เสียงของชาวบ้านที่อยู่รอบข้างเริ่มดังอื้ออึงขึ้นเมื่อได้เห็นท่าทางของนาง ยิ่งทำให้หวังอี๋นั่งเกลียดลูกสะใภ้หนักกว่าเดิม
" อย่าบอกนะว่าหวังอี๋นั่วกลั่นแกล้งลูกสะใภ้จริง ๆ "
" นั่นสิ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันสงสารลู่จิวมากเลยนะที่ถูกทำร้ายจนปางตายขนาดนี้ "
" ใช่ ฉันไม่เห็นลู่จิวจะออกมายุ่งเรื่องชาวบ้านนานแล้วนะ วัน ๆ เห็นแต่ทำงานแทนทุกคนที่บ้านหวัง "
" โห นี่บ้านหวังจะรังแกลูกสะใภ้เกินไปแล้ว "
" เกิดอะไรกันขึ้น มีคนไปตามฉันบอกว่าเกิดการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันจริงไหม "
เสียงผู้นำหมู่บ้านดังขึ้น จนทำให้ผู้คนที่มุงกันอยู่ถอยห่างจากลู่จิวเพราะกลัวความผิด
" เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะท่านผู้นำ เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นจ้ะ " หญิงชาวบ้านคนที่ลงมือทำร้ายลู่จิวกล่าวขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
" ไม่มีอะไรได้ยังไงกัน ลุงผู้นำคะฉันขอแจ้งเรื่องเอาไว้ รอฉันหายดีก่อนฉันจะเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจหรือไม่ก็แจ้งเรื่องต่อทหารค่ะ มีคนรุมทำร้ายฉันปางตายขนาดนี้แล้วบอกว่าเข้าใจผิดไม่ง่ายเกินไปหรือคะ "
สิ้นคำของลู่จิวจากบ้านทุกคนที่รุมทำร้ายเธอหน้าซีดเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด ผู้นำหมู่บ้านรีบสำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของลู่จิวเขาจึงบอกให้เธอกลับไปพักก่อน
" ลู่จิว ลุงว่าเธอกลับไปพักก่อนเถอะ เรื่องนี้ลุงไม่นิ่งนอนใจแน่ ๆ ทุกคนที่ทำร้ายเธอต้องได้รับโทษ "
ผู้นำหมู่บ้านรู้จักกับหวังป๋อเหวินและเอ็นดูสงสารเขาอยู่มาก ก่อนที่ป๋อเหวินจะไปเป็นทหารเขาได้มาฝากฝังให้ดูแลภรรยาและบุตรชาย
แต่ผู้นำหมู่บ้านก็ทำได้เพียงดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยว่าบางอย่างเป็นเรื่องภายในครอบครัวเขาก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
" ฝากจัดการทางนี้ด้วยนะคะคุณลุงผู้นำ หนูขอไปทำแผลที่บ้านก่อนค่ะ "
" ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ " ผู้นำหมู่บ้านกวาดสายตาดูลูกบ้านที่คาดว่าเป็นคนลงมือทำร้ายลู่จิวด้วยสายตาดุดันน่ากลัว
" หยวนหย่วน เรากลับบ้านกันเถอะลูก " ร่างบางหันไปเอ่ยกับบุตรชายตัวน้อยที่ประคองแขนเธออยู่ตลอด
" ครับแม่ ไปทางนี้ครับ " เมื่อมีบุตรชายพาเดินไป ลู่จิวก็เดินคู่กันไปเงียบ ๆ เพราะอาการปวดที่แผลเริ่มโจมตีเธอขึ้นเรื่อย ๆ
ทางฝั่งผู้นำหมู่บ้านก็เริ่มซักถามว่าเรื่องเกิดจากอะไร และใครบ้างที่ลงไม้ลงมือกับลู่จิวจนเลือดอาบขนาดนี้
" ว่ายังไง ทำไมไม่มีใครตอบ หรือว่าเธอที่เป็นคนทำร้ายลู่จิวคนเดียวหรือซูเจีย "
เมื่อถามทุกคนแล้วไม่มีใครยอมนับผู้นำหมู่บ้านจึงใช้วิธีโยนความผิดเพื่อให้เจ้าตัวซัดทอดกันเอง
" ได้ยังไงกันท่านผู้นำ ตอนรุมทำร้ายก็ทำกันตั้ง 6-7 คน จะมาให้ฉันรับผิดชอบคนเดียวได้ยังไงกัน " เมื่อคนทำผิดกลัวการแบกรับโทษทั้งหมดเอาไว้คนเดียว ทุกอย่างก็เข้าทางตามที่ผู้นำหมู่บ้านอยากให้เป็น
" ก็บอกมาสิว่ามีใครบ้าง ก่อนที่ลู่จิวจะเข้าเมืองไปแจ้งทหารมาในวันพรุ่งนี้ หากถึงตอนนั้นฉันคงช่วยไกล่เกลี่ยอะไรให้ไม่ได้แล้วนะ "
ชาวบ้านที่ได้ยินผู้นำหมู่บ้านพูดก็เริ่มมองเห็นทางรอดของตัวเอง ทุกคนที่รุมทำร้ายลู่จิวเริ่มเดินออกมาสารภาพทีละคนจนครบ
ทุกคนต่างซัดทอดว่าได้รับการยั่วยุจากหวังอี๋นั่วและหวังเยียน จึงทำให้เกิดอารมณ์โกรธเคืองและลงมือทำร้ายลู่จิวโดยไม่ได้ถามไถ่อะไร
" คิดกันบ้างไหม ถ้าคนที่ถูกทำร้ายเป็นลูกของตัวเองจะรู้สึกยังไง ถ้าไม่อยากถูกจับส่งไปศูนย์กักกันก็รีบไปเอาเงินค่ารักษาพยาบาลมาให้ลู่จิว คนละ 20 หยวน "
" ห๊า!! /ห๊า!!/20 หยวน!! " สิ้นคำของผู้นำหมู่บ้าน กลุ่มคนที่ทำร้ายลู่จิวต่างก็โอดครวญเสียดายเงินกันเป็นแถว
" แต่ฉันเป็นแม่สามีของลู่จิวนะท่านผู้นำ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องในครอบครัว ฉันไม่จำเป็นต้องจ่ายใช่ไหม " หวังอี๋นั่วรับหาเหตุผลต่าง ๆ มาลบล้างความผิดของตัวเองเหมือนเช่นเคย
"การที่เธอยุยงให้คนอื่นไปทำร้านลู่จิวไม่ใช่เรื่องภายในครอบบครัวนะอี๋นั่ว แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องภายในครอบครัวหากทำร้ายกันปางตายขนาดนี้คนทำก็ต้องติดคุกเช่นกัน แล้วยิ่งเป็นคุกของทหารด้วยยิ่งเข้มงวดกว่าเดิม "
ผู้นำหมู่บ้านไม่ได้ขู่แค่หวังอี๋นั่ว สายตาของเข้ากวาดมองลูกบ้านที่ก่อเรื่องทั้งหมดไปพร้อม ๆ กัน
" ผู้นำรอสักครู่ ฉันจะไปเอาเงินมาให้เดี๋ยวนี้แหละ เพราะแกสองคนที่ทำให้ฉันต้องเสียเงินก้อนนี้ ถ้ามาให้เห็นหน้าอีกฉันจะตบให้คว่ำเลยคอยดู "
หญิงสาวที่ชื่อซูเจียชี้หน้าคาดโทษคู่แม่ลูกมหาภัยที่นำคุกมาให้เธอ ซ้ำยังทำให้เธอต้องเสียเงินตั้ง 20 หยวน นั่นมันเท่ากับเงินค่าแรงทำงานทั้งเดือนเลยนะ
" เอายังไงดีแม่ นี่เราสองคนต้องเสียเงิน 40 หยวนให้นังลู่จิวมันจริง ๆ หรอจ๊ะ " หวังเยียนเอ่ยถามมารดาด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ
" หรือแกอยากไปเข้าคุกทหารละ จ่าย ๆ ไปเถอะยังไงป๋อเหวินก็ยังส่งเงินมาให้เราใช้อยู่ "
" แล้วถ้านังลู่จิวรู้ว่าพี่ป๋อเหวินส่งเงินมาให้ทุกเดือนแต่เราไม่ให้มันละจ๊ะแม่ มันจะมาทวงเงินพวกนี้คืนไหม "
" แกไม่ต้องห่วง กลับไปถึงบ้านฉันจะไล่ตะเพิดมันสองแม่ลูกออกจากบ้านให้ดู กล้านักที่มาทำให้ฉันอับอายชาวบ้าน "
" แต่เงินที่สร้างบ้านเป็นของพี่ป๋อเหวินนะแม่ "
" แต่ที่เป็นของพ่อแก หากลูกเนรคุณพ่อแม่ก็ต้องมีสิทธิ์ยึดคืนสิ "
บทสนทนาของสองแม่ลูกอยู่ในสายตาของผู้นำหมู่บ้านทั้งหมด เขาถึงกับส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจและรู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องกับลู่จิวอีกแน่นอน
ชาวบ้านทุกคนต่างนำเงินมาจ่ายจนครบ รวมทั้งหวังอี๋นั่วและหวังเยียนด้วย ไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ส่วนเงินของลู่จิวเป็นผู้นำหมูบ้านและภรรยาที่เก็บไว้ให้เธอ
" ยายเฒ่า ฉันว่าลู่จิวกับหยวนหย่วนคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วแน่ ๆ เราคงต้องทำทีไปหาเจ้ารองเสียแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยทันเวลา "
ผู้นำหมู่บ้านชวนภรรยาไปนั่งเล่นที่บ้านน้องชายของตนเองที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านหวัง จากที่ดูอาการของลู่จิวหากเกิดอะไรขึ้นอีกเธอคงสู้ไม่ไหวเป็นแน่
" ฉันก็คิดเหมือนแกแหละตาเฒ่า บ้านหวังนี่มีแต่คนใจร้ายเสียจริง หวังเฟิงเหมียนก็กระไร ทำไมไม่รู้จักควบคุมดูแลเมียตัวเอง "
" จะดูแลอะไรได้เล่า กลัวเมียเสียขนาดนั้น เฮ้ออ เป็นเวรเป็นกรรมของครอบครัวป๋อเหวิน เมื่อไหร่จะหลุดพ้นเสียทีก็ไม่รู้ "
พอคุยกันจบสองสามีภรรยาก็พากันเดินไปทางบ้านหวัง และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้
ลู่จิวเดินมาถึงสถานที่ ที่เรียกว่าบ้าน เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำว่าในบ้านมีเพียงเสื่อบาง ๆ หมอน 2 ใบ และผ้าห่มอีก 1 ผืนเท่านั้น ความสงสารแล่นตำเข้าในหัวใจของเธอเมื่อก้มลงมองใบหน้าของหยวนหย่วนที่ตอนนี้กลายมาเป็นบุตรชายของเธอแล้ว
ลู่จิวเดินไปล้างตัวล้างแผลในห้องน้ำ เธอเอาชุดทำแผลที่เธอเตรียมไว้ในมิติออกมาทำแผลจนเสร็จเรียบร้อยเธอเก็บของเข้าไปในมิติ เธอไม่ลืมจะกินยาแก้ปวดกันไว้ด้วย แล้วค่อยเดินออกมาหาบุตรชายที่รอยู่ด้านนอกไม่ยอมขยับไปไหน
" แม่ปวดมากไหมครับ " จ๊อก จ๊อกกกก
ยังไม่ทันที่ลู่จิวจะได้ตอบอะไร เสียงท้องของเด็กชายก็ดังประท้วงขึ้นมาจนเธอต้องยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
" หยวนหย่วนหิวหรอลูก " มือเรียวยื่นไปลูบกลุ่มผมของบุตรชายเบา ๆ เธอมีเรื่องให้ต้องคิดอีกหลายอย่างแต่ยังไงตอนนี้ต้องหาอาหารให้เจ้าตัวน้อยกินให้อิ่มท้องก่อน
" ครับ ตะ..แต่บ้านเราไม่มีอะไรกินครับแม่ ทุกอย่างอยู่ที่บ้านของย่าทั้งหมด "
ใบหน้าน้อย ๆ ก้มลงเมื่อต้องนึกถึงข้าวปลาอาหาร แม้แต่เนื้อสักชิ้นที่ตนเองแทบจะไม่เคยได้มีโอกาสกิน ลู่จิวพยายามค้นหาเรื่องราวจากความทรงจำของร่างนี้ ไม่นานเธอก็รู้ได้ว่าทำไมบุตรชายของเธอจึงหน้าเศร้าขนาดนี้
" ไม่เป็นไรหยวนหย่วน ต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้แล้วลูก ลูกจะได้กินข้าวอิ่มท้องทุกมื้อแม่สัญญา "
" จริงหรือครับแม่ ผมรักแม่ที่สุด "
หมับ
เด็กชายตัวน้อยกอดมารดาด้วยความดีใจที่มารดาของเขารับปากเช่นนั้น ทั้งที่เขายังไม่เห็นข้าวสักเม็ดก็ตาม