Chapter 21
หญิงสาวเลือกสวมเดรสระบายลูกไม้สีดำสนิทคอลึกกว้างงานแบรนด์มาใส่ แต่งตัวสวยแตกต่างไปจากทุกวัน เดินทางไปจัดการธุระประปรังในเมืองแทนพ่อที่กำลังยุ่งกับงานรีสอร์ต เมื่อทางหุ้นส่วนลงความเห็นว่าระหว่างปิดปรับปรุง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาควรจะตกแต่งเพิ่มเติม
ทั้งสถาปนิกและวิศวกรเข้ามาดูหน้างานในช่วงบ่าย หนีไม่พ้นว่านายพิภพจะต้องวานเตชิน... ว่าที่ลูกเขยหนุ่มดีกรีปริญญาโท วิศวกรรมโยธา จบทางด้านการออกแบบ การก่อสร้างมาโดยตรง อริสาจึงตั้งใจว่าจะกลับบ้านให้ช้ากว่าเวลา แต่เป็นเพราะโทรศัพท์ดังถี่ยิบ
[ถึงยังเนี่ย? พ่อรีบใช้เอกสารที่ดินนะ เอามาให้เร็ว ๆ หน่อย แล้วซื้อขนมปังมาให้ป้าขวัญหรือเปล่า?]
“ซื้อแล้ว ๆ กำลังไป” เสียงหงุดหงิดไปตามสาย ก่อนที่เธอสะบัดจอสี่เหลี่ยมกดมันครั้งหนึ่งเพื่อดูข้อความล่าสุด...
‘เดี๋ยวไปหานะ ที่รัก ใกล้ถึงแล้ว’
“หมอบ้า... ใครที่รักกัน... นั่นมันหมาฉันป่ะ” พูดพลางส่งสติกเกอร์ลายน่ารักกลับไป แล้วก็ยิ้มแก้มปริ มือทุบพวงมาลัยแก้อาการเก้อเขิน ค่อยเก็บมือถือใส่กระเป๋าสะพาย พอใกล้จะถึงรีสอร์ตข้างหน้า เจ้าที่รักนั่งอยู่ข้าง ๆ ยังทำหน้างง
อริสาเหมือนเป็นคนละคน จากผู้หญิงเคร่งขรึมไร้อารมณ์...
หวั่นไหววูบวาบ เสียงเต้นตุบตับไม่เป็นจังหวะในอกเกิดขึ้นเฉพาะกับเขา มันช่างเป็นเรื่องไร้เหตุผลสำหรับเธอที่ไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ พรหมลิขิต
เตชิน ขวัญฤดี และพิภพกำลังรออยู่บริเวณโต๊ะเก้าอี้โซฟาตัวนุ่มสบายข้างล่างรีสอร์ตระดับสี่ดาวที่ปิดทำการ ห่างจากฟาร์มม้าไป นอกจากมีที่พักแล้วที่นี่ยังมีร้านอาหาร หน้าฟาร์มแกะ บรรยากาศสุดแสนธรรมชาติท่ามกลางขุนเขา
พ่อครัวกลับบ้านกันหมดเหลืออยู่คนเดียวก็ออกไปจ่ายตลาด อริสาจึงถูกใช้ไปซื้ออาหารกลางวัน พอลงจากเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิท ก็เปิดท้ายรถหยิบถุงพลาสติกหลายใบไปบริการให้ถึงที่ มีเจ้าสุนัขขนสีทองสลวยตามเจ้านายมาติด ๆ
“มาแล้วค่ะ ขนมปังร้านโปรดป้าขวัญ ข้าวสองกล่อง ที่เหลือของสถาปนิกกับทีมวิศวกร ลุงเษมกำลังเอามาให้ นี่เอกสารพ่อ เรียบร้อยนะ” เสียงหวานชี้แจงบอก ก่อนจะหยิบซองเอกสารในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่แนบลำตัวอยู่ส่งให้พ่อรับไป มีเตชินเข้ามาช่วยจัดแจงอาหาร หยิบขนมออกจากถุงแต่ละใบ
“ขอบใจมากลูก รีบไปไหนหรือเปล่า? อยู่กินขนมก่อนสิ”
“หนูไม่ค่อยหิว นัดเพื่อนไว้ ต้องเอางานวิจัยไปส่งน่ะ” ตอบไปมือวางของไปโดยไม่มองหน้าใคร คนพ่อกลับถามด้วยความสงสัยแปลกใจ
“แน่เหรอว่าไปหาเพื่อน? ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะแต่งตัวสวย”
“อืม... วันเกิดเพื่อนด้วย ก็เลยต้องแต่งตัว ไม่เห็นจะแปลก” อริสายังคงมีท่าทางเฉยเมยอย่างไม่มีใครจับผิดได้ว่าเธอโกหก ขณะที่คนข้างกันเงยหน้าจากถุงพลาสติกบนโต๊ะ
“เอ้อ... เรื่องวันก่อน พี่ขอโทษนะ อริส ยังเจ็บขาอยู่หรือเปล่า?” เตชินถามด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ และได้รับการให้อภัยผ่านรอยยิ้มบาง ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เต ขาไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วง”
สองหนุ่มสาวยืนเคียงข้างกันช่วยกันแกะถุงขนม ราวกิ่งทองใบหยกในสายตาของผู้ใหญ่ พิภพลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ ส่งสายตากรุ้มกริ่มให้คนสนิทอย่างขวัญฤดีที่แอบมองทั้งสองคนอยู่ ก่อนจะเปิดประเด็น
“เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนนะ? พี่ขวัญ”
“เออ... หมั้นหรือเปล่า? หมั้นกันไปก่อน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน ลองคบกันในฐานะคู่หมั้นก่อนดีไหมลูก...?” ปลายเสียงหันไปถามแล้วก็ต้องหน้าเสีย เมื่อใบหน้าสดสวยเย็นชาเงยขึ้นบอกอย่างชัดเจน
“หนูมีแฟนแล้วค่ะ... ขอโทษนะคะ ป้าขวัญ หนูหมั้นกับพี่เตไม่ได้จริง ๆ”
“ผมก็ว่าไม่ครับ แม่ ผมไม่หมั้นนะครับ...” สุ้มเสียงเด็ดขาดของเตชินแฝงความผิดหวังอยู่เล็กน้อย แต่เขาตัดสินใจแล้วเหมือนกัน พ่อชักแม่สื่อถึงกับใจสลายไปตามกัน พิภพอดไม่ได้ที่จะเอาความจากลูกสาว
“สองคนนี้นี่อะไรกัน? พ่อว่าเราออกจะเหมาะสมกัน อริส... ลูกไปมีแฟนตอนไหน ทำไมบอกพ่อเลยล่ะ? ถ้าลูกมีแฟนจริง ๆ พ่อต้องรู้สิ”
สีหน้าเสแสร้งของพ่อพาใบหน้าสดสวยแค่นยิ้มในแบบเดียวกัน “ไม่ใช่ว่าพ่อให้เลขาฯ ไปสืบมาหมดแล้วเหรอ? ไม่มีทางที่นายหัวฟาร์มม้าจะไม่รู้หรอกว่าใครมาจีบลูกสาว ที่ผ่านมา... พ่อก็ทำแบบนั้นนี่”
หนุ่มใหญ่ถึงกับเงียบไป ก่อนจะมองตามดวงตาคู่สวยเย็นชาที่เปล่งประกายขึ้นมา เมื่อรถยนต์สีขาวผ่านหน้าไป บริเวณที่นั่งรับประทานอาหารริมฟาร์มไม่ไกลจากลานจอดรถด้านหลัง เดาได้ไม่ยากว่าเป็นรถของใคร
“มาพอดี... หนูกำลังจะบอกพ่ออยู่เลย หนูกำลังคบกับหมอไอค่ะ อืม... หนูไม่ถนัดคบซ้อนทีละหลาย ๆ คนด้วย” เธอจำเป็นต้องเสียมารยาทกับป้าขวัญจริง ๆ ก็คราวนี้ ขณะที่แฟนหนุ่มก็ไม่ได้ปล่อยให้รอนาน ร่างสูงในชุดทำงานเรียบร้อยผลักประตูรั้วน่ารักสีขาวข้างหน้าเข้ามา ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่รับไหว้ตอบแบบไม่เต็มใจ
