บทที่ 6

1473 คำ
“ไม่ได้เอามาก็รับผ้าเช็ดหน้าของเราไปสิ รับรองว่าสะอาดปลอดเชื้ออย่างแน่นอน” เจ้าชายชารีฟร์เพิ่งหาลิ้นตัวเองเจอ และเอ่ยออกมาในที่สุด หลังจากที่ถูกสะกดให้นิ่งงันด้วยความน่ารักอ่อนหวาน ดวงตากลมโตสุกสกาวของสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า นาราพรรณยกมือปาดน้ำตา พลางเหลือบมองผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดในมือใหญ่ของอีกฝ่าย ก่อนจะกระชากมาอย่างเสียไม่ได้ เพราะดูท่าว่าจะใช้มือหรือเสื้อผ้าของตนเองเช็ดน้ำตาที่ยังคงเอ่อคลอเบ้าไม่ไหวแล้ว “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเช็ดน้ำตาโดยไม่ต้องกลัวว่าขอบตาจะบอบช้ำ จากการใช้ผ้าเช็ดหน้าปาดน้ำตาแรงๆ พอเช็ดน้ำตาจนเหือดแห้งแล้ว ก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกแล้วสั่งน้ำมูกแรงๆ ก่อนจะพับทบเข้าหากันเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่ผิดจากตอนที่ได้รับจากชายหนุ่ม จากนั้นก็เอาไปยัดตรงกระเป๋าเสื้อด้านอกซ้ายของอีกฝ่ายให้อย่างเรียบร้อย “จะไม่เอาไปซักรีด พรมน้ำหอมให้เรียบร้อย แล้วเอามาคืนเราหรอกหรือ” เจ้าชายชารีฟร์เอ่ยถามกลั้วหัวเราะ ก่อนจะส่ายหน้าราวกับระอา เมื่อได้ยินคำตอบจากสาวน้อยน่ารัก “จ้างให้ก็ไม่เอาไปซักให้หรอก ไม่ได้ร้องขอผ้าเช็ดหน้าซักหน่อย อยากเอามาให้ใช้เองทำไม” นาราพรรณต่อว่าเสียงขึ้นจมูก ทำท่าจะเดินหนีอีกฝ่าย หากไม่ถูกมือใหญ่ร้อนผ่าวยื่นมารั้งต้นแขนไว้เสียก่อน ทันทีที่มือใหญ่แตะโดนผิวกาย หญิงสาวก็รีบกระชากมือกลับ ความรู้สึกที่แตกต่างกันจากชายสองคนสองวัย ได้สร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวยิ่งนัก ‘ทำไมเรารู้สึกอบอุ่นใจ ทันทีที่ชายคนนี้สัมผัสแตะต้อง’ หญิงสาวนึกคิดอยู่ในใจพลางก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองสบตากับดวงตาคมกริบที่กำลังจ้องมองเธอไม่วางตา ‘อีตาบ้ามองเขม็งอย่างกับเราเป็นกระต่ายน้อยเนื้อหวานยังไงยังงั้นแหละ’ “นี่คุณ!” นาราพรรณเลียนเสียงของอีกฝ่าย ตอนที่เรียกเธอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้นก็ยกมือเท้าสะเอวตวาดแว้ดด้วยความโกรธๆ “มองผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเรียกว่าเสียมารยาทรู้ไหม” เจ้าชายชารีฟร์ถึงกับอ้าปากหวอ ด้วยนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะกล้าต่อว่าตนเองทั้งๆ ที่เพิ่งพบเจอกันแค่เพียงครั้งแรก เพื่อพิสูจน์ว่าความรู้สึกตื่นเต้นราวกับถูกไฟช็อต ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับตนเองมาก่อน ตอนที่ได้แตะต้องกับต้นแขนเนียนขาวผ่อง เขาจึงเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือเล็ก แล้วดึงร่างบางให้ขยับเข้ามาใกล้ จนรับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวเจ้า “เรายอมเสียมารยาท เพื่อได้ยลโฉมสูดกลิ่นหอมจากสาวน้อยน่ารัก” ไม่ได้พูดเปล่า เจ้าชายชารีฟร์ได้ลดริมฝีปากร้อนรุ่มเข้าไปพิสูจน์ความหอมกรุ่น ตรงพวงแก้มแดงปลั่งที่อยู่ล่อตาล่อใจ ราวกับดอกไม้แรกแย้มสีสวยที่ล่อให้ภุมรินบินโฉบเข้าไปหาอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ “อืม...