเมล์ พอถึงปากซอยหน้าบ้านพักก็เรียกรถมอเตอร์ไซค์ไปส่ง คุณผัสภรณ์เห็นมาแต่ไกลว่าเด็กสาวที่นางนึกรักและเอ็นดูไม่ต่างไปจากบุตรกลับมาจากโรงเรียนแล้ว
เห็นชุดขาวสะอาดกับกระโปรงยาวที่เรียบร้อย ถึงเวลาที่คุณผัสภรณ์นั่งนอนอยู่ในห้องนานเกินๆไปก็อยากเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการออกมาเดินเหินอยู่แถวๆสนามหญ้าหน้าบ้าน มองดูดอกไม้ดอกไร่แมลงเล็กๆเพลิน
ช่อดมิสาเอ่ยออกมาทันที
“สวัสดีค่ะคุณท่านหนูกลับมาแล้ว”เกาะลูกกรงประตูรั้วอัลลอยด์ของบ้านเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินอ้อมไปไขเปิดประตูเล็กก้าวเข้ามาจากนั้นก็แทบโผร่างไปหาท่านทันที ยกมือไหว้สวัสดี อย่างคนมีมารยาทอีกครั้ง
แล้วช่อดมิสาพยายามใช้สายตามองกวาดเหมือนกัน เผื่อผู้ปกครองหล่อนกลับมาแล้ว แต่ก็นึกดีใจเพราะไม่เห็นรถของเขาจอดอยู่ แต่อีกสักพักคงจะกลับมาซึ่งเธอก็คิดในใจว่าคงหลีกเลี่ยงในการพบปะกันชนิดแบบใกล้ชิดกัน ถึงเนื้อถึงตัวกว่าเดิมไม่ได้แล้ว เพราะหล่อนรู้ดีว่า คุณอภิวานต์นั้นเป็นประเภทปากว่ามือถึง
“จ้ะ”คุณผัสภรณ์พยักหน้ารับกับเด็กสาวหน้าหวานร่างบางที่ยิ้มให้อย่างคนมีมารยาทส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณผัสภรณ์สอนเด็กคนนี้ด้วยให้เข้าใจถึงมารยาทหญิงไทย การวางตัว และช่อดมิสานำมาปฏิบัติกับท่าน
การที่เธอสอนเด็กให้ปฏิบัติได้ตามและสวยงามเหมาะสมเธอรู้สึกภูมิใจ
“ตาว่านยังไม่กลับมาเลย” ท่านบ่นออกมา เหมือนเฝ้ารอคอยหลานชายคนเดียวด้วย ที่อภิวานต์บอกกล่าวว่า ต่อไป เขาจะแวะมาค้างคืนที่บ้านหลังนี้ คุณผัสภรณ์ปลื้มใจ
“วันนี้ ทั้งวัน คุณท่าน ทำอะไรบ้างคะ”
ช่อดมิสาถามเสียงใสแจ๋วและหวานด้วยความนอบน้อมบวกจริงใจ ผู้สูงวัยกว่ายิ้มให้นิดหนึ่ง
“อ้าว ทายสิจ้ะหนู ว่าย่าทำอะไรบ้าง วันนี้ ”
เด็กสาวทำสีหน้าครุ่นคิดคุณย่าเพิ่งหายไข้จากการที่ท่าน ล้มป่วย ลงมาเกือบเป็นอาทิตย์
“หนูว่าคุณย่าน่าจะใช้เวลาสวดมนต์นั่งสมาธิ หรือไม่งั้นก็ จัดข้าวจัดของเล็กน้อยดูเครื่องเพชรเครื่องลายครามที่คุณย่าชอบ ”
บางครั้งเธอก็เผลอไผลไปเรียกคุณผัสภรณ์ว่าคุณย่าซึ่งท่านไม่ได้ว่าอะไรเธอหรอกแต่ช่อดมิสารู้สึกกระดากปากของตัวเอง เพราะความจริงแล้วมันไม่ใช่
หล่อนเป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้นที่ท่านผู้นี้หยิบยื่นเมตตาไมตรีให้
ซึ่งช่อดมิสา คิดว่ามันเป็นบุญคุณสูงสุดที่หล่อนจะต้องหาทางตอบแทน ในวันข้างหน้า
ท่านอมยิ้มก่อนเฉลย
“ไม่ใช่หรอกจ้ะหนูวันนี้ย่านั่งเจียนใบตองห่อขนม อยากทำขนมตาลแบบโบราณพอดีให้เอี้ยงออกไปซื้อลูกตาลสดมาสามลูก เสร็จแล้วย่าเก็บไว้ในตู้ กับข้าว หนูไปหยิบมาทานได้จ้ะ”
ช่อดมิสาดีใจอย่างมากเพราะหล่อนเป็นคนดูแลท่านมากับมืองั้นแสดงว่าท่านแข็งแรงมากแล้ว ถึงขนาดลุกทำโน่นทำนี่ได้ โดยไม่ได้นอนซมอยู่กับเตียงนอน
“หนู ดีใจจังค่ะที่คุณย่า กลับมาเป็นปกติแล้ว”
“ย่าเองก็ขอบใจหนูเหมือนกันช่อดมิสาที่ขยันเอาใจใส่คนแก่อย่างย่า ย่ารู้สึกว่ามีความสุขไม่ได้ถูกทอดทิ้งจากลูกหลานถึงแม้ตาว่านจะไม่ค่อยได้แวะเวียนมาก็ตาม ย่ามีหลานชายอยู่แค่คนเดียว อยากให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ย่าจะได้สบาย ”
เมื่อคุณย่าเอ่ยมาถึงตรงนี้ ช่อดมิสาก้มหลุบสายตาลงต่ำมองพื้น เกิดปฏิกิริยากับหล่อนทันที
ไม่รู้ทำไมต้องชะงักกับคำนี้ ทั้งๆที่มันเป็นจริง
และหล่อนสมควรจะรู้ว่าหล่อนเป็นใครตั้งนาน และในวันข้างหน้าคุณว่านหรืออภิวานต์ก็ต้องแต่งงานอย่างออกหน้าออกตากับผู้หญิงที่เขาเลือก ซึ่ง ดมิสาไม่ได้นึกถึงตัวเองเลย หล่อนเป็นผู้หญิง ที่เขาเอามาไว้อยู่ที่นี่เพื่อเงื่อนไข
ในฐานะผู้หญิงพิเศษ จะว่าเป็นเมียลับก็ได้ เพราะเขาจงใจ และเก็บหล่อนไว้ในฐานะที่ต่ำช่อดมิสาต้องไม่คิดอะไรมากหล่อนต้องมีสติที่เข้มแข็ง สาวสวยบอกตัวเอง
“ลองไปชิม ขนมตาลฝีมือย่าหน่อยสิหนู ขนมตาลโบราณหากินยากนะย่าคลุกผสมกับเนื้อมะพร้าวทึนทึกด้วย หวานมันเชียวล่ะ”
“ค่ะคุณย่า ” เธอพยักหน้า แล้วเดินตามท่านเข้าไป ช่วงเวลาแห่งความสุขของช่อดมิสาผ่านไปเพียงแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น
พอรถยนต์คันหรูของอภิวานต์แล่นเข้ามาภายในอาณาเขตของบ้านสวน และจอดสนิทที่โรงเก็บทำเอาช่อดมิสา อึ้งทำอะไรไม่ถูกใจคอสั่นตามด้วย
อาจจะเป็นเพราะเขากลับมาเร็วเกินไป
ช่อดมิสาเองเบื่อที่จะตอบคำถามเซ้าซี้กวนใจของเขา ร่างสูงตรงของหนุ่มใหญ่อภิวานต์พาฝีเท้าตรงมาที่ห้องรับแขก เพราะเห็นคุณย่านั่งเล่น
และท่านก็รอที่จะทานข้าวพร้อมกับหลานชายคนเดียว เนื่องจากเขาโทร.มาก่อน ว่ากำลังเดินทางมาถึง ดังนั้นคุณผัสภรณ์จึงบอกกล่าวแก่เด็กสาวอุปการะว่าให้จัดสำรับเตรียมพร้อม เพื่อที่จะร่วมทานกับอภิวานต์
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของหล่อน และเอี้ยงกับมะกล่ำคนใช้ที่กำลังยกกับข้าวจานช้อนชามเตรียมเอาไว้หน้าห้องครัว ซึ่งเป็นมุมทานข้าวของบ้าน
ปกติช่อดมิสาจะทานข้าวร่วมกับคุณท่าน แต่เวลานี้มีเพิ่มคือ ผู้ปกครองของหล่อน
อภิวานต์ มีสีหน้าที่เหน็ดเหนื่อยอย่างมากเขายังไม่ได้ปลดเนคไท กับถอดเสื้อสูทแม้จะรู้สึกอึดอัด เพราะยังนั่งคุยกับผู้เป็นย่าถามไถ่ถึงเรื่องราวสุขภาพและวันนี้ท่านทำอะไรบ้างที่อยู่กับบ้านทั้งวัน
“พูดแล้วจะหาว่าย่าคุยนะตาว่าน นี่ย่าออกแรงทำขนมตาลด้วยนะ ย่าเห็นว่านนะชอบตั้งแต่สมัยเด็ก ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังชอบรสขนมตาลโบราณแบบเดิมของย่าหรือเปล่า เพราะย่าไม่เคยทำมานานแล้วนี่เมื่อเช้านี่เพิ่งนึกได้เลยอยากทำให้หนูดมิสาลองเอาไปชิมดูก็บอกกับย่าว่าอร่อย”