Chapter 15
บ้านพักแบบท้องถิ่นทิวเขาต้นไม้ผสมผสานแนวโมเดิร์น เน้นความกลมกลืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้ากันดีกับความเป็นชนบทได้อย่างสวยงามลงตัว
สัตวแพทย์และผู้ช่วยทุกคนทำงานอย่างหนัก ผลัดกันเฝ้าม้าป่วยตลอดคืน รุ่งเช้ามาต่างคนสะดวกทิ้งกายเหนื่อยล้าตรงไหนก็นอนตรงนั้น บ้างห้องรับแขก ห้องนอน หรือแม้แต่เก้าอี้ม้านั่งข้างบ้านพัก
เป็นผลัดของคุณหมอหนุ่มที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ร่างสูงในสภาพเสื้อยืดสีดำ กางเกงสี่ส่วนสบาย ๆ นอนทอดกายอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว มีแสงอรุณสาดส่องไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าคอกม้า แต่ละตัวมีอาการดีขึ้นตามลำดับ เขาคลุมหน้าไว้ด้วยผ้าเย็นฉ่ำจากตู้เย็นในห้องพัก
พอเสียงหญ้าดังกรอบแกรบ ฝ่าเท้าคู่หนึ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ วงหน้าหล่อเหลาจึงเหยียดยิ้มอย่างรื่นรมย์
“หมอไอคะ?”
“ว่าไงครับ?” ถามไว ๆ ขณะที่หญิงสาวนั่งลงราบกับพื้น หลังเดินกระย่องกระแย่งมาตามสภาพ อริสาตั้งใจมาดูหน้าหล่อ ๆ สักหน่อย พ่อคุณดันปิดหน้าปิดตามิดชิด
“ทำไมมานอนตรงนี้ ม้าดีขึ้นตั้งเยอะแล้ว ไปนอนสบาย ๆ ข้างในบ้านเถอะค่ะ”
“ผมนอนเฝ้าเจ้าตัวอายุน้อย สองตัวนั้นอยู่ มันไม่แข็งแรงเท่ารุ่นพี่ อืม.. กำลังรอค่าจ้างอยู่ด้วย ไม่มีแรงทำงานเลย”
เสียงทุ้มที่ลอดผ่านผ้าผืนบางนั้นชัดเจน ความสงสัยบนใบหน้าหวานมาดหมายไปยังคุณหมอหนุ่มอย่างไม่ได้คิดเอาความเสียมารยาทที่เขาทวงถามเรื่องเงินกับลูกสาวเจ้าของรีสอร์ตฟาร์มมูลค่ากว่าร้อยล้าน เธอไม่เข้าใจเขาเพราะดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่ผู้ชายขี้งก จึงถามไปตามตรง
“หมอไอจะให้ฉันโอนเข้าบัญชีหรือว่ายังไงดีคะ รวมค่าเหล้าที่พย็องซังด้วยทีเดียวเลยไหม?”
“ไม่อยากได้เงิน... เบื่อเงิน” เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไอศูรย์กำลังคิดอยู่ว่าตัวเองต้องการอะไรกับสิ่งที่พูดไป นอกจากแก้มแดงฉ่ำที่เขานึกอยากเห็นมันขึ้นมา
“แล้วหมอไอจะเอาอะไรคะ? ฉันยังนึกไม่ออกเลย ชีวิตม้าหกตัวสำหรับฉัน มันตีเป็นราคาไม่ได้อยู่แล้ว”
“คุณอยากให้อะไรล่ะ? ผมไม่เอาเงิน บ้านผมรวย...”
