ตลอดการเดินทางทั้งสี่คนใช้เวลาอยู่บนขบวนรถไฟนานกว่าสัปดาห์ ระหว่างนั้นต่างฝ่ายต่างก็แลกเปลี่ยนเรื่องราวของตนเองพอสังเขป
ในทุก ๆ วัน รถไปจะหยุดรถ 1-2 ครั้ง หนิงเซียน(ผู้หญิงที่ลู่จิวช่วย)มักจะพาบุตรสาวเดินลงไปยืดเส้นยืดสายหรือเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยครั้ง ลู่จิวจึงใช้ช่วงเวลานั้นเอาเสบียงอาหารต่าง ๆ ออกมา
บางวันก็ซื้อกับพ่อค้าแม่ค้าที่ขึ้นมาเดินขายบนขบวนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตเกินไป เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารเหล่านั้น สุดท้ายเธอก็ต้องแอบเอาขนมปังในมิติออกมากินอยู่ดี
" อีก 1 ชั่วโมงขบวนรถไฟจะเข้าจอดเทียบชานชาลาที่สถานีปักกิ่ง ผู้โดยสารทุกท่านโปรดเตรียมตัวและตรวจเช็กสิ่งของของท่านให้เรียบร้อยด้วยนะครับ " เสียงผู้ดูแลขบวนรถไฟไกลออกไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินเพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารได้ยินอย่างทั้วถึง
" พี่หนิงเซียนกับหนิงอ้ายจะไปยังไงต่อค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม " ลู่จิวเอ่ยถามเพื่อนร่วมทางของตนเองที่กำลังเก็บข้าวของอยู่
" เมื่อวานพี่ลงไปโทรหาสามีแล้ว แต่คนในค่ายทหารบอกว่าพี่หนิงหลงออกไปทำภารกิจอยู่ข้างนอกยังไม่รู้จะเข้ามาตอนไหนถ้ามาแล้วจะบอกให้ พี่คงต้องนั่งรอที่สถานีรถไฟก่อน ถ้าไม่เจอค่อยไปที่ค่ายทหาร "
" หืออ ค่ายทหารหรอคะ " พอฟังมาถึงตรงนี้ลู่จิวก็ฉุดคิดได้ว่าป๋อเหวินก็เป็นทหารอยู่เมืองนี้เช่นกัน แต่ความทรงจำที่เธอมีอยู่ค่อนข้างพร่าเลือน แม้แต่ใบหน้าของป๋อเหวินหรือมารดาของตนก็ยังปรากฏไม่ชัด อีกทั้งที่ผ่านมามีเพียงการบอกข่าวสารผ่านหวังอี๋นั่วผู้แม่เท่านั้น
" ใช่แล้ว น้องลู่จิวมีอะไรไหมจ๊ะทำไมทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรแบบนั้นละ "
" ฉันพึ่งนึกได้ว่าพ่อของหยวนหย่วนก็น่าจะประจำการอยู่ที่เมืองนี้เหมือนกันค่ะ แต่ช่างมันเถอะป่านนี้เค้าคงมีเมียใหม่ไปแล้วมั้งคะ "
ลู่จิวรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้งก่อนที่จะบอกบุตรชายเตรียมตัว ระหว่างนั้นเธอก็เอาที่อยู่ของร่างนี้ที่ปรากฏในเอกสารแสดงตัวขึ้นมาดูเผื่อต้องเรียกรถรับจ้างไปส่ง
ไม่นานรถไฟก็เคลื่อนเข้าเทียบท่าในชานชาลามณฑลปักกิ่ง เสียงผู้คนที่เดินสวนกันไปมาดังอื้ออึงกึกก้องไปทั่วบริเวณ
สองขาเรียวก้าวลงจากขบวนรถไฟอย่างมั่นคง มือของเธอจับแขนของบุตรชายเอาไว้ตลอดเวลา ลู่จิวมองหาประตูทางออกอยู่ครู่เดียว ก่อนจะหันกลับไปเรียกหนิงเซียน
