Chapter 18

1620 คำ
Chapter 18 หัวใจของเธอกระตุกวูบ กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันบ่อย ๆ อีก ก่อนจะตอบ “ค่ะ... ฉันว่าจะเข้าไปถามอยู่พอดี หมอบอกพี่ ๆ เขาว่ามาได้เลยค่ะ ยกเว้นหมอ...” ปลายนิ้วอีกข้างจิ้มลงกลางอกกว้างครั้งหนึ่งเป็นเชิงปราม คนที่บังเอิญไปได้ยินอะไรเข้าตอนลุงเกษมพาเขาไปพบเจ้าของฟาร์มและเห็นเข้าว่าทั้งสองคนกำลังทะเลาะกัน เลยถามซื่อ ๆ “ทำไมล่ะ? เพราะหมอเป็นตัวประกอบเหรอ” “หมอไอรู้ได้ไง?” “หน้าต่างมีหูมั้ง เอ๊ะ หรือว่า... ผู้กำกับอาจจะบอกมา” อริสายิ้มไม่ออกกับคำหยอกล้อเหมือนเคย เพียงใบหน้าดุดันของพ่อผุดเข้ามาในหัว “แอบฟังอยู่ล่ะสิ ถ้าได้ยินแล้วก็ดีค่ะ จะได้อยู่ห่างหน้าห่างตาพ่อฉันไว้ เพราะฉันไม่อยากเสียมารยาทไล่หมอไอ... ปล่อยมือฉันได้แล้ว” พูดพลางพยายามดึงมือออกครั้งหนึ่งแต่ก็ถูกยื้อเอาไว้ ด้วยแรงกระตุกเบา ๆ ซึ่งเธอรับรู้ได้ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อย ยังสอดประสานแต่ละนิ้วเข้าหา หงายขึ้นมองหลังมือขาวเนียน ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา “เฮ้อ... ทำไมผู้หญิงจะทำอะไรก็ไม่ผิด... ทีผมทำไม่ได้? มันไม่ใช่การคุกคามทางเพศนะ ผมกำลังเรียกร้องความเท่าเทียม” “หมออยากถูกนายหัวฟาร์มม้าฆ่าหมกฟาร์มหรือไงคะ?” “ดีครับ... ผมจะได้เป็นผีหมอ... หมอผี ได้อยู่กับอริสทุกวัน...” ยิ่งพ่อเธอไม่ชอบขี้หน้า เขาคิดว่าเป็นผีคงจะดี ส่งยิ้มกว้างหวานให้ถูกว่า “พิลึกคน... จะไปลาพ่อฉันก็เข้าไปได้แล้วค่ะ” “ครับ...” เขาตอบ ยอมปล่อยมือนุ่มนิ่มอย่างนวยนาด เพื่อเดินตามเธอไป พอดีกันกับคุณเอ๋ คุณบุษ และสัตวแพทย์อีกคนเข้ามาลาเจ้าของฟาร์ม แต่ดูเหมือนว่านายพิภพจะออกไปก่อนหน้านี้ คลาดกันกับพวกเขาไม่นาน ต่างคนจึงต้องแยกย้ายกันไป เหลือแค่สองหนุ่มสาวที่ยืนมองหน้ากันอยู่ครู่ หน้าบ้านหลังใหญ่โตท้ายฟาร์มที่มีลมเย็น ๆ พัดผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าทั่วทั้งบริเวณไหวปลิวเป็นจังหวะ ตามธรรมชาติของมัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในใจหญิงสาว ไม่มีเหตุผลอะไรมาก ขณะที่ดวงตารุ่มร้อนคู่นั้นมักจ้องมองมาเป็นระยะ และก็คงจะไม่ใช่แค่เธอที่เห็นว่ามันแปลก เจ้าที่รักยังนั่งทำหน้าสงสัย หลังจากที่มันเพิ่งเดินเหยาะแหยะมาด้วยเท้าทั้งสี่ข้าง เตรียมพร้อมติดสอยห้อยตามเจ้านายไปทุกที่ในฟาร์ม “คุณอริสา...” ในน้ำเสียงอ่อนโยนทว่าจริงจัง ร่างสูงยืนอยู่ข้าง ๆ กันหันไปประจันหน้าหญิงสาวที่เชยคอขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย วงหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูค่อย ๆ โน้มลงกระซิบข้างหูทีละคำ “มาเป็นแฟนพี่หมอไหมครับ?” คำถามนั้นพาใจเต้นโครมคราม อริสากะพริบตาปริบ ๆ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาถอยห่างออกไป