หมอบอกว่าบ้านรวย! อริสาถึงกับนิ่งอึ้งไปเพราะคงเอาใจเขาไม่ถูก ขณะที่มือหนาเลื่อนผ้าสีขาวสะอาดวางไว้บนอก เพื่อหันคอมองไปทางเจ้าของใบหน้าสดสวย
“ผมจะรอตรงนี้”
“รอ... อะไรคะ? ฉันเริ่มจะงงแล้วนะหมอ” เธอถามอย่างไว้จริตหญิงไม่ให้เกินงาม แล้วใช้ความคิดดูอีกครั้งหนึ่ง
คุณหมอไอศูรย์ไม่ทำตัวเป็นหมอกับเธอเลย ยังเปิดเผยเจตนาโจ่งแจ้งว่า ‘จีบได้ไหม?’ ยิ่งเมื่อคืนนี้ พอแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาก็เริ่มแทนตัวเองว่า ‘ผม’ เซ้าซี้ถามเรื่องเดิมไม่รู้กี่รอบจนมาถึงหน้าบ้านนั่นแหละ
มันทำให้เธอพอจะนึกออกได้เรื่องหนึ่ง... ดวงตาคู่กลมโตหลุบมองเรียวปากหนาหยักได้รูปชุ่มชื้น
จูบรึ? สมองน้อย ๆ ของคนไร้ประสบการณ์ทางด้านความรักคงคิดได้เท่านี้ อริสาไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถ้าไม่ใช่ชอบเขา เธออายุยี่สิบเจ็ดแล้วนะยะ! ไม่ใช่เด็กน้อยวัยใส
อย่าว่าแต่ตอนเป็นเด็กน้อยเลย แค่เจ็ดขวบเด็กหญิงอริสายังตามตื๊อขอผู้ชายแต่งงานทุกวัน ถึงโตมาเธอจะกลายเป็นพวกตายด้านกับความรักก็เถอะ
จะรออะไร... เธอน่ะได้กำไรเต็ม ๆ !
คิดเท่านั้น วงหน้างามพริ้มพรายค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปหาคนที่เอ่ยปากว่ารอ...
เป็นเสี้ยววินาทีที่ดวงตาคู่เรียวคมไม่กะพริบสักครั้ง ยามเรียวปากอิ่มงามเคลือบด้วยลิปสติกสีสวยโทนอ่อนธรรมชาติเข้ามาใกล้ ๆ เชิญชวนให้ชิมชมเป็นเจ้าของดูว่าจะหอมหวานปานไหน
ทันใดนั้นเอง แรงกระแทกหนัก ๆ ของเท้าปุกปุยกลางอกแกร่ง ทำเอาเจ็บจุกจนหน้าตาเหยเก สองหนุ่มสาวถอยห่างจากกัน
“โฮ่ง! โฮ่ง!” ส่งเสียงทักทาย ลิ้นเปียกชุ่มจึงเริ่มกวาดเลียวงหน้าหล่อเหลา ตามสัญชาติดิบเถื่อนของโกลเด้นรีทรีฟเวอร์วัยกลัดมัน
“ที่รัก..! ลงมานี่ลูก อย่าแกล้งหมอไอ” ดุไปก็เท่านั้น วันนี้เจ้าที่รักคงเกิดอารมณ์คึกคะนองเป็นพิเศษ มันกำลังมีความสุขกับการละเลงหน้าหมออย่างเอ็นดู แม้ชายร่างกำยำจะยกมือปัดป้อง พยายามผลักมันออก มันกระโจนเท้าปุกปุยเข้าใส่อีกรอบ ก่อนคาบผ้าสีขาวสะอาดไปกัดเล่น วิ่งวนไปรอบ ๆ อย่างสนุกสนาน
สัตวแพทย์หนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำลายเหนียวข้น มีเสียงหัวเราะอย่างไร้ความเกรงอกเกรงใจ
“เป็นหมอหมาแท้ ๆ ทำหน้าเหมือนไม่เคยโดนหมาเลียหน้า”
“ใครจะชอบล่ะ... ทั้งสกปรก แสบตา” บ่นหน้าแหยง กะพริบตาถี่ ๆ หลังน้ำลายสุนัขเข้าหน้าเข้าตา ร่างสูงลุกไปหาก๊อกน้ำ รวดเร็วพอ ๆ กับหญิงสาวอีกคนที่ก้าวพรวดตามเขาอย่างลืมตัว เลยล้มลงไปกองกับพื้น
“โอ๊ย...”
เสียงครวญครางเพราะเจ็บทำอีกคนมองขวับตามอย่างตกใจ เขาเหมือนหายตัวได้ต่อหน้าต่อตาเธอ ทั้งที่เพิ่งกวักน้ำใส่หน้าอยู่ลวก ๆ ไอศูรย์รีบนั่งยองลงจับข้อเท้าของคนที่นั่งชันเข่าอยู่บนพื้น สำรวจโดยรอบร่องรอยบวมช้ำในสภาพรองเท้าแตะ
“ไปล้มที่ไหนมา?”
“ที่บ้านค่ะ มีคนแกล้งเทน้ำลงในครัว ฉันเลยลื่นล้ม” บอกไปตามตรง เป็นอีกคนที่มีสีหน้าไม่พอใจเอาเสียเลย ยังถามอย่างเอาเรื่อง
“ใครมันแกล้ง?”
“หมอไอจะแก้แค้นให้ฉันรึไงคะ?”
“ได้อยู่นะ ขอให้บอก”
“แหม.. ทำนักเลงโต สู้กับเจ้าที่รักยังแพ้” อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มกับท่าทางมั่นอกมั่นใจของสัตวแพทย์หนุ่ม ขณะมือหนาขยับปลายเท้าขึ้นเบา ๆ ความเจ็บทำให้ต้องหรี่ตาเล็กจนเหยียดตรง
“นักเลงจริงเขาไม่พูดเยอะ ไม่เชื่อลองไปถามอาจารย์นิธิดู”
“ไม่ถามดีกว่า เอาเป็นว่า ฉันจะรอดูทีเดียวเต็ม ๆ ตา อย่ากลายเป็นหมอเจ็บละกันค่ะ”
“ไม่มีทาง” เขาพูดอย่างแน่ใจ ทว่าพอคุณหมอหนุ่มนึกถึงอาจารย์ผู้มีพระคุณก็คลี่ยิ้ม เงยหน้าขึ้นบอก “ข้อเท้าแพลง ดีนะที่ไม่บวมมาก ประคบเย็นสักหน่อยน่าจะดีขึ้น ผมจะพันข้อเท้าให้”
เขาคงต้องจัดการคนเจ็บก่อนกลับมาเฝ้าม้าต่อ ส่วนไอ้หมาตัวแสบ...
ตวัดหางตาคมกริบราวมีดคมไปทีหนึ่ง เจ้าที่รักกำลังวิ่งซุกซนอยู่ไม่ไกลมองกลับมาด้วยหน้าตาใสซื่อ ส่งเสียงเห่าดัง ๆ กระดิกหางเป็นมิตร อริสามองครั้งเดียวก็รู้ว่าบางคนพาลโกรธหมาที่เข้ามาขัดจังหวะได้พอดิบพอดี มันเล่นเสร็จแล้วยังกลับมานั่งทำตาใส
“ที่รัก ไปนั่งรถเที่ยวกับลุงเษมไปลูก”
เจ้าที่รักหอบหายใจเหนื่อยตอบรับคำนายด้วยการเห่า วิ่งไปด้วยสี่ขาอย่างว่องไว กระโจนกายขึ้นรถกอล์ฟและนั่งนิ่ง ๆ เพราะมันชอบเที่ยวอย่างที่สุด โกลเด้นรีทรีฟเวอร์บางครั้งมันก็เชื่อฟังสุดแล้วแต่อารมณ์ของมัน
พอหมดก้างขวางคอ ร่างสูงจึงโน้มตัวลงช้อนข้อพับขาวเนียนลอยโหวง กระชับคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ แต่ก็ยังปล่อยให้เขาอุ้ม วางมือลงบนเสื้อยืดที่ส่งกลิ่นกายบุรุษอ่อน ๆ อย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“เอ่อ... หมอไอ... ฉันพอเดินได้”
“ไม่เป็นไรครับ อุ้มได้ ผมเห็นอยู่ว่าคุณอริสาชอบ”
‘ชอบ’ ย้ำชัดหนักแน่น พาแก้มขาวนวลกลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นตามลำดับ แรงเคลื่อนไหวเบา ๆ ในแต่ละย่างก้าวของร่างสูงที่จงใจเดินให้ช้าลงทำเอาคนไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวผู้ชายมาก่อนใจเต้นระรัว
“ใครบอกชอบกัน คนอะไร ชอบคิดไปเอง...”
เสียงแหลมเล็กเบามากจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่เป็นเพราะว่าแอบมองปากขมุบขมิบอยู่เมื่อสักครู่ คุณหมอหนุ่มจึงแค่นหัวเราะพลางว่า “คุณอริสาหน้าแดงมากเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่าครับ หรือว่ายังไง? หรือผมจะมโนไปเอง”
อีตาบ้า! ว่าในใจแต่ริมฝีปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่นกลับเอ่ย “อริสค่ะ ไม่ต้องเรียกยาว ๆ ก็ได้... ไม่ได้ว่า...”
“ครับ อริส... จะเรียกผมว่า ‘พี่อาย’ ‘พี่หมอ’ ผมก็ไม่ว่านะ แต่อย่าเติมหมาข้างหลังครับ” ใบหน้าของคนพูดเปื้อนยิ้มฉาบประกายความสุข หลุบตามองคนในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกหลากหลาย
นัยน์ตาคู่หวานคมที่สบมองมาพาหัวใจดวงน้อยไม่เป็นสุขสักนาที เธอจึงหลุบหน้าหลบตาหนีงุด ๆ ซุกแก้มร้อนผ่าวลงบนอกกว้างกำยำ ลอบยิ้มกับมุกตลกซึ่งคนอย่างอริสาไม่ใช่คนยิ้มง่ายได้เท่านี้
นิสัยของเธอเป็นคนตรง ไม่พูดจามากมายนัก แต่พออยู่ใกล้เขากลับไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล
ทางด้านหลังของบ้านพักติดคอกม้าตกแต่งด้วยกลิ่นอายของชนบท ทิวทัศน์ธรรมชาติท่ามกลางขุนเขา มีต้นไม้ร่มรื่นเย็นตา ซุ้มนอนเล่นเอนเบาะชมวิวฟาร์มม้า ติดสระว่ายน้ำขนาดย่อม เขาวางเธอลงบนเบาะโซฟา เดินหายเข้าบ้านไปไม่นาน ก่อนจะนำผ้าเย็นและน้ำแข็ง ยังมีผ้ารัดข้อเท้าติดมือมา
สายตาสองคู่เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างกันอยู่ตลอดเวลา ไอศูรย์นั่งลงบนพื้นที่น้อยนิดข้าง ๆ กัน ยกขาเรียวไว้บนหน้าตัก พับชายกางเกงขึ้นก่อนที่เขาจะลงมืออย่างนิ่มนวล
“ประคบเย็นให้เส้นเลือดขยายตัว ช่วงนี้พยายามใช้ข้อเท้าให้น้อยที่สุด ไม่ยืนหรือนั่งห้อยขานาน ๆ ยกไว้แบบนี้ลดอาการบวมได้ครับ”
“ออ... ค่ะ” เออออตาม ฝ่ามือทั้งสองยันไว้กับเก้าอี้เอนนอน ชายหนุ่มถอดรองเท้าแตะคู่เล็กออกวางบนพื้นไม้ ประคบผ้าหุ้มน้ำแข็งกดลงบนข้อเท้าเหมือนกลัวเสียคำชมเชยว่า ‘คุณหมอมือเบ้า เบา...’