Chapter 19
ไอศูรย์ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือม ๆ ก่อนที่จะตวัดตาคมมองตามเพราะเป็นห่วง แต่บางอย่างก็ทิ่มหน้าทิ่มตาอยู่จนต้องเบิกตากว้างมอง
กางเกงยีนสีซีดส่ายไปมาเพราะสะโพกเต่งตึง ชายเสื้อโปโลสีชมพูอ่อนยังเลิกขึ้นเล็กน้อยจนเห็นแผ่นหลังขาวโบ๊ะ! วับ ๆ แวม ๆ
อย่างว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กผอม แต่ตูดเป็นตูด เอวเป็นเอว... นมจะขนาดไหน?
คิดแล้วก็รู้ตัวว่าเข้าถึงสัจธรรมความขาวในเวลาอันไม่เหมาะควร จึงหันไปมองทางข้างหน้าอีกครั้ง
เอี๊ยด...! เสียงเบรกดัง ฉับพลันกับที่มืออีกข้างกอดสะโพกเข้าหมับเต็มแขน เป็นโชคดีที่เขาลดความเร็วลงก่อนหน้านี้ และช่างเป็นโชคช่วยของเจ้าสัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งกำลังเดินข้ามถนน ในเขตพื้นที่สัตว์ป่า
“ช้างเดิน เห็นไหมเล่า? ผมบอกว่าค่อยเอาของไง ทำไมดื้อจัง ฮึ!” ว่าเสียงขึ้นจมูก มือยังไม่ปล่อยคนที่เอี้ยวตัวกลับมาพร้อมของในมือ
“ขอโทษค่ะ ได้แล้ว กล้องแพงด้วยนะ แหม... เกือบหล่นแหนะ”
กล้องตัวใหญ่ถูกใจทำให้เธอฉีกยิ้มกว้างหวาน กลับไปนั่งที่ตัวเอง รัดเข็มขัดนิรภัยอย่างเรียบร้อย เพื่อจัดการปรับแต่งมันให้เหมาะสมสำหรับงานถ่ายภาพ ไม่ได้รู้สึกผิดสักนิดยังชอบพออ้อมกอดเมื่อครู่
ไอศูรย์ได้แต่โมโหเธออยู่เพราะถ้าเขารับไม่ทันคงได้มีคนเจ็บตัว แต่ก็โมโหได้ไม่นาน เมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติฯ
ตามที่นัดกับเจ้าหน้าที่ไว้ เขาแค่ดูอาการอีกเพียงเล็กน้อย และเอายามาให้ตามรายการ
สำหรับอุทยานแห่งชาติฯ ปรกติแล้วเป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์เป็นธุระจัดการหากมีสัตว์ป่วย มีนายสัตวแพทย์ประจำกรมปศุฯ ซึ่งคนที่ทำงานให้กับหน่วยงานนี้เป็นระดับอาจารย์ หนีไม่พ้นเป็นงานของอาจารย์นิธิอีกตามเคย
เขาเข้าไปหาเจ้าหน้าที่โดยใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ก่อนจะกลับมาหาคนที่ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปอยู่รอบ ๆ ไม่ยอมเข้าไปด้วย ซึ่งเขาไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าเธอไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของเขา โดยไม่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวเจอคนรู้จักในสายงานเดียวกันมากกว่า และก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครไปฟ้องพ่อ
พอได้รับแผนที่มาจากเจ้าหน้าที่ ด้วยความที่อริสาไม่ค่อยจะได้ออกไปเที่ยวไหน จึงชักชวนคนขับรถให้พาไปน้ำตกเป็นที่แรก
ณ ที่แห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารตามธรรมชาติ มีน้ำตกที่สวยงามเกิดขึ้นหลายแห่งในพื้นที่อุทยานฯ เธอเลือกไปน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดอยู่ทางทิศใต้
เพราะเป็นที่ ๆ น่าจะเดินไปน้ำตกได้ใกล้สุด ซึ่งขาของเธอพอจะดีขึ้นมากแล้ว ลานจอดรถจะห่างจากตัวน้ำตกเพียงหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น ระหว่างทางเดินสองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ต้นไม้เขียวชอุ่ม
กล้องที่คล้องคออยู่เป็นรุ่นใกล้เคียงกันกับกล้องตัวโปรดของเธอ ยิ่งทำให้บรรยากาศท่องเที่ยววันนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข เธอรู้สึกสนุกกับการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย ๆ สูดกลิ่นหอมของใบไม้ในฤดูฝน กำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูในอีกไม่ช้า เคียงข้างคนที่คอยลอบมองมาด้วยแววตาหลงใหลล้ำลึก
มองกันไปมองกันมา... ถ้าเป็นปลากัดก็คงจะท้อง!
บางทีเธอคงไม่รู้ว่าเขาเองก็คิด... แต่ว่าเป็นความคิดอีกอย่าง มากกว่าที่เธอคิดเป็นสิบเป็นร้อยเท่า!
เจ้าของร่างสูงในเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มเอามือไพล่หลัง หลุบตามองพื้นไม้เป็นซี่บนสะพานสีแดงเป็นทางยาวสุดตา ท่ามกลางเสียงนกร้อง เสียงน้ำตกไหลอยู่ไกล ๆ ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
รองเท้าสีดำมันวับของเขาและรองเท้าผ้าใบสีเดียวกัน ก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ยกขึ้นและเหยียบลงตามไล่เลี่ยกันไปเหมือนมีจังหวะอยู่ในตัวของมันเอง ในบางครั้งที่เผลอสบเข้ากับรอยยิ้มหวานตรงมุมปากบนวงหน้าหวาน เขาก็คงจะต้องยิ้มไม่เลิก
“หมอไอ... ไม่คิดจะซื้อบ้านที่นี่ไว้สักหลังหรือคะ?” คนที่ปล่อยมือจากกล้องมาได้สักพักเป็นฝ่ายถาม
“เมื่อก่อนไม่คิด แต่ตอนนี้... ผมว่า... กำลังคิดอยู่”
“ทำไมคะ?”
“ผมไม่อยากมาทำงานที่เขาใหญ่หรอก ถ้าอาจารย์นิธิไม่ขอ... เห็นแบบนี้ผมเป็นศิษย์รักอาจารย์เลยนะ คราวก่อนผมส่งหมอเต้ เพื่อนร่วมรุ่นให้มาทำงานแทน อาจารย์บ่นแล้วบ่นอีก ทวงหนี้ผม ผมเลยต้องมา” เขาไม่ได้พูดต่อเรื่องหนี้อะไร ปล่อยให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นมองมาอย่างตั้งใจฟังเรื่องสำคัญกว่า
“สิบกันยา... สิบห้าปีที่แล้ว แม่ผมเสียที่นี่... กลัวว่ามาอยู่แล้วจะคิดถึงแม่น่ะ”
หัวใจดวงน้อยวูบไหวเพราะความเสียใจพอ ๆ กับความสงสัย “แม่หมอไอ... เสียวันเดียวกับแม่ฉัน?”
“นั่นสิ... ที่ไหนกัน?” พูดแล้วเขาก็ลอบยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มเศร้าหมองซึ่งทำให้อีกคนไม่กล้าถามอะไรต่อ ดวงตาคู่สวยสั่นไหวระริกมองแผ่นหลังกว้างของชายที่เดินนำขึ้นไปข้างหน้า
ใช่สิ... ต้องใช่! เธอแน่ใจว่าจำหน้าเขาได้
อริสายังหยุดยืนอยู่ที่เดิมเพื่อใช้ความคิดอย่างจริงจัง เป็นจังหวะให้ร่างสูงชะลูดที่ก้าวสั้น ๆ ไปแค่สองก้าวขยับขายาว ๆ กลับมา พลันโน้มตัวลงประกบริมฝีปากหนาหยักได้รูปลงบนเรียวปากอิ่มสีชมพูหวาน ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงตะลึงกับสัมผัสนุ่มละมุนที่ผละไปอย่างรวดเร็ว
หัวใจเต้นโครมคราม ทว่าเธอก็มีสติมากพอดุ “หมอไอ!”
“ครับ... ที่รัก เรียกทำไมครับ?” คนถามกลับหัวเราะเบา ๆ มองคนตัวเล็กทำแก้มป่องด้วยแววตาเอ็นดู
“หมอทำแบบนี้อีกแล้วนะ...” เธอพูดแล้วยกมือขึ้นแตะริมฝีปากร้อนผ่าว ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินอาด ๆ หนีไป ปล่อยให้คนถูกขโมยจูบได้แต่คาดหวังบางอย่าง ในเมื่อเธอไม่เคยจูบใครจนอายุปูนนี้!
กระทั่งสิ้นสุดทางเดินยาวของสะพานไม้สีแดง มีบันไดไล่เรียงไปถึงจุดชมวิว ยังมีบันไดลงไปอีกราวห้าสิบเมตร ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าอยู่หันหลังกลับมาบอก
“ทางมันชัน บันไดตั้ง 180 ขั้น ขาคุณเพิ่งหายแพลงเองอย่าไปเลย... ไม่อยากลงไปด้วยอ่ะ” ในน้ำเสียงอ่อนลง นอกจากขั้นบันไดมากมายในทางแคบและสูงชัน คงไม่มีสัตวแพทย์คนไหนอยากลงไปดูสุสานช้าง...
น้ำตกที่มีหน้าผาสูงชัน จำนวนห้าชั้นแห่งนี้มีช้างป่าตกหน้าผาลงไปตายอยู่เสมอ ถึงในปัจจุบันจะมีการสร้างแนวคันปูนเป็นระยะ เพื่อป้องกันอันตรายไม่ให้ช้างป่าพลัดตกลงไปตายอีก
หญิงสาวลอบมองวงหน้าหล่อเหลาดูเศร้าหมองต่างจากเมื่อสักครู่ ก้มหน้าลงดูผ้าพันแผลที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าผ้าใบสีดำสนิท ก่อนจะทอดถอนหายใจ ด้วยว่าสภาพขาของเธอคงไม่สามารถไปชมความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกในฤดูฝนมีน้ำมาก ละอองน้ำสาดกระเซ็นสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นสายรุ้งอย่างงดงาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปหรอก ฉันขี้เกียจเดินละ ไปหาร้านนั่งกินกาแฟ ถ่ายรูปสวย ๆ ดีกว่า” เธอตอบอย่างว่าง่ายเสียจนคุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้า
เพราะกำลังคิดอยู่ว่ายัยคุณหนูเอาแต่ใจควรจะตีโพยตีพาย ดันทุรังลงไปให้ได้ แต่ก็ไม่เลย เธอแค่เลิกตื่นเต้นกับมันไปเฉย ๆ เดินกลับไปในทางที่มา จากนั้นก็บอกแค่ว่าไม่อยากให้เขาไม่สบายใจเรื่องม้าหรือช้างตาย
แค่นั้นก็สั่นคลอนหัวใจชายหนุ่มอย่างรุนแรง จนเขาต้องหลับตาลงสะบัดศีรษะเพื่อพยายามสะกดกลั้นความปรารถนา...
กว่าจะกลับมาถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ใช้เวลาเดินอยู่เล็กน้อย อากาศโดยรอบเย็นสดชื่นเลยไม่ทำให้เสียเหงื่อมาก ผู้ชายตัวโตที่สวมเชิ้ตมาเสื้อเปียกชุ่มขึ้นรถแล้วก็ปรับแอร์แรงสุดขณะนั่งพักเอาแรงในรถ
“หมอไอร้อนหรือคะ? ฉันว่าอากาศกำลังสบาย ๆ ดีออก”
“ร้อนสิ ผมใส่เสื้อเชิ้ตทำงานมาเนอะ” คนพูดเขย่าคอเสื้อ รู้สึกร้อนเพราะอย่างอื่นมากกว่า มันคงไม่เกี่ยวกับเสื้อหรือสภาพอากาศ แต่ก็เข้าทางเขาอยู่พอดี ขณะที่ดวงตาคู่สวยหยุดลอบมองเสื้อเปียกชื้นที่เผยให้เห็นกล้ามเป็นมัด ๆ ชัดเต็มสองตา เออออตาม
“ออ... ก็ไม่ใส่เสื้อโปโลมาแต่แรกนี่คะ ข้างในเขาก็ไม่ได้ว่าซะหน่อย”
“นั่นสิ... สงสัยว่าผมจะลืม” ตอบพลางส่งแววตาเป็นประกายวิบวับให้คนข้าง ๆ กันลอบกลืนน้ำลายลงคอ เขาหยุดความคิดบางอย่างลงในรอยยิ้มมีเลศนัย เปิดประตูลงไปหยิบเสื้อยืดในท้ายรถกลับมาตัวหนึ่ง...
“ผมว่าจะเปลี่ยนเสื้อซะหน่อย”
“อ้อ... โอเคค่ะ งั้นฉันเอ่อ... ลงไปรอ” เสียงหวานละล่ำละลักพูดอย่างเก้อเขิน มือจับที่เปิดประตูรถได้ก็ดึงมันออก แต่มันก็ล็อคกึก! และดังอีกครั้งเมื่อเธอเลื่อนปลายนิ้วไปแตะเพื่อเปิดมันอย่างลนลาน
“นั่งรอนี่แหละ จะลงไปรอข้างนอกทำไม? มาเดทกับแฟนทั้งที เรื่องแค่นี้ผมไม่ถือ” ในท่าทางมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกิน...
คราวที่แล้วหลอกให้เธอเอาปากมาแตะกันครั้งหนึ่ง... รอบนี้เขาจะเอาอะไร?
มือหนาปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนวงหน้าหล่อเหลาที่ยังลอบมองแก้มขาวผ่องค่อย ๆ กลายเป็นสีแดงฉ่ำ เบือนหน้าไปทางกระจกเพื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ให้เวลาเขาอยู่สักพัก
ในความเงียบของเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบพากลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ มากับเสื้อยืดสีขาวสะอาด อริสาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายตัวเหม็น ยังมีแผ่ฟีโรโมนดึงดูดชะนีได้เป็นโขยง! เธอรอจนกระทั่งทนไม่ไหว
“เอ่อ... เสร็จหรือยังคะ?”
ไม่มีคำตอบจากคนที่ทำนวยนาดหรือทำอะไรอยู่สักอย่าง
“หมอไอเปลี่ยนเสื้อเร็ว ๆ หน่อย นี่...!”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่ออุณหภูมิร้อนวาบวิ่งผ่านแก้มพร้อมเสียงจากปลายจมูกโด่งเป็นสันคมฉกหอมไปฟอดใหญ่ ก่อนที่เธอจะหลุบตามองตามวงหน้าคร้ามคมลอบยิ้มเจ้าเล่ห์
“เสร็จแล้วครับ ที่รัก...” ตอบพลันถอยห่างจากแก้มนุ่มหอมที่คงติดตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำไปอีกนาน โดยไม่ละวางตาจากหญิงสาวซึ่งพยายามก้มหน้าลงซุกซ่อนใบหน้าแดงก่ำด้วยท่าทีเขินอาย