เปรยยิ้มให้ “บ้า... พูดอะไรน่ะ?” “ผมพูดจริง อริสชอบผม ผมก็ชอบอริส ถ้านับตั้งแต่ผมวันที่ผมแอดไลน์ไป เราคุยกันสามอาทิตย์แล้วหรือเปล่า?” คนถามกำลังนึกถึงข้อความแชทนอกเหนือจากการถามสารทุกข์สุกดิบ ก็แทบจะคุยกันทั้งวัน เขาพูดเรื่องนี้อยู่หลายครั้งแต่เจ้าตัวยังไม่ให้คำตอบสักที “ไม่รู้... ฉันไม่เคยมีแฟน เป็นแบบนี้แหละ ดีแล้ว” “อริสมาเป็นแฟนพี่เถอะ... พี่จะกลับบ้านแล้ว มาคิดถึงบ่อย ๆ ไม่ได้นะ” ได้ยินคำว่า ‘พี่’ เท่านั้นแหละ เธอก็คงหุบยิ้มไว้ไม่อยู่ถึงปากว่าอีกอย่าง “ใครคิดถึงหมอกัน? ผู้ชายอะไร ขี้มโนจริง” แก้มแดงฉ่ำเสียขนาดนั้น เจ้าที่รักไม่ค่อยจะได้เห็นเจ้านายยิ้มบ่อยนักยังเห่าเสียงดัง ไอศูรย์ลอบยิ้มอยู่ไม่นานก็โน้มตัวลงคว้ามือนุ่มนิ่มอีกครั้ง จับจูงให้เดินตามเขาไป จนกระทั่งถึงรถกอล์ฟที่ลุงเกษมนั่งรออยู่ เธอถึงได้ถาม “จะไปไหนคะ?” “พาแฟนโดดงาน” “ใครเป็นแฟน...? อะไรของหมอเนี่ย ฉันไม่ได้รับปากอะไรกับคุณเลยนะ” ไม่ได้เป็นแฟนแต่ยอมให้เขาจูงมือเนี่ยนะ! เขาไลน์มาก็ตอบไว้ไว! ว่าตัวเองอยู่ในใจ ขาก้าวตามคนข้างหน้าขึ้นรถกอล์ฟ ด้วยความตั้งใจว่าจะไปส่งพอเป็นมารยาท ขณะที่อีกคนไม่ได้คิดเหมือนเธอเลย เขามีเรื่องสำคัญจะบอกถึงได้มาหาแต่เช้า “ผมต้องไปอุทยานแห่งชาติฯ ไปทำงาน แต่ว่าคงไม่นาน เจ้าหน้าที่เขาวานไปดูม้า ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ ฟาร์มปิดนี่” “อ้าว... ไหนบอกจะโดดงานไงคะ?” อริสายังอุตส่าห์ทักขึ้นมา เธอตั้งใจว่าจะได้พาเจ้าที่รักไปเที่ยวด้วยกันเหมือนทุกวัน แต่ถ้าเป็นอุทยานแห่งชาติฯ ไม่มีที่ไหนอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปอยู่แล้ว เจ้าที่รักเข้าใจคำว่า ‘เที่ยว’ และ ‘ไม่’ เป็นอย่างดี ทำตาละห้อยมาเจ้านายสาว ก่อนจะเอาหัวซบตักด้วยท่าทางน่าสงสาร เธออีดออดตอบ “ทำไมไม่บอกฉันก่อน ฉันมีธุระตั้งเยอะแยะ หมอไอนี่นะ... ว่างมากรึไง?” “วันหลังค่อยพาเจ้าที่รักไปที่อื่น วันนี้ไปเที่ยวกันนะ เจ้าหน้าที่ที่วานให้ผมไปคนนี้เก่งเรื่องม้ามาก คุณน่าจะได้ข้อมูลอะไรดี ๆ” “ไม่ใช่ว่าหมอจะหลอกนักสัตวศาสตร์เก่ง ๆ อย่างฉันไปใช้ประโยชน์เหรอ?” ถามอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ดูเหมือนว่าความมั่นใจเหล่านั้นจะหายไปไม่มีเหลือ หัวใจดวงน้อยพลันบีบตัวรุนแรงทันทีที่สบเข้ากับรอยยิ้มอบอุ่นจากริมฝีปากหนาหยักได้รูปอมชมพู หัวดันคิดไปถึงจูบ...! สัมผัสนุ่มนวลที่แค่เอาปากแตะกันคงนับเป็นจูบไม่ได้อย่างเจ้าตัวบอก แต่เธอดันเก็บเอาไปนอนฝันเสียนี่ “ผมจะไปหลอกอะไรอริสล่ะ ไปนะ... คุยกันทุกวัน ยังไม่เคยไปเที่ยวไหน พนักงานในฟาร์มเขากลับบ้านกันหมด เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนเอง เจ้าของก็ต้องว่างสิ” คนฟังเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าเขารู้ได้ไงว่าเธอว่าง... จนสังเกตเห็นรอยยิ้มของอีกคนผ่านกระจกมองหน้า