กลิ่นหอมจรุงใจจริงๆ” เจ้าชายชารีฟร์งึมงำเสียงกระเส่าแนบชิดกับพวงแก้มหอมละมุน ที่ตนเองชักจะติดใจขึ้นมาเสียแล้ว “ไอ้คนฉวยโอกาส!” นาราพรรณกัดฟันกรอดกำมือแน่น ปล่อยให้ภาพวาดดงดอกกุหลาบที่ถือไว้ในมือตกลงไปนอนอยู่กับพื้นพรมจากนั้นก็ตอบแทนอีกฝ่ายด้วยกำปั้นหนักๆ ที่เสยไปเต็มปลายคางบึกบึนที่อยู่ใกล้ตา ผั้วะ!!! เสียงกำปั้นเล็กๆ ทว่าสามารถเรียกดาวเรียกเดือนให้ลอยอยู่ตรงหน้าเจ้าชายชารีฟร์ ได้ทำเอาองครักษ์คาซิมม์ซึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ถึงกับตกใจหน้าซีด ก่อนจะยกมือปิดปากไม่ให้เสียงหัวเราะด้วยความขบขำหลุดลอดออกมาให้เจ้าเหนือหัวได้ยิน “ขอยกมือให้คนที่กล้าชกเจ้าชายชารีฟร์” คาซิมม์ชูฮกให้หญิงสาวผู้นี้เป็นผู้เก่งกาจ เพราะนอกจากจะเข้าใจสื่อถึงอารมณ์ของภาพวาดงดงามที่ตั้งเด่นอยู่ใกล้ๆ กันแล้ว หญิงสาวยังใจกล้า ชกหน้าเจ้าชายชารีฟร์เสียหน้าหงาย สงสัยงานนี้เขาได้มีเรื่องเด็ดๆ ไปรายงานให้เจ้าชายฮารีฟร์ได้ทรงทราบอีกแล้ว เจ้าชายชารีฟร์กัดฟันกรอด ใบหน้าแดงก่ำถมึงทึงด้วยความโกรธ พร้อมกันนั้นได้ตวัดร่างบางให้มาตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง มือใหญ่ทั้งสองดุนแผ่นหลังของสาวเจ้าให้ปทุมอวบอิ่มแนบชิดมากับแผงอกกำยำล่ำสัน นาราพรรณตกใจหน้าซีด ยกมือเล็กยันกับอกกว้าง เพื่อไม่ให้เรือนร่างของตนเองแนบชิดไปกับกองไฟร้อนผ่าวที่รู้สึกได้ทันที ที่ถูกกระชากให้ตกไปอยู่ในพันธนาการแข็งแกร่งของอีกฝ่าย “เจ้า! กล้าดียังไงมาตบหน้าเรา” เจ้าชายองค์เล็กแห่งดินแดนทะเลทราย เค้นเสียงถามลอดไรฟัน ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งที่สาวน้อยในอ้อมแขน “ผิดแล้วค่ะ ตะกี้เขาเรียกว่าชก! ถ้าตบ! ต้องเป็นแบบนี้ต่างหาก” เผี้ยะ!!! สิ้นคำแก้ไข ฝ่ามือเล็กก็สาธิตให้เห็นจะๆ ฝากรอยนิ้วทั้งห้าบนใบหน้าหล่อๆ ของเจ้าชายหนุ่มอีกครั้ง ขิงก็ราข่าก็แรง คงใช้ได้ดีสำหรับหนุ่มสาวคู่นี้ ทันทีที่ถูกตบ เจ้าชายชารีฟร์ก็กดกระแทกจุมพิตดุดันเร่าร้อน เป็นการลงโทษกลับคืน จนนาราพรรณรับรู้ได้ถึงความเค็มของเลือด ที่ซึมตรงเรียวปากอิ่มอันเกิดจากฝีมือของเจ้าชายหนุ่ม “ปล่อย! ไม่งั้นจะกัดให้ลิ้นขาดเลย” นาราพรรณกระซิบขู่ เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสได้เจ้าชายชารีฟร์ ได้สอดปลายลิ้นเข้าไปกระหวัดชิมความหวาน ที่เจ้าชายหนุ่มมั่นใจว่ายังไม่เคยต้องชายใดมาก่อน เจ้าชายชารีฟร์จองจำนาราพรรณด้วยจุมพิตหวานระคนเร่าร้อนเป็นเวลาเนิ่นนานจนเป็นที่พอใจ จึงได้ผละริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งแสนเสียดายความหวานที่อยู่ตรงหน้า “ไม่โหดไปหน่อยหรือสาวน้อย” เจ้าชายหนุ่มต่อว่าไม่จริงจังนัก ใบหน้าคมเข้มคลี่ยิ้มยียวน พลางเลิกคิ้วใส่คนที่ใบหน้าแดงซ่านเพราะพิษจุมพิตดุดัน “ถ้าไม่อยากถูกตบเป็นครั้งที่สองก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” นาราพรรณขู่ฟ่อทำเป็นเก่งใส่อีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ในใจนั้นเริ่มกลัวกระแสแห่งความเร่าร้อน ที่แผ่นซ่านจากคนตรงหน้าจนอยากจะวิ่งหนีให้รู้แล้วรู้รอดไป เจ้าชายชารีฟร์หัวเราะหึๆ ในลำคอ ไม่ได้นึกกลัวคำขู่ของสาวน้อยแสนหวานสักนิด ปลายนิ้วยาวแข็งแกร่งที่จับพู่กันตวัดเส้นสี ก่อเกิดเป็นภาพวาดอันงดงาม ได้เอื้อมไปจับเส้นผมนุ่มสลวยมาจรดจมูกโด่ง พร้อมกับแย้มยิ้มตรงมุมปากเอ่ยสวนกลับคนที่กำลังจ้องมองเขม็งอย่างโกรธๆ “อย่าขู่ให้ยากเลยสาวน้อย เพราะเราจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำร้ายเราได้อีก” แม้จะผละริมฝีปากออกแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้สาวน้อยหวานฉ่ำเป็นอิสระตามที่เจ้าตัวต้องการ เพราะมือใหญ่ร้อนผ่าวยังคงประคองกอดร่างบางไว้กระชับไม่ให้ดิ้นหนีได้ง่ายๆ “นี่คุณ! ปล่อยได้แล้ว ฉันปวดต้นแขน” เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล นาราพรรณก็เปลี่ยนมาทำตาปริบๆ ให้ดูน่าสงสาร ในใจนั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หากอีกฝ่ายปล่อยเธอให้เป็นอิสระเมื่อไร จะขอชกหน้าบุรุษหนุ่มผู้นี้อีกสักครั้ง ก่อนจะโกยแนบออกจากหอศิลป์ “ต่อให้ทำตาปริบๆ หน้าละห้อยยังไง เราก็ไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรอกแม่สาวน้อยแสนหวาน” เจ้าชายชารีฟร์เอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ประดับทั่วใบหน้าอย่างรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของคนในอ้อมแขน เจ้าชายหนุ่มนึกขำ ก็ดูเอาเถอะ สาวน้อยที่เขายังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ทว่ารสจุมพิตที่ได้รับจากตัวเธอนั้นหวานฉ่ำจนเขาลืมไม่ลง ได้แสร้งตีสีหน้าเศร้าๆ แต่ดวงตากลมโตกลับฉายแววเต้นระริก แฝงไว้ด้วยความโกรธเคือง ซึ่งถ้าหากเขาปล่อยให้เธอหลุดไปง่ายๆ คงได้รับกำปั้นจากหญิงสาวอีกหมัดสองหมัดเป็นแน่แท้ “ฉันไม่ได้เป็นแม่สาวน้อยแสนหวานของคุณ ฉันชื่อน้ำค้าง เป็นน้องสาวของเจ้าชายฮารีฟร์กับเจ้าชายซารีฟร์ ปล่อยฉันได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะโทรไปบอกเจ้าชายให้มาจัดการกับคุณ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม