ก๊อก ก๊อก ก๊อก
" หยวนหย่วน เปิดประดูให้แม่หน่อยเร็วเข้า "
ร่างบางเดินมาเคาะประตูห้องที่บุตรชายอยู่ภายใน เพียงสิ้นเสียงของเธอก็มีเสียงปลดกลอนประตูดังขึ้น
" หยวนหย่วนมาแล้วค้าบ "
ก๊อกแก๊ก แอดดดดดด
" เด็กดี เราเข้าไปข้างในกันเถอะแม่จะเอาช็อกโกแลตออกมาให้กิน แล้วจะได้อาบน้ำพักผ่อน นี่ก็เริ่มมืดแล้ว "
" ครับแม่ "
ลู่จิวเอาช็อกโกแลตออกมาให้หยวนหย่วนกินตามที่บอกเอาไว้ พร้อมทั้งเอาชุดใหม่ออกมาจากมิติเพื่อให้หยวนหย่วนได้สวมใส่หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว และเอาเสื้อผ้าของเธอออกมาด้วย
" แม่ครับหยวนหย่วนชอบมากเลยครับ " เด็กชายตัวน้อยยิ้มแก้มแทบปริที่ได้ชุดใหม่เอี่ยม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เสื้อผ้าใหม่ ได้กินของอร่อย ได้กินช็อกโกแลต ชีวิตของหยวนหย่วนมีเพียงแม่ที่อยู่เคียงข้าง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ลู่จิวคนก่อนพยายามปรับเปลี่ยนนิสัยของตนเอง
" ต่อไปลูกจะมีทุกอย่างเหมือนที่คนอื่นมี มานอนเถอะเร็วเข้า พรุ่งนี้เราต้องออกจากที่นี่แต่เช้าเพื่อไปรอรถไฟ "
" ครับแม่ "
เด็กชายตัวน้อยซุกเข้าอ้อมกอดของมารดา ไม่นานทั้งคู่ก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
' ฮึก หยวนหย่วนลูกแม่ ฮื้อออ '
' เสียงใครน่ะ ธะ..เธอคือลู่จิวใช่ไหม '
' ใช่แล้วคือฉันเอง ฉันฝากเธอดูแลหยวนหย่วนกับแม่ของฉันได้ไหม อายุขัยของฉันสั้นนักไม่อาจอยู่ดูแลคนที่รักได้ '
' เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลหยวนหย่วนให้ดี รวมทั้งแม่ของเธอด้วย เมื่อตอนนี้ฉันเข้ามาอยู่ในร่างของเธอแล้ว ทุกคนก็คือครอบครัวของฉันเหมือนกัน '
' ขอบใจเธอมาก ฉันฝากขอโทษพี่ป๋อเหวินด้วยที่เคยใช้เขาเป็นเครื่องมือ แม้เราจะไม่ได้รักกันแต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งฉันกับลูก '
' ถ้ามีโอกาสได้พบเขา ฉันจะบอกให้ เธอไม่ต้องห่วงทางนี้แล้ว ฉันรับปากจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด '
' ขอบใจเธอมาก ฝากบอกหยวนหย่วนด้วยว่าแม่รักเขามากก~~ '
ในห้วงความฝันของลี่จิน ร่างของลู่จิวกำลังเลื่อนลอยถอยห่างออกไปจากหยวนหย่วยเรื่อย ๆ จนลับหายไป
เฮือก!
" ฝันหรอเนี่ย คงเป็นลู่จิวสินะ อย่าได้ห่วงไปเลย หยวนหย่วนกับแม่ของเธอฉันจะดูแลให้เอง "
ร่างบางไม่อาจข่มตานอนหลับต่อได้ เธอจึงลุกมาเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ลูกชายตัวน้อย และทดลองกลับเข้าไปในบ้านของเธอที่อยู่ในมิติโดยการเดินทางผ่านบานประตูห้องน้ำ
หวืดดดด
" เฮ้ย เข้ามาได้จริงด้วย " ร่างบางเดินสำรวจห้องนอนของเธอก่อนจะเจอเข้ากับนาฬิกาข้อมือเรือนเล็ก ๆ กระเป๋าสะพายข้างผ้าฝ้ายและกระเป๋าผ้าที่ใหญ่พอจะใส่อาหารและสิ่งของอีกนิดหน่อยที่เธอใช้ประจำเธอจึงเอาติดตัวมาด้วย
ลู่จิวถือโอกาสอาบน้ำในห้องนอนของเธอเลย เธอยืนส่องกระจกดูใบหน้าที่งดงามของร่างนี้ พร้อมทั้งคิดว่าหากรอยฟกช้ำหมดไป เธอคงต้องบำรุงผิวพรรณอีกสักหน่อยก็งดงามมากแล้ว
เมื่อลู่จิวออกมาจากมิติก็ปรากฏว่าเป็นเวลาตี 5 แล้ว ลู่จิวจึงปลุกหยวนหย่วนให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ
" หยวนหย่วนลูก ตื่นได้แล้วเร็วเข้า เราต้องออกไปรอรถไฟแล้วนะลูก "
" ค้าบบบ " เด็กชายตัวน้อยเริ่มงัวเงียตื่นขึ้นมาอาบน้ำตามที่แม่ของเขาบอก
" หึ หึ อดทนหน่อยนะคนเก่ง เดี๋ยวค่อยไปนอนต่อบนรถไฟ อึ๊บ "
ร่างบางอุ้มลูกชายที่กึ่งหลับกึ่งตื่นไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างน้อย ๆ ได้สัมผัสกับน้ำเย็นก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างเต็มที่
" หยืย หนาวครับแม่ " เด็กชายตัวน้อยสั่นระริก จนลู่จิวต้องเร่งมืออาบน้ำให้เร็วกว่าเดิม
" เสร็จแล้ว ๆ มาแม่ห่มผ้าให้ "
พรึบ
ผ้าขนหนูผืนนุ่มห่อหุ้มร่างน้อยเข้าสู่อ้อมกอดของมารดา ลู่จิวกอดบุตรชายอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ร่างน้อยหายสะบั้น เธอจึงหยิบเอาเสื้อผ้าเนื้อนุ่มที่เตรียมไว้มาสวมใส่ให้บุตรชาย
" ว้าว ชุดใหม่อีกแล้วหรือครับแม่ "
" ใช่จ้ะ ลูกหิวหรือยังหยวนหย่วน ถ้าหิวเมื่อไหร่บอกแม่ได้ตลอดเวลาเลยนะ "
" หยวนหย่วนยังไม้หิวครับแม่ " เด็กชายตัวน้อยตอบมารดาไปตามความจริง เวลานี้ยังเช้าเกินไปที่เขาจะกินอะไร ปกติแล้วต้องทำงานบ้านให้ย่าเสร็จก่อนถึงจะได้กินข้าวที่เหลือจากคนอื่น
" เด็กดี แม่ลู่จิวรักลูกมากจำเอาไว้นะครับ " ร่างบางเอ่ยบอกข้อความที่ได้รับฝากมาจากเจ้าของร่าง
" หยวนหย่วนก็รักแม่ลู่จิวครับ " เด็กน้อยโผเข้ากอดมารดาด้วยแววตาที่ใสซื่อ เขาไม่รู้เลยว่าผู้เป็นแม่หมายความว่าอย่างไร
' เธอได้ยินแล้วใช่ไหม หยวนหย่วนก็รักเธอมากเช่นกัน '
หวืดดดด
เพียงสิ้นเสียงในความคิดของลู่จิว สองร่างที่กอดกันอยู่ก็ถูกลมพัดผ่านจนขนลุก ทั้งที่เป็นห้องที่ไม่ได้เปิดประตูและไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน
" ไปกันเถอะลูก ถ้ารถไฟมาถึงเร็วเราจะไม่ทันนะ "
" ค้าบ "
ลู่จิวเก็บทุกอยากเข้าไปในมิติเหลือไว้เพียงเอกสารและเงินที่ต้องเอาใส่กระเป๋าสะพายข้างของเธอเอาไว้ และกระเป๋าผ้าที่บรรจุอาหารลงไปในนั้นเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตสักเท่าไหร่
สองแม่ลูกเดินออกจากห้องพักไปแจ้งเจ้าของห้องแล้วตรงไปที่สถานีรถไฟทันที ลู่จิวเผื่อเวลาเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจะได้ไม่ต้องรีบร้อนเกินไป
เมื่อไปถึงเธอก็พาหยวนหย่วนไปนั่งรอที่ชานชาลา หากเป็นการเวลาที่เธอจากมาคงมีของขายมากมายเต็มไปหมด
แต่สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้คือผู้คนที่นั่งกัดกินแผ่นแป้งเนื้อหยาบ บางคนก็เดินลูบท้องป้อย ๆ ด้วยความหิวโหย
" แม่จ๋า หิว "
" อดทนหน่อยนะลูก ถ้าเราไปถึงปักกิ่งทุกอย่างคงดีขึ้นเมื่อได้เจอพ่อ " เสียงของหญิงสาวที่นั่งรอรถไฟอยู่ข้าง ๆ ลู่จิวเอ่ยกับบุตรสาวของนาง
เมื่อลู่จิวได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับคิ้วขมวดว่าเด็กน้อยจะสามารถอดอาหารได้นานขนาดนั้นได้อย่างไร
" แม่ค้าบ " เด็กชายตัวน้อยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเขย่าแขนมารดา เพื่อขอความช่วยเหลือ
" ว่ายังไงลูก " ลู่จิวมอหน้าบุตรชายที่กำลังทำตาปริบ ๆ เพื่อให้เธอใจอ่อน
" ขอของกินให้สหายได้ไหมครับ " หยวนหย่วนลุกขึ้นมากระซิบที่หูของผู้เป็นแม่เบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันสองคน
" ได้ครับ ลูกอยากช่วยหรอ "
" ค้าบ หยวนหย่วนเคยหิว มันปวดท้องมากเลย " ลู่จิวดึงเด็กชายตัวน้อยเข้ามากอดเอาไว้ เธอพอจะรู้ว่าหยวนหย่วนต้องผ่านอะไรมาบ้าง มารดาของเขาเองก็ไม่ต่างกัน
ลู่จิวหยิบของในกระเป๋าผ้าของเธอออกมา มีทั้งข้าวหมูกรอบ บะหมี่ ซาลาเปา ขนมปัง น้ำและนม เธอเอาทุกอย่างใสในถุงเดียวกันให้ลูกชายนำไปให้สหาย
" ได้แล้วลูก "
" ขอบคุณค้าบ แม่ของหยวนหย่วนดีที่สุด " ร่างน้อยของเด็กชายรับถุงอาหารแล้วเดินไปหาสหายตัวน้อย เพื่อมอบอาหารให้
" หยวนหย่วนแบ่งให้ ไม่เอาหรอ? รับไปเถอะแม่ลู่จิวของหยวนหย่วนใจดีนะ แม่ไม่ว่าหรอก "
สองแม่ลูกที่กำลังหิวโหยมองเด็กชายตัวน้อยอย่างแปลกใจ ทั้งยังไม่กล้ารับถุงอาหารมากมายที่อยู่ตรงหน้ามาด้วย
" รับเถอะค่ะ หยวนหย่วนเขาอยากให้ " เมื่อลู่จิวออกปากอย่างชัดเจน สองคนแม่ลูกถึงกล้ารับถุงอาหารนั้นไปทั้งน้ำตา
" อึก ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากนะคะ หนิงอ้ายขอบคุณคุณน้าสิลูก "
" ขอบคุณค่ะคุณน้า " เด็กน้อยรีบทำตามที่มารดาบอกอย่างว่าง่าย เธอดีใจมากที่จะได้กินข้าวหลังจากทรมานจนแสบท้องมา 1 วันเต็ม ๆ
" ไม่เป็นไรค่ะ อย่าคิดมาก รีบกินเถอะเดี๋ยวรถไฟก็มาแล้ว ว่าแต่ซื้อตั๋วรอบไหนไว้หรอคะ "
ลู่จิวเอ่ยถามสตรีที่อยู่ตรงหน้าในขณะที่นางกำลังเปิดห่อข้าวออกให้บุตรสาวได้ตักกิน
" ยะ..ยังไม่ได้ซื้อเลยค่ะ พวกเราสองแม่ลูกจะเข้าปักกิ่ง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าตั๋วธรรมดาเต็มแล้ว ต้องรอไปยืนเบียดบนขบวนเอาเองค่ะ "
ลู่จิวรู้ได้ทันทีว่าสองแม่ลูกไม่มีเงินพอซื้อตั๋วตู้เดี๋ยวเพราะราคามันสูงมากถึง 60 หยวน
" แม่ค้าบบ " เป็นอีกครั้งที่เด็กชายทำตาปริบ ๆ ขอความเห็นใจจากมารดา
" ว่ายังไง หยวนหย่วนของแม่อยากได้อะไรอีกลูก " ถึงลู่จิวพอจะรู้ว่าบุตรชายต้องการอะไร แต่เธอก็ยังอยากฟังว่าเจ้าตัวเล็กจะพูดยังไง
" ช่วยสหายได้ไหมค้าบแม่ จุ๊บ " หยวนหย่วนเอ่ยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อให้มารดาสงสาร แต่มุมปากกลับยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพอใจ ซ้ำยังมาจุ๊บแก้มเพื่อให้มารดาใจอ่อนอีกด้วย
" ฮ่า ฮ่า นี่หยวนหย่วนของแม่เจ้าเลห์ขนาดนี้เลยรึ ฟอดดด ตกลงครับ ลูกชวนสหายไปนั่งกับเราในห้องได้เลย "
ลู่จิวดึงร่างน้อยเข้ามาฟัดแก้มจนพอใจ ถึงได้ปล่อยให้หยวนหย่วนเป็นอิสระเพื่อเดินไปชวนสหายให้เข้าไปนั่งในห้องด้วยกัน
" ไปนั่งกับเราไหม แม่บอกว่าห้องของเรานั่งได้ 4 คน แต่เรากับแม่ไปกันแค่ 2 คน ยังว่างอยู่นะ "
หยวนหย่วนเอ่ยชวนสหายพร้อมทั้งทำท่าทางนับนิ้วอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
" แม่จ๋า นั่งกับสหายได้ไหม " เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยถามมารดาที่กำลังเร่งกินบะหมี่อยู่ นางจึงพยักหน้าตอบบุตรสาวแทน ก่อนจะหันไปขอบคุณลู่จิวอีกครั้ง
" ขอบคุณมากนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไงดี "
" อย่าคิดมากเลยค่ะ รถไฟมานู้นแล้วเราเก็บของเตรียมขึ้นรถไฟกันเถอะ เด็ก ๆ มานี่ทั้งสองคนเลยลูก อย่าเดินออกไปนะ "
ลี่จินรีบลุกขึ้นจับแขนเด็ก ๆ เอาไว้เธอกลัวว่าจะเกิดเหตุอันตรายขึ้น จึงป้องกันเอาไว้ก่อน
" ฉันเก็บของเสร็จแล้วเราไปกันเถอะค่ะ "
เมื่อรถไฟจอดเทียบชานชาลา สองคนแม่ลูกเดินตามลู่จิวกับหยวนหย่วนไปทางตู้พิเศษจึงไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครให้ลำบาก
" ตั๋วของคุณเป็นห้องพิเศษเบอร์ 5 อยู่ฝั่งซ้ายมือเชิญเลยครับ "
เจ้าหน้าที่ประจำตู้พิเศษตรวจตั๋วที่ลู่จิวยื่นให้ พอเสร็จก็บอกทางให้ทั้ง 4 คนเดินไปยังตู้ของตนเอง
พอมาถึงห้องโดยสารเด็กน้อยทั้งสองก็ตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของทั้งคู่
ไม่นานหยวนหย่วนก็เอ่ยขออาหารจากมารดา ลู่จิวจึงเอาข้าวและซาลาเปาออกมาให้ทุกคนกินด้วยกัน ระหว่างนั้นสองคนแม่ลูกก็เริ่มเล่าเรื่องของตนเองให้ลู่จิวฟังไปด้วย