" ทางออกอยู่ตรงโน้นพี่หนิงเซียน เด็ก ๆ ห้ามปล่อยมือเด็ดขาดเข้าใจไหม ถ้าพลัดหลงกันขึ้นมาคงหากันไม่เจอแน่ ๆ "
" ครับแม่ / ค่ะน้าลู่จิว "
เด็กน้อยทั้งสองจับมือของมารดาเอาไว้แน่นและเดินตามออกไปด้วยกัน
หน้าสถานีรถไฟปักกิ่ง
รถยนต์คันใหญ่จอดเทียบริมฟุตบาท ด้านในมีนายทหารสองคนที่กำลังนั่งรอการมาถึงของบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ด้วยความว้าวุ่นใจ
" หัวหน้าไม่เห็นต้องลำบากพาผมมารอรับลูกกับภรรยาเลยครับ ผมพาทั้งสองกลับเองก็ได้ "
หนิงหลงเอ่ยกับหัวหน้าสายงานที่นั่งอยู่ข้างกัน ทั้งคู่พึงปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จตอนเช้าตรู่ พอกลับเข้าไปที่ค่ายทหาร หนิงหลงก็ได้รับข่าวจากคนที่รับโทรศัพท์ว่าภรรยาของเขาจะมาถึงสถานีรถไฟประมาณ 9 โมงเช้า
เพียงไม่กี่คำที่ได้รับฟัง ความวิตกกังวลใจก็ปรากฏบนใบหน้าของหนิงหลง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภรรยาและลูกถึงได้ตามมาหาที่นี่
" ไม่เป็นไร พี่ก็รู้ว่าคนเริ่มเข้ามาชุมนุมกันเยอะขึ้น ผมมาด้วยก็ถูกแล้วจะได้รับทั้งสองคนกลับเข้าไปบ้านพักด้วยกัน "
หวังป๋อเหวินถึงแม้จะเป็นหัวหน้าหน่วยแต่ก็อายุน้อยกว่าหนิงหลงและลูกน้องอีกหลายคน นอกเวลางานเขาจะให้เกียรติทุกคนและเรียกว่าพี่เสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ลูกน้องทุกคนรักหัวหน้าหน่วยคนนี้มาก
" ขอบคุณครับหัวหน้า โอ๊ะ นั่นหนิงเซียน ละ..ลูก หัวหน้าลูกผมโตขนาดนี้แล้วหรือนี่ ผมขอตัวลงไปรับทั้งคู่ก่อนนะครับ "
ปึก
เสียงปิดประตูรถดังขึ้นพร้อมกับความเร่งรีบตื่นเต้นของหนิงหลง เจ้าตัวเข้ามาสมัครเป็นทหารพร้อม ๆ กันกับหวังป๋อเหวิน อีกทั้งหมู่บ้านยังอยู่ใกล้กันเลยทำให้ทั้งสองสนิทกันมาก
" หนิงเซียน! หนิงอ้าย! "
พรึบ หนิงหลงวิ่งเข้าไปกอดภรรยาและลูกสาวตัวน้อยด้วยความคิดถึง ตั้งแต่ที่มาเป็นทหารเขาก็ไม่ได้เดินทางกลับบ้านเลย มีเพียงการติดต่อผ่านการโทรศัพท์เพียงเดือนละครั้งเท่านั้นที่ทำให้เขาได้ยินเสียงของทั้งคู่ และยังพอมีแรงสู้ต่อได้
" ฮึก พ่อจ๋า! / อึก พี่หนิงหลง! "
สองแม่ลูกดวงตาแดงก่ำเมื่อหันมาเห็นกับคนที่ต้องการพบหน้า ก่อนที่ทั้งสองจะกอดตอบหลิงหลงเช่นกัน
" อึ๊บ หนิงอ้ายเหนื่อยไหมลูก ไปกันเถอะเจ้านายของพ่อรออยู่ ไปกันหนิงเซียน กลับไปถึงห้องค่อยคุยกัน "
หลิงหลงอุ้มบุตรสาวแล้วหันไปชวนภรรยาเดินไปขึ้นรถด้วยกัน แต่เป็นหนิงเซียนที่รั้งแขนสามีเอาไว้ก่อน เพราะเธออยากแนะนำให้รู้จักกับลู่จิวและหยวนหย่วน
" หนิงอ้ายมีพ่อแล้วหรอ ดีจัง เสียดายที่พ่อเราทิ้งเราไปแล้ว "
เสียงเศร้าเปล่งออกจากปากของหยวนหย่วน เขาทั้งดีใจที่สหายได้พบบิดา แต่ก็แอบเสียใจที่บิดาของตนทิ้งไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ แล้วปล่อยให้เขากับแม่ถูกคนอื่นรังแกอีก
" หยวนหย่วน ลูกยังมีแม่อยู่ตรงนี้ " ลู่จิวนั่งย่อตัวลงแล้วคุยกับบุตรชายอย่างอ่อนโยน
" พี่หนิงหลง พี่น้องลู่จิวและหยวนหย่วนลูกชายของเธอ หากไม่ได้ทั้งสองช่วยไว้ฉันกับลูกไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง "
หนิงหลงถึงจะคุ้นชื่อของทั้งสองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ทันได้ฉุดคิดอะไร
" ขอบคุณคุณลู่จิวมากนะครับที่ช่วยหนิงเซียนกับหนิงอ้ายเอาไว้ ถ้ามีอะไรที่ผมตอบแทนได้ผมยินดีเสมอครับ คุณเข้าไปหาผมที่ค่ายทหารได้ตลอด "
หนิงหลงมองหน้าของลู่จิวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนลงไปหาหยวนหย่วน แต่คิ้วของเขาก็ต้องผูกเป็นปมทันที เพราะหน้าตาของเด็กน้อยเหมือนกับเจ้านายของเขามาก
" จริงสิน้องลู่จิว น้องบอกว่าพ่อของหยวนหย่วนก็อยู่ในค่ายนี้เหมือนกันไม่ใช่หรอ ให้พี่หนิงหลงช่วยตามหาให้ดีไหมจ๊ะ " หนิงเซียนรีบแสดงน้ำใจ เธออยากตอบแทนอะไรกับทั้งสองแม่ลูกบ้าง
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เขาขาดการติดต่อไป 3 ปีแล้ว ป่านนี้เขาคงมีครอบครัวใหม่ไปแล้วมั้งค่ะ ฉันขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ หยวนหย่วนบอกลาทุกคนเร็วเข้าลูก "
ลู่จิวตอบกลับเสร็จแล้วจึงบอกให้บุตรชายมาบอกลาทุกคน เธอเริ่มมองหาสามล้อถีบว่าจอดอยู่ตรงไหน
" ลาก่อนครับคุณลุงคุณป้า ลาก่อนนะหนิงอ้าย หยวนหย่วนจะคิดถึงหนิงอ้ายนะ " เด็กน้อยพยายามฝืนยิ้มให้กับสหายคนแรก ที่ได้รู้จักโดยบังเอิญ และต้องจากลาอย่างรวดเร็ว
" เดี๋ยวก่อนเด็กน้อย บอกลุงหน่อยได้ไหมว่าพ่อของเราชื่ออะไร " หลิงหลงที่รู้สึกตะหงิดใจแปลก ๆ จึงย่อตัวลงแล้วเอ่ยถามหยวนหย่วนอย่างจริงจัง
" หวังป๋อเหวินครับ แต่ย่าบอกว่าพ่อทิ้งเราไปแล้ว " สิ้นคำของเด็กน้อยหนิงหลงนิ่งอึ้งด้วยความมึนงง ทำไมทั้งคู่ถึงบอกว่าถูกทิ้ง และทำไมสภาพของภรรยาเจ้านายถึงได้มีแต่รอยเขียวช้ำถูกทำร้ายเช่นนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
" ฉันขอตัวก่อนนะคะ "
ลู่จิวรีบพาลูกชายเดินไปขึ้นสามล้อถีบที่เธอโบกมือเรียกมา เมื่อสามล้อดูที่อยู่ที่เธอยื่นให้แล้วก็พาทั้งคู่มุ่งหน้าสู่ปลายทางทันที
" พี่เป็นอะไรพี่หนิงหลิง ฉันเห็นพี่เป็นแบบนี้ตั้งแต่คุยกับหยวนหย่วนแล้วนะ หรือพี่รู้จักพ่อของหยวนหย่วยอย่างนั้นหรือ "
หนิงเซียนที่จับสังเกตของสามีได้เลยเอ่ยถามขึ้น
" ถ้าชื่อหวังป๋อเหวินจริง ก็เป็นเจ้านายของพี่ ไปเถอะเดี๋ยวน้องก็ได้เจอแล้ว "
หนิงหลงพาลูกและภรรยาเดินมาที่รถ ก่อนจะแนะนำให้รู้จักกับหวังป๋อเหวินที่เป็นเจ้านายของตนเอง
" หนิงเซียน หนิงอ้าย นี่ร้อยเอกหวังป๋อเหวินหัวหน้าหน่วยของพี่เอง "
" สวัสดีค่ะหัวหน้า / สวัสดีค่ะคุณอา " หนิงเซียนมองหน้าป๋อเหวินอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เธอยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
" สวัสดีครับ ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าถึงพากันมองหน้าผมแปลก ๆ พูดมาเถอะพี่หนิงหลง "
ป๋อเหวินที่เห็นท่าทางอ้ำอึ้งเหมือนพี่อะไรคาใจอยู่ถูกฉายชัดออกมาผ่านใบหน้าของหนิงหลงเลยเอ่ยถาม
" ภรรยากับลูกของหัวหน้าชื่ออะไรครับ " หนิงหลงตัดสินใจเอ่ยออกไปอย่างไม่ลังเล หากเป็นความเข้าใจผิดหัวหน้าของเขาควรรีบแก้ไข ก่อนจะสายเกินไป
" ทำไมอยู่ ๆ ถามเรื่องนี้ละ ภรรยาผมชื่อ ลู่จิว ลูกชายชื่อ หวังหยวน หรือ หยวนหย่วน "
แม้จะยังคาใจแต่ป๋อเหวินก็ตอบในสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันอย่างนิ่งอึ้ง ก่อนที่หนิงหลงจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นอีก
" หัวหน้าติดต่อกลับบ้านครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ครับ "
" ผมส่งเงินไปทุกเดือนพร้อมกับจดหมาย แต่ก็ไม่เคยมีอะไรตอบกลับมาเลย "
" ชิบหายล่ะ คงมีเรื่องอะไรที่เข้าใจผิดกันแน่ ๆ "
ป๋อเหวินยังคงไม่เข้าใจว่าสิ่งที่หนิงหลงพูดหมายความว่ายังไง เขาจึงเอ่ยถามขึ้น
" มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่พี่หนิงหลง " ป๋อเหวินเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาตั้งใจรอฟังคำตอบจากปากของหนิงหลงอย่างตั้งอกตั้งใจ
" ลู่จิวคือคนที่ช่วยฉันให้มีที่นั่งบนรถไฟ เธอเดินทางมากับลูกชายเพียงสองคน ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำเพราะถูกทำร้ายมา ซ้ำเธอยังบอกว่าสามีขาดการติดต่อไป 3 ปีแล้วค่ะ "
สิ้นเสียงของหนิงเซียนร่างหนาของป๋อเหวินก็ลงรถไปตามหาภรรยาและบุตรชายทันที แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็เป็นห่วงและสงสารทั้งคู่อยู่ไม่น้อย
" หัวหน้า หัวหน้าเดี๋ยวก่อน ขึ้นรถก่อนครับเดี๋ยวผมขับให้เอง เมื่อครู่เธอนั่งสามล้อถีบออกไปแล้ว หัวหน้าบอกผมมาดีกว่าว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมขับรถให้ "
คำพูดของหนิงหลงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ป๋อเหวินพูดไม่ออก เมื่อกลับขึ้นมาบนรถแล้วเจ้าตัวได้แต่นั่งนิ่งอย่างโง่เขลา