" ลู่จิว หยวนหย่วน รอลุงก่อน "
ผู้นำหมู่บ้านรีบวิ่งมาดักหน้าสองแม่ลูกเพื่อถามไถ่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนต่อ หาหวังป๋อเหวินกลับมาอย่างน้อยจะได้รู้ว่าต้องไปตามหาลูกและภรรยาที่ไหน
" คุณลุงมีอะไรหรือคะ "
" ลุงจะถามว่าพวกเธอจะพากันไปอยู่ที่ไหน หากวันใดที่ป๋อเหวินกลับมาลุงจะได้บอกเขาถูก "
" อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง ฉันว่าจะพาหยวนหย่วนกลับไปอยู่กับแม่ที่ปักกิ่งค่ะ ฉันไม่รู้ว่าพี่ป๋อเหวินเขามีคนอื่นหรือยัง นานกว่า 3 ปีแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อหรือส่งเงินมา ถ้าเมื่อไหร่ที่เขากลับมาแล้วมีครอบครัวใหม่ ฝากลุงบอกเขาว่าไม่ต้องห่วงหยวนหย่วน ฉันจะดูแลลูกเป็นอย่างดี ให้เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เลยค่ะ รับรองว่าฉันจะไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรอีก "
" เธออย่าคิดไปไกลขนาดนั้นสิลู่จิว ลุงว่าป๋อเหวินไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ลุงขอให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ ส่วนหยวนหยวนเป็นเด็กดีนะ หากมีโอกาสกลับมาเยี่ยมลุงบ้าง นี่เป็นเงิน 20 หยวนลุงให้ติดตัวไปนะ "
ผู้นำหมูบ้านโยกหัวหยวนหย่วนด้วยความเอ็นดู ก่อนจะยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้เจ้าตัวน้อยเก็บไว้
" ขอบคุณค่ะลุงผู้นำ/ขอบคุณครับคุณลุง "
ผู้นำหมู่บ้านยืนมองสองแม่ลูกเดินออกไปจากหมู่บ้านจนสุดสายตาเขาจึงเดินกลับไปที่บ้านของตนเอง
" หยวนหย่วน ลูกเดินไหวไหม ขึ้นขี่หลังแม่หรือไม่ " ร่างบางเอ่ยถามบุตรชายที่เดินอยู่ข้างเธอ เด็กน้อยไม่แม้แต่จะปริปากบ่นอะไรสักคำ
" ไม่ครับ หยวนหย่วนเดินได้ ตัวแม่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด แม่อดทนหน่อยนะครับ โตกว่านี้หยวนหย่วนจะดูแลแม่เอง " เด็กน้อยไล่ดูแขนของมารดาที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ และยังมีแผลอีกหลายจุด
" คนเก่ง เรารีบเดินกันเถอะลูก แม่จำได้ว่าน่าจะเหลือรถเข้าตัวเมืองอีกแค่รอบเดียวใช่ไหม "
" ใช่ครับแม่ หยวนหย่วนเคยเห็นบ้านใหญ่เข้าเมือง เขาคุยกันว่ามีรถรอบเช้ากับรอบเย็นครับ "
เมื่อเป็นเช่นนั้นสองแม่ลูกจึงเร่งฝีเท้าออกไปรอรถโดยสารที่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน
พอมาถึงศาลาริมทางลู่จิวก็เห็นชาวบ้านนั่งรอรถอยู่ 2 คน เธอจึงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ กัน เธอทำทีเป็นล้วงหยิบของในกระเป๋าแล้วเอาขนมปังออกมาหนึ่งก้อน พร้อมกับนมกล่องเล็ก ๆ ออกมาให้หยวนหย่วนกินก่อน
" หยวนหย่วนกินนี่รองท้องก่อนนะลูก "
