วิญญาณของลี่จินได้พบกับชายชราอีกครั้ง แต่เป็นสถานที่ใดเธอมิอาจรู้ได้ สิ่งที่เธอรับรู้มีเพียงความเหน็บหนาวและไอหมอกลอยล่องไปทั่วจนเธอไม่สามารถมองเห็นทางเดินได้
" มาแล้วรึแม่หนู " เสียงของชายชราเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นการมาถึงของคนที่ตนเองรออยู่
" ค่ะคุณตา แล้วหนูต้องทำยังไงต่อคะ "
ลี่จินตั้งใจรอฟังคำตอบที่เธอต้องการรับรู้อย่างตั้งอกตั้งใจ หลายสิ่งคาใจเธออยู่นานแล้วว่าด้วยเหตุผลใดหญิงสาวร่างบางให้ความฝันของเธอ ถึงถูกทำร้ายขนาดนั้น
" ฮึ เจ้าคงมีบางเรื่องคาใจอยู่ใช่หรือไม่ เช่นนั้นเราผู้เฒ่าจะมอบความทรงจำของนางให้แก่เจ้า จงดูและจดจำเอาเถิด "
ทันใดนั้นภาพขนาดใหญ่ถูกฉายชัดอยู่ตรงหน้าของลี่จิน พฤติกรรมของหญิงสาวเจ้าของร่างทำให้เธอปวดหัวไม่น้อย เธอชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ยุแยงปลุกปั่นให้คนทะเลาะกันเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอต้องการ
หญิงสาวคนนั้นมีชื่อว่า ลู่จิว ครอบครัวของเธอเหลือเพียงมารดาคนเดียวที่อาศัยอยู่ชานเมืองปักกิ่ง แต่ตัวเธอกำลังศึกษาอยู่จึงถูกส่งตัวมาในนามของยุวปัญญาชนเมื่อ 5 ปีก่อน
หมู่บ้านที่เธออยู่ตอนนี้เป็นพื้นที่ของมณฑลชิงไห่ ห่างจากมณฑลปักกิ่งบ้านของเธอเกือบ 1700 กิโลเมตร หาจะไปต้องใช้เวลาเดินทางร่วมอาทิตย์เดินทางด้วยรถไฟที่มีค่าโดยสารแพงลิ่ว
นั่นจึงเป็นเหตุที่เธอต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อนานวันเข้าเธอก็เริ่มทนความลำบากไม่ไหว ลู่จิวมองหาลู่ทางที่จะออกจากห้องพักของยุวปัญญาชนที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็น 10 คนต่อ 1 ห้อง
เธอเริ่มตีสนิทกับหวังเยียน ลูกสาวคนเล็กของบ้านหวังเพื่อเข้าหาพี่ชายคนรองเธอที่ยังโสดอยู่ เริ่มแรกลู่จิวเอาอกเอาใจประจบประแจงเข้าไปช่วยงานในบ้านสารพัดอย่าง เพื่อให้หวังอี๋นั่วผู้เป็นแม่พอใจและให้ความช่วยเหลือเธอ
ในที่สุดเธอก็สมใจปรารถนา เมื่อหวังเยียนและแม่หวังพึงพอใจที่มีคนมายอมรองมือรองเท้าให้ตน ทั้งสองจึงช่วยกันวางยาปลุกกำหนัดหวังวป๋อเหวินบุตรชายคนรอง ที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
เพียงแค่เขามีประโยชน์ดึงภรรยามาทำงานในบ้านให้ทุกอย่างก็ดีแล้ว จะเรียกว่าหวังป๋อเหวินเป็นลูกชังของบ้านก็ไม่ผิด เพราะทุกคนต่างชื่นชมเพียงบุตรชายคนโตและสะใภ้ใหญ่
สุดท้ายหวังป๋อเหวินก็ได้เสียกับลู่จิวโดยมีแม่และน้องสาวเป็นคนจัดฉาก ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนั้นทั้งที่ไม่ได้จัดงานแต่ง จนกระทั่งลู่จิวให้กำเนิดบุตรชายที่มีชื่อว่าหวังหยวน
แต่ด้วยความที่บิดาเป็นลูกชัง ผลกระทบทุกอย่างก็ถูกส่งต่อมาที่เด็กน้อยหวังหยวนอีกทอดหนึ่ง เมื่อหวังป๋อเหวินทนให้บุตรชายถูกรังแกไม่ไหว เจ้าตัวจึงไปสมัครเป็นทหารเพื่อหาเงินส่งสร้างบ้านให้ลูกและภรรยา
แม้ภรรยาจะมีพฤติกรรมที่แย่ขนาดไหนเขาก็อดทน เพราะไม่อยากให้บุตรชายต้องขาดมารดาและรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
หวังหยวนคลอดมาได้เพียง 1 ปีหวังป๋อเหวินก็จากบ้านไป เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่ป๋อเหวินไม่ได้กลับมาหาภรรยาและลูก มีเพียงเงินที่ส่งมาสร้างบ้านหลังน้อยให้ทั้งสองอยู่เพื่อหวังว่ากลับมาครั้งนี้เขาคงได้เห็นรอยยิ้มของบุตรชาย ป๋อเหวินไม่เคยรู้เลยว่าหลังจากที่สร้างบ้านเสร็จ มารดาของเขาได้บอกกับลู่จิวว่าเขาไม่ได้ส่งเงินมาอีก และปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่กันแบบอด ๆ อยาก ๆ ต่อไป
หวังป๋อเหวินไม่เคยรู้เลยว่าสภาพของลูกและภรรยาย่ำแย่แค่ไหน ลู่จิวเมื่อเธอคลอดลูกแล้วความคิดของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ยิ่งสามีต้องไปเป็นทหารนานหลายปีงานทุกอย่างที่อยู่ในบ้านใหญ่ต้องตกเป็นหน้าที่ของเธอและบุตรชาย
ถึงเธอจะแยกบ้านแล้วแต่แม่และน้องสาวของสามีก็ยังมาตามโขกสับให้ทั้งสองไปทำงานให้ จนล่าสุดลู่จิวแข็งข้อและไม่ยอมทนอีกต่อไป หวังอี๋นั่วและหวังเยียนจึงไปยุยงยืมมือชาวบ้านให้มาทำร้ายเธอ
โดยใช้นิสัยเก่าของเธอมาเป็นข้ออ้าง กล่าวหาว่าเธอเป็นคนเอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพูดนินทาว่าร้ายเหมือนครั้งในอดีต ทั้งที่เธอเลิกทำไปนานแล้วตั้งแต่หลังจากที่สามีไปเป็นทหาร บวกกับงานบ้านที่กองท่วมหัวเธออยู่ด้วย
" เจ้าไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้นหรอกแม่หนู เจ้าของร่างนั้นได้ไปชดใช้สิ่งที่เคยกระทำเอาไว้แล้ว ต่อไปนี้เป็นเจ้าที่ต้องใช้ร่างของนางต่อ เจ้าจงระวังตัวเองให้ดี ข้าวของที่มีอย่าได้เอาออกมาให้ผู้คนได้พบเห็นไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตรายได้ "
" ค่ะคุณตา หนูจะระวังตัวให้มากค่ะ "
ลี่จินมองภาพเรื่องราวต่าง ๆ อยู่เนินนานจนเกือบร้องไห้เพราะความสงสาร ที่ลู่จิวพยายามแล้วที่จะปรับตัวแต่ก็ไม่มีคนเชื่อเธอซ้ำยังถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
" ไปกันเถอะ เจ้าเด็กน้อยคนนั้นคงใจเสียมากแล้ว "
" ค่ะ " สติของลี่จินค่อย ๆ เลือนหายไปจนสิ้นการรับรู้
-------------------------------------
ช่วงเวลา ปี 1975
( ต่อไปนี้จะเรียกลี่จินว่าลู่จิวแล้วนะคะ )
" ฮื้อออ แม่ครับ แม่ได้ยินหยวนหย่วนไหมครับ เเม่อย่าเป็นอะไรไปนะครับผมไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว "
เด็กชายตัวน้อยนั่งเขย่าแขนมารดาที่นอนจมกองเลือดอยู่ข้างถนน เขาไปขอความช่วยเหลือจากอาสาวและย่า ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเข้ามาช่วยแม่ของเขา
" ใครก็ได้ช่วยแม่ผมด้วย แม่ผมไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาจริง ๆ นะครับ ฮึก ฮื้อ ย่าครับ ช่วยแม่ด้วย "
สายตาที่ทุกคนมองเด็กน้อยมีเพียงความเวทนา แต่เมื่อมองไปยังร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่กลับเต็มไปด้วยความสะใจ โดยที่ไม่สอบถามความจริงเลยด้วยซ้ำ
" แม่คะ ถ้านังลู่จิวตายจริง ๆ เราจะบอกทุกคนว่ายังไงคะ "
หวังเยียนเอ่ยถามมารดาที่ยืนอยู่ข้างกัน เธอเพียงอยากจะสั่งสอนให้ลู่จิวกลับมาพินอบพิเทาต่อเธอ และเชื่อฟังทำงานบ้านให้เธอเหมือนเดิม เธอจึงไปปลุกปั่นใส่ร้ายให้ชาวบ้านมารุมทำร้ายเธอ
" แกหุบปากให้สนิทไปเลยนะ ถ้ามันตายจริง ๆ ก็ดีสิ ฉันจะได้ยึดบ้านของมันมาให้หวังเหล่ยลูกรักของฉัน "
หวังอี๋นั่วผู้เป็นมารดาตอบออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งยังดีใจด้วยซ้ำที่ลู่จิวจะตกตายไป นางจะได้มีข้ออ้างยึดบ้านหลังนั้นมาให้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนาง
แค่ก แค่ก
ยังไม่ทันขาดคำเสียงไอของลู่จิวก็ดังขึ้น ทำให้หวังอี๋นั่วหัวเสียอยู่ไม่น้อย ที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ
" ฮึก แม่ แม่ครับ แม่ฟื้นแล้ว " เด็กชายตัวน้อยร้องเสียงดังด้วยความดีใจที่เห็นมารดาได้สติกลับมาแล้ว
" อึก โอ๊ย ซี๊ดดด "
ลู่จิวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาความรู้สึกแรกที่เธอสัมผัสได้คือความเจ็บปวด ไม่นานกลิ่นคาวเลือดก็แล่นเข้ามาในจมูกของเธอ
สายตาของร่างบางค่อย ๆ กวาดมองไปทั่วบริเวณ มีสายตาของชาวบ้านหลายคนที่มองเธออยู่อย่างรังเกียจ แม้แต่ตัวต้นเรื่องเองก็ยังยืนยิ้มเยาะเธออย่างสะใจ
" แม่ครับ แม่ลุกไหวไหมครับ เรากลับบ้านกันเถอะ "
ในขณะที่ลู่จิวกำลังมองสองแม่ลูกบ้านหวังอยู่ ก็มีเสียงของเด็กน้อยมาเรียกสติเธอกลับคืน
" เด็กน้อย ช่วยพยุงฉั...เอ่อ ช่วยพยุงแม่หน่อยได้ไหม " ลู่จิวหลุดปากออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเธอจึงต้องจดจำว่าต้องใช้คำแทนตัวว่าแม่
" ครับ หยวนหย่วนจะช่วยแม่เอง " หวังหยวนเด็กชายตัวน้อยเข้ามาประคองมารดาขึ้นช้า ๆ ในขณะที่มือของลี่จินก็กุมแผลที่ขมับซ้ายเอาไว้ เพื่อห้ามเลือด
" ฉันขอถามอะไรทุกคนหน่อยได้ไหม ถ้าวันนี้ฉันตายไปใครจะรับผิดชอบ ก่อนจะรุมทำร้ายฉันได้สืบสาวราวเรื่องก่อนหรือยังว่าใครเป็นคนพูด แล้วที่สำคัญ มีใครได้ยินด้วยตัวเองหรือเปล่าว่าฉันพูด "
สิ้นเสียงของลี่จินชาวบ้านต่างหันไปมองหวังอี๋นั่วและบุตรสาวเป็นตาเดียว เพราะเป็นทั้งสองที่เอาเรื่องพวกนี้มาเล่าให้ชาวบ้านฟัง
" ฉันไม่ยอมให้ใครทำร้ายเปล่า ๆ หรอกนะ ในเมื่อทุกคนคิดว่าฉันพูดงั้นก็ไปสถานีตำรวจกันเลย คนที่ทำร้ายฉันก็มาให้ครบทุกคนนะ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่สร้างเรื่อง "
" ได้ยังไงกัน ถ้าเธอจะจับก็ไปจับแม่สามีเธอสิ ว่ายังไงอี๋นั่ว เธอกับลูกสาวไม่ใช่หรือที่เอาเรื่องพวกนี้มาพูดให้ชาวบ้านฟัง "
หญิงวัยกลางคนที่รุมทำร้ายลู่จิวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเหมือนว่าจะไม่ได้ทำผิดอย่างที่กล่าวหา นางจึงรีบหันไปหาตัวต้นเรื่องที่คาบข่าวมาบอก จนทำให้ทุกคนอารมณ์ปะทุโกรธกรุ่น
" อะ เอ่อ แกหุบปากไปเลยนะนังลู่จิว แกกล้าดียังไงมาพูดให้ชาวบ้านมองฉันไม่มีแบบนี้ ฉันเป็นแม่สามีของแกนะ "
หวังอี๋นั่วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก นางรู้ดีว่านานแล้วที่ลู่จิวไม่ได้ทำนิสัยแบบนี้ หรือแม้แต่สู้นางลู่จิวก็ไม่เคยทำ แต่วันนี้เจ้าตัวกลับเปลี่ยนไป
" ฉันแค่ถามชาวบ้านค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรคุณ นอกจากคุณจะเป็นตัวต้นเรื่องถึงได้ร้อนตัวเอง "
ลู่จิวตอบกลับอย่างไม่ยอม โดยไม่รู้ตัวว่าความเดือดร้อนกำลังจะมาเยือน ยิ่งเธอพูดแบบนั้นแม่สามีที่ไม่ชอบเธออยู่แล้วยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
" แก!! แกอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ไม่จริงนะอย่าไปเชื่อมัน จำไม่ได้แล้วรึว่ามันเป็นคนยังไง "
หวังอี๋นั่วผู้แม่ใช้เสียงดังกลบเกลื่อนความผิดแต่ไม่อาจปกปิดท่าทางที่ร้อนรนดูมีพิรุจได้ สายตาของนางอาฆาตลู่จิวปานจะกินเลือดกินเนื้อเธอ