คุณหมอหนุ่มไม่รู้ว่าทุกคนกำลังคุยอะไร รู้แค่ว่าตัวเองมาได้จังหวะพอดี และคงจะเป็นส่วนเกินของทุกคน จากแววตาวาวโรจน์ของเจ้าของฟาร์ม และสายตาของสองแม่ลูก กระทั่งหญิงสาวพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“แฟนหนูค่ะพ่อ พ่อน่าจะรู้จักหมอไอแล้วนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอก เราเพิ่งคบกัน ลานะคะ ป้าขวัญ พี่เต พ่อ วันนี้หนูจะไปกินข้าวกับแฟน” อริสายกมือไหว้อย่างมีมารยาท ก่อนจะคว้ามือหนาของชายหนุ่มที่ผุดยิ้มเต็มวงหน้า สอดประสานแต่ละปลายนิ้วจับจูงกันไป ไม่ได้สนใจคนข้างหลังที่โกรธจนหน้าแดงก่ำ
“อริส...! พ่อจะตัดบัตรเครดิตลูก พ่อไม่รับลูกเขยที่ไหนด้วย ถ้าไม่ใช่เตชิน!” เสียงตวาดไล่หลังพาวงหน้าหวานส่ายไปมา ก่อนหันหลังกลับไปบอก
“พ่ออยากทำอะไร พ่อทำเลย เอาที่พ่อสบายใจ แต่บางที... พ่อควรสละเวลาให้นักสืบไปสืบเรื่องของหนูมากกว่าเรื่องหมอไอ หนูมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่เท่าไร ไม่รวมที่แม่ทิ้งไว้ให้หนู... หนูถึงได้ไม่ใช้เงินพ่อเพราะแบบนี้ไง”
ท้ายคำนั้นทำให้คนพ่อพยายามสงบสติอารมณ์ เมื่อเขาไม่เคยใช้ไม้แข็งได้ผลกับอริสา ก้าวตามไปรั้งไว้ด้วยเสียงอ่อน “ลูกจะไปไหน? งานที่ฟาร์มเสร็จดีแล้วเหรอ ศพสีนวล... ลูกจะเอายังไง? จะมาเผามันไหม หรือจะให้พ่อทำปุ๋ย”
“หนูจะฝังมันเอง” พูดเท่านั้น เธอก็กระตุกมือหนาของคนข้างกาย ให้เดินไปจากสถานที่อันน่าอึดอัด เพราะไม่คิดว่าพ่อจะเอาเรื่องม้ามาข่มขู่เธอ
ไอศูรย์สัมผัสได้ว่ามือที่กอบกุมกันนั้นสั่นเทาและเย็นเฉียบ แม้กระทั่งว่าเปิดประตูให้เธอขึ้นรถยนต์แล้วเขาต้องสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ด้วยหวังจะให้เธอใจเย็นลงตามเครื่องปรับอากาศ เอื้อมไปกุมมือเล็กไว้อีกครั้งอย่างแผ่วเบา
“ผม... ทำให้คุณกับพ่อทะเลาะกันหรือเปล่า?”
“ไม่เกี่ยวกับหมอไอหรอกค่ะ พ่อเป็นแบบนี้มานานแล้ว ฉันด้วย... ฉันเป็นแบบนี้” ในสีหน้าเรียบเฉยบอกว่าเธอไม่รู้สึกอะไร ในใจลึก ๆ เป็นบาดแผลที่ไม่มีทางเยียวยา แต่เป็นเพราะไม่อยากให้อีกคนไม่สบายใจจึงต้องฝืนยิ้มออกมา
“ไปกันเถอะค่ะ ฉันอยากไปหาเจ้าสีนวล ฉันจะฝังมันเอง” ในแววตาประกายมาดมั่นมองไปข้างหน้า เธออยากจะทำมันด้วยสองมือเล็ก ๆ ของเธอ คุณหมอหนุ่มถึงกับถอนหายใจ พลางส่ายหน้าไปมา
“คนงานกับลุงเกษมเขาช่วยฝังกันแล้ว คุณไม่ต้องไปหรอก ตัวแค่นี้ จะไปขุดหลุมฝังม้าทั้งตัวได้ไง?”
“หมาแมวตาย เจ้าของเขาก็ฝังกันเอง”