Chapter 17

1515 คำ
Chapter 17          “อริส... ลูกเจ็บขาทำไมไม่บอกพี่เต ให้พี่เขาพาไปหาหมอในเมือง ไปหาไอ้หมอหมาทำไม หน้าตามันไว้ใจได้ที่ไหน? พ่อเคยบอกใช่ไหมว่าเราเป็นผู้หญิงต้องระวังตัว”            น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พิภพตั้งใจจะคุยเรื่องนี้มาหลายวัน ก่อนได้โอกาสเปิดประเด็นบนโต๊ะรับประทานอาหารที่มีเพียงเขาและลูกสาวตามลำพัง หลังจากที่แขกทั้งสองคนเพิ่งขอตัวลากลับบ้านไปจัดการธุระประปรัง             “หนูไม่เข้าใจว่าหน้าตาหมอไอไว้ใจไม่ได้ตรงไหน แล้วพี่เตมันเป็นคนทำขาหนูเจ็บ หนูจะไปหามันทำไม? หมอไออยู่ในฟาร์มใกล้กันแค่นี้ หนูไปหาเขาดีกว่าไหม?”            “แต่มันเป็นหมอหมา ลูกเป็นคนหรือหมา...?”            คำถามเรื่องหมา ๆ แมว ๆ ทำให้เธอต้องพยายามเก็บอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในสีหน้าเรียบเฉย เหลือบตาขึ้นจากสลัดผักจานโตที่พร่องไปเล็กน้อย “พ่อไม่ควรเรียกหมอไอแบบนั้น เขาช่วยรักษาม้าเรานะ ลองถ้าไม่ใช่หมอไอใครจะมา”            “หมอกรุงเทพฯ เพิ่งมาอยู่ใหม่ จะไปรู้เรื่องนักธุรกิจขัดแข้งขัดขากันได้ยังไง อาจารย์นิธิบอกให้มันมา ยังไงมันก็ต้องมา แต่พ่อว่า... มันมาเพราะตั้งใจมาจีบลูกสาวพ่อ” ใบหน้าหล่อเหลาที่มีร่องรอยเล็กน้อยหนีวัยไปมากแผ่รังสีอำมหิต เพียงนึกถึงหน้าตาระรื่นของไอ้หมอตอนเข้าไปฟาร์มม้า ยิ่งลูกสาวออกตัวปกป้องคนแปลกหน้าแทนที่จะเชื่อฟังพ่อ            “ถ้าเขามาเพราะจีบหนู เขาคงไม่จำเป็นต้องเฝ้าม้าดึก ๆ ดื่น ๆ ให้คุณเอ๋ คุณบุษ หรือหมอคนอื่นทำก็ได้ พ่ออคติกับหมอไอเพราะตัวพ่อเองมากกว่า”            พิภพหัวเราะเบา ๆ อย่างเสแสร้ง “เปล่าเลยลูก... พ่อเนี่ยนะจะไปอคติอะไรหมอ? พ่อกำลังคิดว่าลูกชอบมันเพราะเรื่องม้ากับหมา”            ดวงตาสีนิลสนิทหรี่เล็กลงมองแววตาสั่นไหวของลูกสาวที่สะบัดแก้มแดง ๆ หนียังก้มหน้าก้มตาเถียงกับสลัดในจานต่อได้            “พ่อพูดเรื่องอะไร? หนูว่าเราคุยกันเรื่องงาน เรื่องฟาร์มดีกว่า พ่อจะเอายังไง จะมาคุยเรื่องหมอไอทำไม?”            “พ่อต้องคุยเรื่องไอ้หมอหมานี่สิว่ามันยังไง เรื่องย***ามันเป็นธุระของตำรวจฝ่ายคดียาเสพติด”            เบื้องลึกในจิตใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยโทสะ เมื่อคำเรียกหมอผู้มีพระคุณสลับที่กันจาก ‘หมอไอ’ เป็น ‘ไอ้หมอ’ บางคนยังเติมหมาให้ด้วย ทั้งที่เขาเป็นหมอม้า! มือเรียวกำส้อมในมือแน่นก่อนจิ้มฉึก! เข้ามะเขือเทศเสี้ยวหนึ่งระบายอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเค้นน้ำเสียงเย็นยะเยือกอธิบายช้า ๆ ชัด ๆ            “มันเป็นเรื่องของเจ้าของฟาร์ม... ที่ควรจะต้องจ้างหัวหน้างานฝ่ายบุคคลใหม่ให้รับคนดี ๆ เข้ามาทำงาน ตรวจสอบประวัติพนักงานให้ละเอียด ไม่ใช่รับไอ้ขี้ยามาสร้างความเดือดร้อนให้ฟาร์มต้องปิดตั้งหนึ่งเดือน ตีเป็นมูลค่าความเสียหายกี่ล้าน ฟาร์มขาดทุนเท่าไร ใครรับผิดชอบไหม? เรื่องคุณหมอไอศูรย์ ไม่เกี่ยว...”            “ไม่เกี่ยว... แล้วลูกไปหามันทำไม?”            “หนูไปดูม้า ไปตรวจงานตามปรกติ หนูไม่ได้ไปแค่คอกม้า หนูไปทุกที่ในฟาร์ม” สิ้นสุดคำพูดนั้น เธอก็คงจะทนไม่ไหว ส้อมในมือถูกวางบนจานอย่างเบามือ รีบลุกจากเก้าอี้จนเกิดเสียงครืดคราดดัง            “อริส... ลูกจะไปไหน? พ่อยังคุยกับลูกไม่จบ”            ‘ฉันยังคุย... กับพี่ไม่จบ! พี่ภพ... พี่จะไปไหน?’            เสียงแหบ ๆ ของแม่ที่สุขภาพทรุดโทรม ไอค่อกแค่กตลอดเวลายังมีแรงตะเบ็งใส่พ่อ ซ้อนเข้ามาในโสตประสาทพร้อมความเคียดแค้นระลอกหนึ่ง แม้ว่ามันจะผ่านมาถึงสิบห้าปี ไม่มีวันไหนที่เธอจะลืม...            พ่อไม่ได้ตั้งใจ...            อริสาพยายามเข้าข้างตัวเองมาตลอด ในสมัยที่แม่เอาแต่พูดเรื่องเดิม ๆ ไม่ว่าสักกี่ร้อยครั้งให้พ่อเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งพ่อก็เลิกมันได้ในวันที่คนอ้อนวอนขอร้องไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว น่าเสียดายที่สุด... คือแม่ไม่ได้พาเธอไปด้วย            หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสองชะงักนิ่ง ความทรงจำอันพร่าเลือนผุดวาบขึ้นมา เพราะคำพูดของตัวเขาเองเมื่อสักครู่ บรรยากาศอันน่าอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ทว่าพอคนลูกหมุนกายจากไป เขาลุกพรวดตามไปคว้ามือนุ่มไว้            “อริส... ฟังพ่อก่อน คุยกับพ่อก่อน ค่อยไปนะลูก”            ในน้ำเสียงอ่อนโยนลง ลูกสาวหันกลับมาอีกครั้ง เพื่อลองตั้งใจฟังพ่อ... เอ่ยด้วยแววตาเว้าวอน            “เตชินกับลูกเหมาะสมกันจะตาย ขนาดแม่ยังบอกกับพ่อว่าลูกกับเตชินเหมือนพระเอกนางเอกในละครที่แม่ชอบ ลูกจำได้ไหม?” ก้อนแข็งจุกตันคอทำให้เขาเงียบไป พิภพกะพริบตาถี่ ๆ ยามนึกถึงภรรยาในวินาทีสุดท้ายก่อนลาจากโลกไป ก้มหน้าลงมองมือทั้งสองของตนที่กุมมือเล็กไว้...            มันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับลูกสาวที่จะเข้าใจ แต่เขาจะพยายามอย่างเต็มที่            “นางเอกเจ็บขา ก็ต้องให้พระเอกดูแล พาไปหาหมอ... แต่หมอมันคือตัวประกอบ ตัวประกอบมันแค่ผ่านฉากมา สุดท้ายแล้วยังไงนางเอกต้องกลับไปหาพระเอกอยู่ดี พ่อเชื่อนะว่าแม่อยากให้เรากับเตชินแต่งงานกันเหมือนพระเอกนางเอกที่แม่ชอบ ลูกเก็บเรื่องนี้ไปคิดหน่อยได้ไหม?”            ‘พระเอกนางเอก’ แม่เคยพูดเรื่องนั้นขึ้นมาด้วยเห็นเด็กน่ารักสองคนในชุดบ่าวสาวตัวน้อย ไม่ได้คิดจริงจังอะไรเลย มันเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเธอมากที่สุด อริสากลอกตาไปมา... ก่อนจะหัวเราะประชด            “ใช้ได้นะ... พล็อตละครพ่อ อย่าลืมส่งไปให้ผู้กำกับละครล่ะ เข้ากลุ่มนักเขียนนิยายด้วยท่าจะดี” แล้วยกมือขึ้นตบบ่าผู้ชายตัวโตที่กำลังทำหน้าตาละห้อยมองเธอด้วยสีหน้าสิ้นหวัง เพราะแผนการไม่สำเร็จแล้วยังได้รับกำลังใจแทน            “ขอให้ละครปัง ๆ นิยายขายดิบขายดี เทน้ำเทท่าเลยนะพ่อ หนูขอตัวไปเคลียร์งานก่อน”            พูดพลันดึงมือออกจากมือของพ่ออย่างดื้อดึง เดินหนีไปไว ๆ            พิภพที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้แต่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า มองตามแผ่นหลังบางลับตาอย่างหงุดหงิดใจ ชักเหม็นขี้หน้าไอ้หมอหมา! ก่อนที่เขาจะตัดสินใจยกสายหาเลขาฯ คนสนิท ออกคำสั่งอย่างเร่งเร้า            “คุณกล้า ผมต้องการข้อมูลของคนคนหนึ่งแบบละเอียดยิบยันบ้านเลขที่ เรียนที่ไหนจบปีอะไร ประวัติตั้งแต่เกิด คุณจะไปจ้างนักสืบเอกชนหรืออะไรยังไงก็ได้ ขอให้ผมเร็วที่สุด ผมจ่ายพิเศษ”            ทางด้านอริสาปลีกตัวจากพ่อได้ แทบวิ่งออกจากห้องรับประทานอาหาร เธอหลงนึกดีใจว่าพอป้าขวัญกับเตชินกลับไปแล้วคงไม่มีเรื่องกวนใจ ตอนนี้ดันมาปวดหัวเพราะพ่อจะต้องทำอะไรสักอย่างแน่            ก็เพราะอย่างนี้... ลูกสาวคนสวยของนายหัวฟาร์มม้าถึงได้ไม่มีแฟนสักคนกับเขาสักที            ร่างบางในกางเกงยีนพร้อมลุยงานในฟาร์มเช่นทุกวัน คว้ารองเท้าผ้าใบสีดำสนิทจากตู้วางรองเท้าขนาดใหญ่เข้ากันกับบ้านสไตล์คันทรี่ นั่งยองลงขมวดปมเชือกไว้ด้วยกัน ก่อนที่ปลายนิ้วจะหยุดกึก... “อริส...” เสียงกระซิบเรียกจากข้างหลังพาสีหน้าเรียบเฉยของหญิงสาวตื่นตะลึง มองขวับตามเจ้าของร่างสูงชะโงกหน้าผ่านประตูไม้ลายฉลุที่แง้มเอาไว้ ก่อนที่เธอจะลุกพรวดดึงมือเขาออกจากบ้านในทันที คุณหมอหนุ่มเลยได้แต่ทำหน้างง แต่ก็ยอมเดินตามไป ถึงข้าง ๆ ตัวบ้านที่ลับตาคนสักหน่อย “หมอไอ... มาถึงนี่ได้ไงคะ?” เธอหยุดถาม ชะเง้อคอมองซ้ายขวาว่าไม่มีใครแน่ ยังไม่ปล่อยข้อมือที่กำไว้ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มหวาน “คิดถึงคนแถวนี้ ไลน์ไปไม่ตอบ ผมเลยมาหา...” แก้มขาวนวลเห่อร้อนขึ้นอีกรอบ อริสายืนอยู่ในฝั่งตรงข้ามกันกับเขา หลุบมองคุณหมอหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มดูเรียบร้อยดี โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามือที่จับอยู่เข้าไปอยู่ในมือของอีกคน เขากุมมือเล็กแผ่วเบา “ทีมสัตวแพทย์บางคนเขามีงานนอกยุ่ง ๆ งานที่คลินิกอาจารย์ก็เยอะ เขาเก็บกระเป๋ากันหมดแล้วครับ ว่าจะผลัดกันเข้ามาดูม้าบางตัวที่มันยังไม่แข็งแรงเท่าไร ตั้งใจมาลาเจ้าของฟาร์มกันน่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม