คำพูดของหนิงหลงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ป๋อเหวินพูดไม่ออก เมื่อกลับขึ้นมาบนรถแล้วเจ้าตัวได้แต่นั่งนิ่งอย่างโง่เขลา
" อย่าบอกนะว่าหัวหน้าไม่รู้แม้กระทั่งบ้านภรรยาอยู่ที่ไหน โอ้ " แปะ หนิงหลงใช้มือตีที่หน้าผากเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจกับความซื่อบื้อของหัวหน้าหน่วยของตน
" ก็ผมเจอกับเธอที่หมู่บ้านหนิพี่หลิงหลง ไม่นานก็ต้องมาสมัครเป็นทหาร เลยไม่ค่อยได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่ " ป๋อเหวินพยายามเลี่ยงที่จะพูดเรื่องถูกวางยา เขาไม่อยากให้ภรรยาเสียหายเกรงว่าจะส่งผลกระทบถึงบุตรชายอีกต่อหนึ่ง
" งั้นเรากลับไปตั้งหลักที่ค่ายก่อนนะครับ ค่อยหาข้อมูลอีกที ดูเหมือนว่าภรรยาและลูกของหัวหน้าจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว "
หนิงหลงออกรถมุ่งหน้าไปที่ค่ายทหารอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้ขอความช่วยเหลือจากสหายในกลุ่มอีกต่อหนึ่ง แค่หาข้อมูลไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับพวกเขา
" ลู่จิวกับหยวนหย่วนว่ายังไงบ้างพี่หนิงหลง แล้วรอยแผลเกิดจากอะไร " ความรู้สึกหลากหลายเริ่มถาโถมโจมตีเข้าในใจของป๋อเหวินอย่างหนัก จนเจ้าตัวไม่สามารถนั่งนิ่งได้
" เจ้าตัวเล็กบอกว่าพ่อทิ้งไป ส่วนคนแม่บอกว่าป่านนี้หัวหน้าคงมีครอบครัวใหม่ไปแล้วครับ "
" ไม่จริง พี่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครพี่น่าจะรู้ดีที่สุด ขับเร็ว ๆ หน่อยพี่ผมรีบ " เมื่อได้ฟังคำพูดของบุตรชายป๋อเหวินยิ่งอยากเจอทั้งคู่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทั้งคู่จะโกรธเกลียดเขาไปมากกว่านี้
" ครับ ๆ "
ทางฝั่งของลู่จิว
หญิงสาวเรียกสามล้อถีบให้ไปส่งเธอและบุตรชายตามที่อยู่ในเอกสาร กว่าจะผ่านตัวเมืองที่วุ่นวายออกมาได้ก็ให้เวลาอยู่สักพัก เมื่อมาถึงที่หมายก็ปรากฏเป็นห้องแถวหลังเล็ก ๆ ที่สภาพจะพังแหล่ไม่พังแหล่
" ห้องนี้ใช่ไหมน้องสาว " ชายเจ้าของสามล้อเอ่ยถามลู่จิวที่กำลังยืนมองสภาพห้องแถวที่ทรุดโทรมอยู่
" เอ่อ ใช่ค่ะ นี่ค่ะเงินค่าโดยสาร " ลู่จิวยื่นเงินให้เจ้าของสามล้อถีบ 3 เหมาตามที่เขาได้แจ้งไว้แต่แรก
" ขอบคุณมาก โชคดีนะน้องสาว " พูดจบสามล้อถีบก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
" หวังว่าจะเป็นอย่างที่พี่ชายอวยพรนะ ฮึ ฮึ " ลู่จิวหัวเราะแห้ง ๆ เธอไม่รู้ว่ามารดาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นลูกสาวกลับมาพร้อมกับเด็กชายตัวน้อย
" แม่ค้าบ ยายใจดีไหม ยายจะรักหยวนหย่วนรึเปล่าค้าบ " เด็กน้อยก็กังวลไม่ต่างจากมารดา หากเขาต้องเจอคนใจร้ายแบบย่าอีกคงไม่ต่างจากอยู่ที่เดิมแน่ ๆ
" แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ในความทรงจำของแม่ ยายเป็นคนที่ใจดีมาก "
ลู่จิวตอบบุตรชายไปตามความจริง ความทรงจำที่มีอยู่มันพร่าเบลอจนแทนจำหน้าใครไม่ได้แล้ว มีเพียงความทรงจำที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานเท่านั้นที่ฉายชัดทุกอย่าง
" อะ..อาจิวลูกแม่ อึก ฮื้อออ ลูกเป็นอย่างไรบ้าง ฮึก รู้ไหมว่าแม่คิดถึงลูกแค่ไหน อึก ทำไมตัวลูกมีแต่รอยช้ำแบบนี้ "
ลู่เจียวซิ่งมารดาของลู่จิวร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดก็ถึงวันที่นางรอคอย เมื่อบุตรสาวอันเป็นที่รักกลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว
" แม่ค้าบ แม่เป็นอะไร " เด็กชายตัวน้อยที่เห็นมารดายืนแข็งทื่อแต่น้ำตาของลู่จิวกลับไหลออกมาเป็นจำนวนมากจนหยดใส่มือของเขา
" แม่ ฮึก หนูคิดถึงแม่มาก อึก ชีวิตมันยากมากเมื่อไม่มีพ่อกับแม่อยู่แล้ว ฮื้อออ "
ลู่จิวกอดลู่เจียวซิ่งเอาไว้อย่างแน่น สตรีตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนมารดาของเธอที่จากไปแล้วในชาติภพก่อน
ความรู้สึกผิดที่เธอเป็นสาเหตุทำให้ทุกคนต้องตายปะทุออกมาจนร่างบางน้ำตาไหลไม่หยุด เมื่อฟ้าให้โอกาสเธอได้กลับมาดูแลแม่อีกครั้ง แน่นอนว่าเธอต้องทำมันให้ดีที่สุด
" พอแล้วลูกไม่ต้องร้อง อึก เข้าบ้านกันดีกว่า แล้วเด็กน้อยคนนี้เป็นใครรึ "
ลู่เจียวซิ่งลูบหลังให้บุตรสาวเบา ๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามเด็กน้อยที่อยู่ข้าง ๆ
" สวัสดีค้าบคุณยาย นี่หยวนหย่วนลูกแม่ลู่จิวค้าบ " เด็กชายตัวน้อยยิ้มแป้นให้คุณยายของตนเองอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
" หือ จริงหรือลูก แม่มีหลานแล้วหรือ " ลู่เจียวซิ่งหันไปถามบุตรสาวที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่
" จริงค่ะแม่ นี่คือหยวนหย่วนลูกชายของหนูเอง "
" ดี ๆ แม่มีหลานโตขนาดนี้แล้ว ต่อไปแม่คงไม่เหงาแล้ว ไปเถอะเข้าบ้านกันดีกว่า "
ทั้งสามคนเดินตามกันเข้าไปในห้องแถวหลังเล็ก ๆ ที่มีสภาพทรุดโทรม แต่ข้าวของด้านในกลับสะอาดและถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
" หยวนหย่วนของยาย หิวรึยังลูก " ลู่เจียวซิ่งเอ่ยถามหลายชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยน เมื่อหยวนหย่วนได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก นอกจากแม่แล้วก็ไม่มีใครใจดีกับเขาขนาดนี้
" หิวแล้วครับคุณยาย แต่หยวนหย่วนอยากอาบน้ำด้วยค้าบ "
ลู่เจียวซิ่งมองดูหลานชายตัวน้อยที่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนนางพาหลานชายตัวน้อยเดินไปหลังบ้านเพื่ออาบน้ำให้
" งั้นไปอาบน้ำกับยายนะ เดี๋ยวยายจะมาทำอาหารให้หลานกินเอง "
" เดี๋ยวหนูจัดการเรื่องอาหารเองค่ะแม่ หนูแวะซื้อมาหลายอย่างเลยอยู่ในกระเป๋า "
เมื่อคุยกันจบ ลู่จิวก็แยกตัวออกไปทางครัวเล็ก ๆ ของมารดา เธอเดินดูรอบ ๆ มีเพียงเครื่องปรุงไม่กี่อย่างและถังใส่ข้าวสารที่มีข้าวอยู่แค่ก้นถังเท่านั้น
เธอจึงเอาอาหารสำเร็จที่มีอยู่ออกมาก่อน ส่วนเรื่องเครื่องปรุงค่อยทำทีเหมือนซื้อมาหากได้ออกไปข้างนอก อย่างไรเธอก็ไม่คิดจะนิ่งนอนใจอยู่เฉย ๆ อยู่แล้ว หรือบางทีเธออาจจะบอกความจริงกับมารดาเลยก็เป็นได้
" หลานหนาวไหมหยวนหย่วนของยาย " เสียงของแม่ลู่เอ่ยถามหลานชายตัวน้อยระหว่างที่นางกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวห่อตัวให้หลานชาย
" ไม่หนาวค้าบยายของหยวนหย่วน " เด็กชายตัวน้อยกลายเป็นคนขี้ประจบทันทีที่รู้ว่ายายใจดีและรักเขากับแม่มาก
" ฮ่า ฮ่า นี่หลานของยายปากหวานเกินไปแล้วนะ "
เมื่อแม่ลู่กับหลานชายเดินเข้ามาในห้องก็เห็นลู่จิวจัดอาหารใส่จานไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงเร่งแต่งตัวให้เสร็จเพื่อจะได้มากินข้าวที่ลู่เตรียมไว้
" แม่คะมากินข้าวเถอะ แม่ผอมมากเลยรู้ไหม " ลู่จิวรีบเข้าไปช่วยแต่งตัวให้บุตรชายเพื่อจะได้ไปกินข้าวเร็วขึ้น
" ลูกอย่าห่วงเลย แม่ยังแข็งแรงดี ไปกันหยวนหย่วนของยาย เราไปกินข้าวกันเถอะ "
" ค้าบ "
ทั้งสามคนเดินไปนั่งลงกินข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้า แต่แม่ลู่ต้องแปลกใจเมื่ออาหารหลายจานมีแต่เนื้อทั้งนั้น นางมองหน้าบุตรสาวก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่คาใจออกไป
" อาจิว ลู่ไปซื้อเนื้อมากมายขนาดนี้มาจากไหน มีแต่เนื้อดี ๆ ทั้งนั้น ลูกอย่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองนะ ต้องเก็บเงินไว้ให้หลานแม่ด้วย "
" งื้อออ ยายของหยวนหย่วน " เจ้าตัวน้อยที่ได้ยินยายเอ่ยถึงตัวเองอย่างนี้ก็รีบกอดแขนออเซาะยายเข้าไปกันใหญ่
" หึ หึ เจ้าเด็กขี้ประจบ มียายแล้วลืมแม่ " ลู่จิวเอ่ยหยอกเย้าบุตรชายอย่างมันเขี้ยว
" ไม่ต้องมาว่าหลานแม่เลย รีบตอบแม่มาเร็วเข้า "
" ในเมื่อแม่อยากรู้ ก็เตรียมตัวดูให้ดีนะคะ "
ลู่จิวตัดสินใจจะบอกเรื่องมิติให้กับมารดารู้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะปิดบังมารดาของเธอ อย่างไรเธอก็ต้องพึ่งพาข้าวของในมิติเพื่อแปลงเป็นเงินแล้วพาทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ให้ได้
" อั๊ยหยา อะ..อาจิว ลูกทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน "
แม่ลู่ตกใจจนสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นน้ำเย็น ๆ และขนมกลม ๆ หลายสีที่วางอยู่ตรงหน้า มีเพียงเจ้าตัวน้อยที่ยิ้มแป้นดีใจเมื่อเขาจะได้กินขนมอร่อย ๆ อีกแล้ว
" หนูยังมีอีกหลายอย่างค่ะแม่ หนูได้สิ่งของพวกนี้มาจากท่านเทพเซียนตอนที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อหลายวันก่อนค่ะ "
แม่ลู่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็น้ำตาร่วงเผาะที่บุตรสาวที่นางเฝ้าถนอมต้องถูกทำร้าย
" คุณยายไม่ร้องนะครับ หยวนหย่วนจะปกป้องแม่กับคุณยายเอง " มือน้อย ๆ ยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้ยายของเขาเบา ๆ ก่อนร่างน้อยจะโถมตัวเข้าไปกอดยายของตนเองเอาไว้
" ขอบใจหลานมากคนเก่งของยาย อาจิวลูกเอาของออกมาเช่นนี้ต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรหรือไม่ " แม่ลู่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว
" ไม่ค่ะแม่ ทั้งหมดเป็นของหนู ไม่ต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรทั้งนั้น " ร่างบางมองไปที่กำไลหยกที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่มองเห็น
" ถ้าเป็นเช่นนั้นแม่ก็สบายใจ งั้นเรากินข้าวกันเถอะ จะได้พักผ่อน "
" ค่ะแม่ / ค้าบคุณยาย "
ลู่จิวโล่งอกเป็นอย่างมากที่มารดาของเธอเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะความรักที่มีต่อบุตรสาว
เมื่อกินข้าวเสร็จลู่จิวก็เก็บถ้วยจานไปล้างก่อนที่จะมานั่งลงพูดคุยกับมารดา พร้อมทั้งเอาเสื้อผ้าข้าวของที่จำเป็นต้องใช้ออกมานิดหน่อย
" แม่คะ ถ้าหนูอยากเอาของไปขาย หนูต้องไปที่ไหนคะ "
ลู่จิวเอ่ยถามมารดาที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับบุตรชายของเธอ
" ลูกจะขายอะไรล่ะอาจิว การค้าตอนนี้ยังไม่เปิดเป็นอิสระ หากขายได้ก็ต้องแอบเข้าไปขายในตลาดมืด หรือไม่ก็แอบขายส่งให้กับร้านค้าใหญ่ที่เป็นคู่ค้ากับรัฐเท่านั้น "
" ถ้าจะมีราคาหน่อย น่าจะเป็นเหล้าเบียร์ เนื้อสัตว์ และของใช้ใช่ไหมคะแม่ หนูมีครบทุกอย่างเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะไปขายที่ไหน หนูอยากพาแม่กับหยวนหย่วนไปอยู่ที่ที่ดีกว่านี้ "
แม่ลู่นั่งมองบุตรสาวที่เปลี่ยนไปมากราวกับคนละคน ความคิดและการกระทำคำพูดของบุตรสาวดูเป็นผู้ใหญ่กว่าแต่ก่อนมาก นางรู้สึกอุ่นใจไม่น้อยที่จะได้ฝากชีวิตที่เหลือไว้กับบุตรสาว
" พรุ่งนี้แม่จะพาลูกเอาของไปเสนอขายให้เถ้าแก่ของแม่ที่ร้าน วันนี้เราพักผ่อนนอนเล่นกันสักวันเถอะ "
" ค่ะแม่ " ทั้งสามคนใช้เวลาพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันอยู่ทั้งวัน รวมถึงเรื่องราวของบาดแผลที่อยู่บนตัวของลู่จิวด้วย
ลู่จิวเล่าให้มารดาฟังเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่เธอจากมาเท่านั้น ส่วนเรื่องก่อนหน้านั้นเธอไม่ได้พูดอะไรอีก
แม่ลู่เองก็ไม่เซ้าซี้ถามต่อ เพราะกลัวว่าบุตรสาวจะไม่สบายใจ เลยหันไปเล่นกับหลานชายที่ออดอ้อนนางอยู่ตลอดเวลา