ลู่จิวพูดค่อนข้างเบาเพื่อให้ได้ยินกันสองคน จนหยวนหย่วนรู้ได้ทันทีว่ามารดาไม่ต้องการให้ใครได้ยิน เขาจึงยังไม่เอ่ยถามเรื่องของกินเหล่านี้ ถึงแม้จะสงสัยก็ตาม
" ครับแม่ " เด็กน้อยรับขนมปังเนื้อนุ่มไส้ถั่วดำขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินของอร่อยขนาดนี้ หากยังอยู่ที่บ้านหลังนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้แตะต้องเป็นแน่
" อร่อยหรือลูก กินนมเข้าไปด้วยประเดี๋ยวขนมปังจะติดคอเอาได้ " มือเรียวเจาะกล่องนมแล้วยื่นให้บุตรชายดื่ม ใบหน้าของเด็กน้อยปรากฏรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีความสุขกับอาหารที่กำลังกิน
" ขอบคุณครับแม่ แม่กินกับหยวนหย่วนไหมครับ " มือน้อย ๆ ยื่นขนมปังมาตรงหน้าของมารดา เพื่อให้มารดาได้ลิ้มลองรสชาติเหมือนตนเอง
" แม่ยังไม่หิวครับ หยวนหย่วนกินเถอะ "
สองแม่ลูกนั่งอยู่ไม่นาน รถโดยสารคันสุดท้ายก็มาถึงพอดีกับที่หยวนหย่วนกินขนมปังเสร็จ คราวนี้เด็กน้อยมีแรงเดินอย่างกระฉับกระเฉง
รถสองแถวคันเก่าที่มีสภาพไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ วิ่งตรงมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง ระหว่างทางต้องผ่านหลายหมู่บ้านที่แห้งแล้งและกันดาร
ลู่จิวมองภาพผู้คนที่ผอมโซอดอยากด้วยจิตใจที่หดหู่ จากที่เธอค้นหาข้อมูล หลายปีมานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย มีผู้คนจำนวนมากต้องอดอยากล้มตาย คนที่ยังเหลือรอดอยู่ก็มิรู้ได้ว่าจะอยู่ได้ถึงวันไหน
เมื่อนึกมาถึงจุกนี้ ลู่จิวก็เริ่มคิดที่จะเอาอาหารในมิติออกมาระบายสู่ท้องตลาด เพื่อหาเงินมาจุลเจือครอบครัวรวมทั้งดูแลแม่ของลู่จิวที่อยู่ปักกิ่ง
ตอนนี้เธอมีเงินค่าบ้าน 100 หยวน ค่ารักษาพยาบาล 180 หยวน และเงินที่ผู้นำหมู่บ้านให้หยวนหย่วนมาอีก 20 หยวน รวมเป็น 300 หยวน
หากจ่ายแค่ค่าเดินทางก็คงมีเหลือ แต่หากต้องใช้ในการเริ่มตนชีวิตใหม่เธอคงต้องหาเพิ่ม ในความทรงจำแม่ของลู่จิวรักลูกสาวมาก นางตามใจลู่จิวจนเสียคน
" แม่ครับ รถจอดแล้ว " หยวนหย่วนเห็นมารดากำลังนั่งใจลอยครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนรถจอดก็ยังไม่ได้สติ จนเขาต้องเข่ยาแขนบอก
" ถึงแล้วหรอลูก งั้นลงรถกันเถอะ "
" ครับ " สองคนแม่ลูกเดินลงรถไปจ่ายค่าโดยสาร พร้อมทั้งเอ่ยถามลุงคนขับรถด้วยว่ามีห้องเช่ารายวันอยู่ที่ไหนบ้าง
" ลุงคะ แถวนี้มีห้องเช่ารายวันไหมคะ "
" มีสิแม่หนู เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาตรงแยกข้างหน้าก็ถึงแล้ว มีห้องเช่ารายวันอยู่ใกล้ ๆ ตลาดผู้คนพลุกพล่านปลอดภัยแน่นอน "
ชายสูงวัยเอ่ยตอบลู่จิวอย่างเป็นกันเอง เขามองดูสภาพของเธอที่มีรอยช้ำตามตัวเต็มไปหมดก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงแนะนำให้เธอไปพักที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านหน่อย หากเกิดอะไรขึ้นอีกจะได้มีคนช่วยทัน
" ขอบคุณค่ะลุง ไปกันหยวนหย่วน "
" ครับแม่ " เด็กน้อยจับมือมารดาแล้วเดินไปด้วยกัน
ลู่จิวเดินไปตามทาง สายตาของเธอกวาดมองรอบตัว ตึกรามบ้านช่องไม่ต่างจากที่เธอเคยหาข้อมูลมาเลย ต่างเพียงรูปภาพที่เธอเคยเห็นเป็นภาพขาวดำเท่านั้น
ระหว่างทางเดิน มีผู้คนหิวโซอดอยากมากมายนอนอยู่ตามท้องถนน เธอจึงเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงห้องพักที่ว่าโดยเร็ว
" เธอสองคนแม่ลูกมาหาใคร "
หญิงร่างท้วมที่นั่งเฝ้าหน้าห้องเช่าอยู่เอ่ยถามลู่จิวกับหยวนหย่วน เพราะสองคนแม่ลูกมีสภาพที่ไม่แตกต่างจากคนจรไร้บ้านสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเก่าขาดปะชุน กระทั่งกระเป๋าที่ถืออยู่ก็เก่าแสนเก่า
มีเพียงรูปร่างหน้าตาเท่านั้นที่มีเค้าโครงดูดีหน่อย แต่ก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล
" ฉันต้องการห้องพัก 1 คืนค่ะ พอจะมีห้องว่าอยู่ไหมคะ " ลู่จิวเห็นสายตาของหญิงร่างท้วมเธอไม่ค่อยอยากใส่ใจสักเท่าไหร่ เลยเอ่ยถามถึงสิ่งที่เธอต้องการแทน
" มี แต่คืนละ 2 หยวนนะ ต้องจ่ายก่อนเข้าพักด้วย เธออยู่ได้ถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ " หญิงร่างท้วมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลงหน่อยเมื่อรู้ว่าเป็นลูกค้า
" นี่เงิน 2 หยวนค่ะ ฉันมีเรื่องอยากขอถามพี่สาวสักหน่อย ฉันต้องการเดินทางไปปักกิ่ง สถานีรถไฟอยู่ทางไหนหรือคะ "
" เธอต้องเดินไปอีก 2 ช่วงถนน แต่ฉันแนะนำว่าเธอควรไปหาซื้อตั๋วเอาไว้ก่อน แล้วยิ่งเดินทางสองคนแม่ลูกแบบนี้ยิ่งควรจองเป็นห้อง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย มาเถอะเดินตามฉันมาดูห้องก่อน "
หญิงร่างท้วมเดินนำสองคนแม่ลูกไปที่ห้องพักที่ว่างอยู่พร้อมทั้งปลดกุญแจให้ทั้งคู่ได้เข้าพัก
" ขอบคุณค่ะพี่สาว เดี๋ยวฉันขอพักสักหน่อยแล้วจะเดินไปที่สถานีรถไฟนะคะ "
" เธออย่าไปค่ำมากนะ คนจรเยอะมันอันตราย แล้วที่ขายตั๋วเขาเปิดถึงแค่ 5 โมงเย็นเท่านั้น "
" ค่ะพี่สาว ขอบคุณนะคะ "
เมื่อร่างหญิงร่างท้วมเดินออกไป ลู่จิวกับหยวนหย่วนจึงเดินเข้าห้องที่มีเตียงนอนนุ่ม ๆ และโต๊ะเครื่องแป้งตั้งอยู่ ดูเหมือนคนตัวเล็กจะตื่นเต้นที่จะได้นอนที่นอนนุ่ม ๆ เป็นครั้งแรกอยู่มาก
" หยวนหย่วน ลูกตั้งใจฟังสิ่งที่แม่จะบอกให้ดีนะ แต่ลูกต้องเก็บไว้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นเราคงต้องโดนจับไปแน่ ๆ "
" แม่มีอะไรหรือครับ "
ลู่จิวนึกถึงข้าวหมูกรอบและบะหมี่หมูแดง น้ำและนม ที่ตนเองตุนเอาไว้ เพียงพริบตาเดียวของทุกอย่างก็มาวางอยู่ตรงหน้าหยวนหย่วน
เด็กชายตัวน้อยดวงตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็น เขาทั้งตื่นเต้นดีใจและตกใจในเวลาเดียวกัน
" เป็นไปได้ยังไงครับแม่ แม่ทำได้ยังไง นี่มันน่าเหลือเชื่อมากเลยนะครับ "
" หึ หึ แม่ได้รับพรวิเศษมาจากท่านตาเทพเซียน ต่อไปนี้ลูกจะมีอาหารให้กินอิ่มทุกวัน เราไปเริ่มต้นชีวิตกันใหม่กับคุณยายนะลูก "
มือเรียวค่อย ๆ ไล่แกะอาหารออกมาให้บุตรชายได้ลิ้มลองรสชาติ รวมทั้งตัวเธอเองก็ต้องรีบกินเช่นกัน
" หื้ออ อร่อยมาเลยครับแม่ " ความกลัวหายไปหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความตื่นเต้นดีใจที่มารดาของตนเองมีพรวิเศษติดตัวเช่นนี้ ต่อไปเขาก็ไม่ต้องอดอยากแล้ว
" ค่อย ๆ กินลูก เดี๋ยวแม่ต้องออกไปซื้อตั๋วรถไฟ ลูกจะไปด้วยหรือจะรอแม่อยู่ที่นี่ "
" หยวนหย่วนรอแม่ที่นี่ก็ได้ครับ แต่แม่ห้ามทิ้งหยวนหย่วนนะ "
" แม่จะทิ้งลูกชายที่น่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกัน ลูกลุกมาล็อกห้องเร็วเข้า ถ้าไม่ใช่เสียงแม่ลูกห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาดเข้าใจไหม "
" ครับ "
" เด็กดี กลับมาแม่จะให้รางวัลเป็นช็อกโกแลตอร่อย ๆ "
" ครับแม่ " หยวนหย่วนใส่กลอนประตูที่อยู่ไม่สูงมาก เขาสามารถเอื้อมถึงได้โดยไม่ต้องใช้เก้าอี้ปีน
ลู่จิวหามุมลับตาคนเอาจักรยานออกมาปั่นตรงไปตามทางที่เจ้าของห้องเช่าบอกเอาไว้ ไม่นานก็ปรากฏรางรถไฟให้เธอปั่นตามไปที่สถานี
เมื่อมาถึงลู่จิวก็เอาจักรยานไปจอดช่องที่ใกล้ที่สุดกับช่องขายตั๋ว ร่างบางเดินไปสอบถามและซื้อตั๋วอย่างรวดเร็วเพราะเป็นห่วงบุตรชายที่อยู่ห้องเพียงคนเดียว
" ฉันอยากได้ตั๋วเข้าปักกิ่งวันพรุ่งนี้ พอจะมีว่างอยู่ไหมคะ " ลู่จิวเอ่ยถามชายสูงวัยที่กำลังทำหน้าที่ขายตั๋วอยู่
" เหลือแต่แบบห้องเดี่ยวเข้าได้ 4 คน แต่ราคาสูงมากถึง 60 หยวน เธอจะเอาไหมน้องสาว หากหมดรอบนี้แล้วก็ต้องรออีก 3-4 วันกว่าจะมีตั๋วว่างอีก ช่วงนี้คนเข้าไปชุมนุมที่ปักกิ่งเยอะทั้งยังต้องมีการตรวจตราที่เข้มงวดอีกด้วย "
ถึงราคาจะสูงมากแต่ลู่จิวกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เธอได้เข้าพักในห้องส่วนตัวทั้งยังมีการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ตลอดเวลาอีก
" เอาค่ะ นี่เงิน รถมากี่โมงหรือคะ แล้วฉันกับลูกต้องอยู่บนนั้นกี่วันถึงจะไปถึงปักกิ่ง "
" รถออก 7 โมงเช้า เธอต้องอยู่บนนั้น 7 วันกว่าจะถึงปักกิ่ง ระหว่างทางขบวนรถไฟจะจอดให้ผู้โดยสารพักวันละ 1-2 ครั้งเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่เดินแจ้งบนขบวน "
" ขอบคุณค่ะ "
ลู่จิวรับตั๋วรถไฟมาแล้วเก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะรีบปั่นจักรยานกลับไปที่ห้องพัก เธอเอาจักรยานไปเก็บเข้ามิติในมุมเดิม ก่อนจะเดินเข้าห้องเช่าไปหาบุตรชาย