ชายวัยหกสิบคนนี้เรียกได้ว่ามองตาก็รู้ใจ “ไปเถอะครับ ลุงไม่บอกนายหัวหรอก” ความเป็นเจ้านายเงียบขรึมของอริสาสูญสลายไปกับอากาศ เธอแค่เชิดหน้าเชิดตาบอก “เอ้อ... งั้น... ฝากที่รักด้วยนะลุงเษม” “ครับ ไปเดท เอ๊ย...! ไปเที่ยวให้สนุกนะครับ คุณอริส กลางป่ากลางเขานี่แหละ โรแมนติกสุด ๆ” สารถีประจำตัวย้อนคำที่เจ้าตัวเคยบอกคราวเป็นแม่สื่อให้พ่อ ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่พอถูกมองค้อนตาเขียวเข้า ทั้งคุณหมอหนุ่มและนายสารถีถึงได้เงียบกริบ อมยิ้มไปตลอดทางจนถึงบ้านพักติดคอกม้า สัตวแพทย์หนุ่มอาสานำรถบีเอ็มดับบลิวของตัวเองไป ไม่ปล่อยให้หญิงสาวทำหน้าที่คนขับรถเหมือนคราวก่อน ยังไม่ลืมแวะร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อขนมปัง ขนม และน้ำผลไม้ไว้ให้คนบนรถรับประทานไประหว่างทาง ด้วยจำได้ว่าบางคนตั้งหน้าตั้งตาเถียงพ่อจนไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้า ระยะทางจากปากช่องไปอุทยานแห่งชาติฯ ประมาณสามสิบกิโลฯ ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมง คนที่บอกว่า ‘มีธุระตั้งเยอะแยะ’ ในทีแรก หยิบโทรศัพท์โทรหาผู้จัดการฟาร์ม เพื่อทำงานทางช่องทางออนไลน์แทน ตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์งานจุกจิกในแท็บเล็ตเครื่องเล็กจนเสร็จ โดยไม่พูดไม่จากับเขาเลย กระทั่งมาถึงถนนโล่งยาวสุดตา สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม หมอกขุ่นมัวปกคลุมอยู่เป็นระยะ ในช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาว “หมอไอน่าจะบอกล่วงหน้าหน่อยว่าจะมาเที่ยว ไม่ได้เอากล้องมาเลยเนี่ย” เธอบ่นอย่างนึกเสียดาย เพราะถ้าหากเป็นงานเที่ยวไม่ว่าตอนอยู่สวิสเซอร์แลนด์หรือที่อื่น มักจะมีกล้องคู่ใจติดมาด้วย “ผมมี... เอาของผมไปใช้ก่อนสิ เหมือนกันแหละ” “ครีมกันแดด แว่นตา เสื้อผ้าไว้เปลี่ยนสักชุดก็ไม่มี” “มี... อยู่ข้างหลัง บนเบาะน่ะเห็นไหม? แต่เสื้อผ้าผู้หญิงคงไม่มี เรื่องเยอะจริง เดี๋ยวผมเสร็จธุระ จะไปหาซื้อให้นะครับ” ตั้งแต่รู้จักกันมาเขายังไม่เคยหงุดหงิดใส่เธอเว้นคราวนี้ แต่แทนที่อีกคนจะไม่พอใจเขา กลับทำเฉยเสีย ชะเง้อคอมองของที่วางอยู่จึงปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้ถูกว่า “นี่... ถนนมันทางยาว คาดเบลท์ก่อน ไว้ค่อยเอาได้ไหม?” เหมือนว่าเขาจะรู้จักลูกคุณหนูอย่างเธอน้อยไป อริสาก็เป็นแบบนี้ ในน้ำเสียงวางอำนาจว่า “ไม่... ฉันจะเอากล้องตอนนี้ ฉันจะถ่ายรูปค่ะ” นั่นทำให้คุณหมอหนุ่มต้องปล่อยคันเร่งลงช้า ๆ จากที่เหยียบมาเกินร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ร่างบางพยายามเอื้อมไปหยิบของข้างหลัง ยันหัวเข่าไว้บนที่เก็บของกลางรถบีเอ็มดับบลิวสีขาวที่ยังแล่นฉลิวไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม