ห้วงความฝัน

1968 คำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก " หยวนหย่วน เปิดประดูให้แม่หน่อยเร็วเข้า " ร่างบางเดินมาเคาะประตูห้องที่บุตรชายอยู่ภายใน เพียงสิ้นเสียงของเธอก็มีเสียงปลดกลอนประตูดังขึ้น " หยวนหย่วนมาแล้วค้าบ " ก๊อกแก๊ก แอดดดดดด " เด็กดี เราเข้าไปข้างในกันเถอะแม่จะเอาช็อกโกแลตออกมาให้กิน แล้วจะได้อาบน้ำพักผ่อน นี่ก็เริ่มมืดแล้ว " " ครับแม่ " ลู่จิวเอาช็อกโกแลตออกมาให้หยวนหย่วนกินตามที่บอกเอาไว้ พร้อมทั้งเอาชุดใหม่ออกมาจากมิติเพื่อให้หยวนหย่วนได้สวมใส่หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว และเอาเสื้อผ้าของเธอออกมาด้วย " แม่ครับหยวนหย่วนชอบมากเลยครับ " เด็กชายตัวน้อยยิ้มแก้มแทบปริที่ได้ชุดใหม่เอี่ยม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เสื้อผ้าใหม่ ได้กินของอร่อย ได้กินช็อกโกแลต ชีวิตของหยวนหย่วนมีเพียงแม่ที่อยู่เคียงข้าง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ลู่จิวคนก่อนพยายามปรับเปลี่ยนนิสัยของตนเอง " ต่อไปลูกจะมีทุกอย่างเหมือนที่คนอื่นมี มานอนเถอะเร็วเข้า พรุ่งนี้เราต้องออกจากที่นี่แต่เช้าเพื่อไปรอรถไฟ " " ครับแม่ " เด็กชายตัวน้อยซุกเข้าอ้อมกอดของมารดา ไม่นานทั้งคู่ก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ' ฮึก หยวนหย่วนลูกแม่ ฮื้อออ ' ' เสียงใครน่ะ ธะ..เธอคือลู่จิวใช่ไหม ' ' ใช่แล้วคือฉันเอง ฉันฝากเธอดูแลหยวนหย่วนกับแม่ของฉันได้ไหม อายุขัยของฉันสั้นนักไม่อาจอยู่ดูแลคนที่รักได้ ' ' เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลหยวนหย่วนให้ดี รวมทั้งแม่ของเธอด้วย เมื่อตอนนี้ฉันเข้ามาอยู่ในร่างของเธอแล้ว ทุกคนก็คือครอบครัวของฉันเหมือนกัน ' ' ขอบใจเธอมาก ฉันฝากขอโทษพี่ป๋อเหวินด้วยที่เคยใช้เขาเป็นเครื่องมือ แม้เราจะไม่ได้รักกันแต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งฉันกับลูก ' ' ถ้ามีโอกาสได้พบเขา ฉันจะบอกให้ เธอไม่ต้องห่วงทางนี้แล้ว ฉันรับปากจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด ' ' ขอบใจเธอมาก ฝากบอกหยวนหย่วนด้วยว่าแม่รักเขามากก~~ ' ในห้วงความฝันของลี่จิน ร่างของลู่จิวกำลังเลื่อนลอยถอยห่างออกไปจากหยวนหย่วยเรื่อย ๆ จนลับหายไป เฮือก! " ฝันหรอเนี่ย คงเป็นลู่จิวสินะ อย่าได้ห่วงไปเลย หยวนหย่วนกับแม่ของเธอฉันจะดูแลให้เอง " ร่างบางไม่อาจข่มตานอนหลับต่อได้ เธอจึงลุกมาเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ลูกชายตัวน้อย และทดลองกลับเข้าไปในบ้านของเธอที่อยู่ในมิติโดยการเดินทางผ่านบานประตูห้องน้ำ หวืดดดด " เฮ้ย เข้ามาได้จริงด้วย " ร่างบางเดินสำรวจห้องนอนของเธอก่อนจะเจอเข้ากับนาฬิกาข้อมือเรือนเล็ก ๆ กระเป๋าสะพายข้างผ้าฝ้ายและกระเป๋าผ้าที่ใหญ่พอจะใส่อาหารและสิ่งของอีกนิดหน่อยที่เธอใช้ประจำเธอจึงเอาติดตัวมาด้วย ลู่จิวถือโอกาสอาบน้ำในห้องนอนของเธอเลย เธอยืนส่องกระจกดูใบหน้าที่งดงามของร่างนี้ พร้อมทั้งคิดว่าหากรอยฟกช้ำหมดไป เธอคงต้องบำรุงผิวพรรณอีกสักหน่อยก็งดงามมากแล้ว เมื่อลู่จิวออกมาจากมิติก็ปรากฏว่าเป็นเวลาตี 5 แล้ว ลู่จิวจึงปลุกหยวนหย่วนให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ " หยวนหย่วนลูก ตื่นได้แล้วเร็วเข้า เราต้องออกไปรอรถไฟแล้วนะลูก " " ค้าบบบ " เด็กชายตัวน้อยเริ่มงัวเงียตื่นขึ้นมาอาบน้ำตามที่แม่ของเขาบอก " หึ หึ อดทนหน่อยนะคนเก่ง เดี๋ยวค่อยไปนอนต่อบนรถไฟ อึ๊บ " ร่างบางอุ้มลูกชายที่กึ่งหลับกึ่งตื่นไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างน้อย ๆ ได้สัมผัสกับน้ำเย็นก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ " หยืย หนาวครับแม่ " เด็กชายตัวน้อยสั่นระริก จนลู่จิวต้องเร่งมืออาบน้ำให้เร็วกว่าเดิม " เสร็จแล้ว ๆ มาแม่ห่มผ้าให้ " พรึบ ผ้าขนหนูผืนนุ่มห่อหุ้มร่างน้อยเข้าสู่อ้อมกอดของมารดา ลู่จิวกอดบุตรชายอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ร่างน้อยหายสะบั้น เธอจึงหยิบเอาเสื้อผ้าเนื้อนุ่มที่เตรียมไว้มาสวมใส่ให้บุตรชาย " ว้าว ชุดใหม่อีกแล้วหรือครับแม่ " " ใช่จ้ะ ลูกหิวหรือยังหยวนหย่วน ถ้าหิวเมื่อไหร่บอกแม่ได้ตลอดเวลาเลยนะ " " หยวนหย่วนยังไม้หิวครับแม่ " เด็กชายตัวน้อยตอบมารดาไปตามความจริง เวลานี้ยังเช้าเกินไปที่เขาจะกินอะไร ปกติแล้วต้องทำงานบ้านให้ย่าเสร็จก่อนถึงจะได้กินข้าวที่เหลือจากคนอื่น " เด็กดี แม่ลู่จิวรักลูกมากจำเอาไว้นะครับ " ร่างบางเอ่ยบอกข้อความที่ได้รับฝากมาจากเจ้าของร่าง " หยวนหย่วนก็รักแม่ลู่จิวครับ " เด็กน้อยโผเข้ากอดมารดาด้วยแววตาที่ใสซื่อ เขาไม่รู้เลยว่าผู้เป็นแม่หมายความว่าอย่างไร ' เธอได้ยินแล้วใช่ไหม หยวนหย่วนก็รักเธอมากเช่นกัน ' หวืดดดด เพียงสิ้นเสียงในความคิดของลู่จิว สองร่างที่กอดกันอยู่ก็ถูกลมพัดผ่านจนขนลุก ทั้งที่เป็นห้องที่ไม่ได้เปิดประตูและไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน " ไปกันเถอะลูก ถ้ารถไฟมาถึงเร็วเราจะไม่ทันนะ " " ค้าบ " ลู่จิวเก็บทุกอยากเข้าไปในมิติเหลือไว้เพียงเอกสารและเงินที่ต้องเอาใส่กระเป๋าสะพายข้างของเธอเอาไว้ และกระเป๋าผ้าที่บรรจุอาหารลงไปในนั้นเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตสักเท่าไหร่ สองแม่ลูกเดินออกจากห้องพักไปแจ้งเจ้าของห้องแล้วตรงไปที่สถานีรถไฟทันที ลู่จิวเผื่อเวลาเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจะได้ไม่ต้องรีบร้อนเกินไป เมื่อไปถึงเธอก็พาหยวนหย่วนไปนั่งรอที่ชานชาลา หากเป็นการเวลาที่เธอจากมาคงมีของขายมากมายเต็มไปหมด แต่สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้คือผู้คนที่นั่งกัดกินแผ่นแป้งเนื้อหยาบ บางคนก็เดินลูบท้องป้อย ๆ ด้วยความหิวโหย " แม่จ๋า หิว " " อดทนหน่อยนะลูก ถ้าเราไปถึงปักกิ่งทุกอย่างคงดีขึ้นเมื่อได้เจอพ่อ " เสียงของหญิงสาวที่นั่งรอรถไฟอยู่ข้าง ๆ ลู่จิวเอ่ยกับบุตรสาวของนาง เมื่อลู่จิวได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับคิ้วขมวดว่าเด็กน้อยจะสามารถอดอาหารได้นานขนาดนั้นได้อย่างไร " แม่ค้าบ " เด็กชายตัวน้อยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเขย่าแขนมารดา เพื่อขอความช่วยเหลือ " ว่ายังไงลูก " ลู่จิวมอหน้าบุตรชายที่กำลังทำตาปริบ ๆ เพื่อให้เธอใจอ่อน " ขอของกินให้สหายได้ไหมครับ " หยวนหย่วนลุกขึ้นมากระซิบที่หูของผู้เป็นแม่เบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันสองคน " ได้ครับ ลูกอยากช่วยหรอ " " ค้าบ หยวนหย่วนเคยหิว มันปวดท้องมากเลย " ลู่จิวดึงเด็กชายตัวน้อยเข้ามากอดเอาไว้ เธอพอจะรู้ว่าหยวนหย่วนต้องผ่านอะไรมาบ้าง มารดาของเขาเองก็ไม่ต่างกัน ลู่จิวหยิบของในกระเป๋าผ้าของเธอออกมา มีทั้งข้าวหมูกรอบ บะหมี่ ซาลาเปา ขนมปัง น้ำและนม เธอเอาทุกอย่างใสในถุงเดียวกันให้ลูกชายนำไปให้สหาย " ได้แล้วลูก " " ขอบคุณค้าบ แม่ของหยวนหย่วนดีที่สุด " ร่างน้อยของเด็กชายรับถุงอาหารแล้วเดินไปหาสหายตัวน้อย เพื่อมอบอาหารให้ " หยวนหย่วนแบ่งให้ ไม่เอาหรอ? รับไปเถอะแม่ลู่จิวของหยวนหย่วนใจดีนะ แม่ไม่ว่าหรอก " สองแม่ลูกที่กำลังหิวโหยมองเด็กชายตัวน้อยอย่างแปลกใจ ทั้งยังไม่กล้ารับถุงอาหารมากมายที่อยู่ตรงหน้ามาด้วย " รับเถอะค่ะ หยวนหย่วนเขาอยากให้ " เมื่อลู่จิวออกปากอย่างชัดเจน สองคนแม่ลูกถึงกล้ารับถุงอาหารนั้นไปทั้งน้ำตา " อึก ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากนะคะ หนิงอ้ายขอบคุณคุณน้าสิลูก " " ขอบคุณค่ะคุณน้า " เด็กน้อยรีบทำตามที่มารดาบอกอย่างว่าง่าย เธอดีใจมากที่จะได้กินข้าวหลังจากทรมานจนแสบท้องมา 1 วันเต็ม ๆ " ไม่เป็นไรค่ะ อย่าคิดมาก รีบกินเถอะเดี๋ยวรถไฟก็มาแล้ว ว่าแต่ซื้อตั๋วรอบไหนไว้หรอคะ " ลู่จิวเอ่ยถามสตรีที่อยู่ตรงหน้าในขณะที่นางกำลังเปิดห่อข้าวออกให้บุตรสาวได้ตักกิน " ยะ..ยังไม่ได้ซื้อเลยค่ะ พวกเราสองแม่ลูกจะเข้าปักกิ่ง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าตั๋วธรรมดาเต็มแล้ว ต้องรอไปยืนเบียดบนขบวนเอาเองค่ะ " ลู่จิวรู้ได้ทันทีว่าสองแม่ลูกไม่มีเงินพอซื้อตั๋วตู้เดี๋ยวเพราะราคามันสูงมากถึง 60 หยวน " แม่ค้าบบ " เป็นอีกครั้งที่เด็กชายทำตาปริบ ๆ ขอความเห็นใจจากมารดา " ว่ายังไง หยวนหย่วนของแม่อยากได้อะไรอีกลูก " ถึงลู่จิวพอจะรู้ว่าบุตรชายต้องการอะไร แต่เธอก็ยังอยากฟังว่าเจ้าตัวเล็กจะพูดยังไง " ช่วยสหายได้ไหมค้าบแม่ จุ๊บ " หยวนหย่วนเอ่ยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อให้มารดาสงสาร แต่มุมปากกลับยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพอใจ ซ้ำยังมาจุ๊บแก้มเพื่อให้มารดาใจอ่อนอีกด้วย " ฮ่า ฮ่า นี่หยวนหย่วนของแม่เจ้าเลห์ขนาดนี้เลยรึ ฟอดดด ตกลงครับ ลูกชวนสหายไปนั่งกับเราในห้องได้เลย " ลู่จิวดึงร่างน้อยเข้ามาฟัดแก้มจนพอใจ ถึงได้ปล่อยให้หยวนหย่วนเป็นอิสระเพื่อเดินไปชวนสหายให้เข้าไปนั่งในห้องด้วยกัน " ไปนั่งกับเราไหม แม่บอกว่าห้องของเรานั่งได้ 4 คน แต่เรากับแม่ไปกันแค่ 2 คน ยังว่างอยู่นะ " หยวนหย่วนเอ่ยชวนสหายพร้อมทั้งทำท่าทางนับนิ้วอย่างน่ารักน่าเอ็นดู " แม่จ๋า นั่งกับสหายได้ไหม " เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยถามมารดาที่กำลังเร่งกินบะหมี่อยู่ นางจึงพยักหน้าตอบบุตรสาวแทน ก่อนจะหันไปขอบคุณลู่จิวอีกครั้ง " ขอบคุณมากนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไงดี " " อย่าคิดมากเลยค่ะ รถไฟมานู้นแล้วเราเก็บของเตรียมขึ้นรถไฟกันเถอะ เด็ก ๆ มานี่ทั้งสองคนเลยลูก อย่าเดินออกไปนะ " ลี่จินรีบลุกขึ้นจับแขนเด็ก ๆ เอาไว้เธอกลัวว่าจะเกิดเหตุอันตรายขึ้น จึงป้องกันเอาไว้ก่อน " ฉันเก็บของเสร็จแล้วเราไปกันเถอะค่ะ " เมื่อรถไฟจอดเทียบชานชาลา สองคนแม่ลูกเดินตามลู่จิวกับหยวนหย่วนไปทางตู้พิเศษจึงไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครให้ลำบาก " ตั๋วของคุณเป็นห้องพิเศษเบอร์ 5 อยู่ฝั่งซ้ายมือเชิญเลยครับ " เจ้าหน้าที่ประจำตู้พิเศษตรวจตั๋วที่ลู่จิวยื่นให้ พอเสร็จก็บอกทางให้ทั้ง 4 คนเดินไปยังตู้ของตนเอง พอมาถึงห้องโดยสารเด็กน้อยทั้งสองก็ตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของทั้งคู่ ไม่นานหยวนหย่วนก็เอ่ยขออาหารจากมารดา ลู่จิวจึงเอาข้าวและซาลาเปาออกมาให้ทุกคนกินด้วยกัน ระหว่างนั้นสองคนแม่ลูกก็เริ่มเล่าเรื่องของตนเองให้ลู่จิวฟังไปด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม