2 - ความเชื่อของ MR. NORTH POLE
“เห้อออ...”
ผมและหยดน้ำทำเสียงด้วยความผิดหวัง ถอนหายใจให้รู้สึกว่ามันคือเรื่องเบื่อหน่ายและไร้สาระมาก คนอย่างปอแก้วอ่านหนังสือนิยายมากจนแยกแยะความเป็นจริงกับความเสมือนจริงไม่ออกหรือไง เรื่องนี้ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่เคยมีการค้นพบแล้วมันไปหาข้อมูลมาจากไหน ถึงเชื่อเป็นตุเป็นตะแบบนี้
“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่เชื่อ”
นอร์ทยืนยันว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องจริง มันมีที่ไหนที่ปอแก้วบอกว่า MR. NORTH POLE มีตัวตนอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ พวกเขาเฝ้ามองดูทุกคนบนโลกมนุษย์ ใครปรารถนาอยากได้อะไรก็เขียนจดหมายเกล็ดหิมะ พร้อมหมึกปากกาสีดำชนิดพิเศษแล้วคำขอจะเป็นจริง มันดูเป็นนวนิยายนิทานหลอกเด็กที่พวกเขาได้ยินมาตั้งแต่เด็ก อาทิซานต้าครอส กวางเรนเดียร์แล้วอีกอย่างที่นี่ประเทศไทย กว่าจะลากกวางเรนเดียร์มาได้ คงละลายตายเพราะแสงพระอาทิตย์แผดเผาไม่เหลือร่างชิ้นดีในประเทศเขตร้อน
“มึงช่วยฟังก่อนได้ไหมนอร์ท”
“ให้กูฟังมึงบอกว่ากวางเรนเดียร์ ซานตาครอสหรือมิสเตอร์นอร์ทโปลคือผู้ให้ความรัก มึงนับถือคริสต์มากจนล้างสมองไปแล้วเหรอ” ผมว่าปอแก้วควรไปเช็กสมองจะได้แยกแยะความเป็นจริงออกจากโลกความฝันบ้าง ไม่ใช่เอะอะทำเส้นเวลาและความเป็นจริงปั่นปวนไปหมด
“มึงไม่เชื่ออย่ามาลบหลู่กู”
“คุณตำรวจกาลเวลาครับ ไอ้ปอแก้วมันเป็นอาชญากรรมทำเส้นเวลาปั่นป่วนไปหมด ผมกับโดราเอมอนเป็นพยานให้ได้เลยครับ” ผมทำเป็นหยิบโทรศัพท์ทำเป็นโทรหาตำรวจกาลเวลา ผมแจ้งเบาะแสว่ามีคนปัญญาอ่อนทะลุมิติย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีต ทำเรื่องวุ่นวายไปหมด ตำรวจกาลเวลาช่วยสะกัดจับปอแก้วให้มันนอนคุกกาลเวลาไม่ต้องกลับมาพุทธศักราชนี้
“กูไม่ใช่แม่หญิงการะเกด จะได้ย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนอดีตสามร้อยปีก่อนได้นะเว้ย”
“ก็เหมือนกัน ตอนนี้มึงอยู่ปัจจุบันช่วยเลิกดูหนังการ์ตูนก่อน” ผมรู้อยู่แล้วว่านอร์ทมันไม่เชื่อ แต่สักวันผมจะพิสูจน์ให้มันดูต่อหน้าต่อตาไปเลยว่าสิ่งที่ผมพูดมันมีอยู่จริง มิสเตอร์นอร์ทโปลอยู่ที่ขั้วโลกเหนือกำลังมองดูผู้คนบนโลกมนุษย์ รอจดหมายเกล็ดหิมะเพื่อบันดาลคำขอเป็นจริง
“กูพูดจริง...”
“แล้วมึงเอาอะไรมาพิสูจน์ว่ามีจริง” ผมขอให้ปอแก้วเอาหลักฐานมายืนยันเลยว่าถ้ามิสเตอร์นอร์ทโปลมีอยู่จริง ผมอยากให้เขาให้เลขเด็ดสักตัว ไม่ผมหรือไม่จะได้ไปซื้อแล้วถูกรางวัลกับเขาบ้าง จะได้ไม่ต้องมาทำงานกับเสี่ยงอมืองอเท้าแล้ว ผมจะได้ไปใช้เงินรางวัลเป็นล้านเสพความสุขต่อไป
“มิสเตอร์นอร์ทโปลเขาจะมาพร้อมกับลมหนาวของขั้วโลกเหนือ เขาจะมีลักษณะพิเศษหุ่นหมีเหมือนหมีขั้วโลก...” นอร์ทยิ่งฟังยิ่งไม่ได้สาระมากกว่าเดิม ผมว่าปอแก้วเลิกเพ้อหนังการ์ตูนจากดิสนีย์ก่อน มันจะได้แยกแยะโลกความจริงออก ผมปัดมือทำบ่ายเบี่ยงไม่รับฟังแล้วจะได้กินข้าวมื้อนี้อย่างสบายใจ ถ้าปอแก้วอยากกินอะไรสักเอาเองก็แล้วกัน ผมฟังมันเพ้อเจ้อต่อไปจะได้ไม่งมงายเหมือนเขา
หลังจากนั้น
“ไอ้หยดน้ำ มึงเชื่อไอ้ปอแก้วได้ไงวะ หน้าแบบมึงชอบเรื่องงมงายเหรอ” ผมออกจากร้านมาได้พักหนึ่ง หยดน้ำมันถามผมว่ามิสเตอร์นอร์ทโปลหน้าตาเป็นยังไง ผมจะไปตอบได้ยังไง มันไม่มีอยู่จริงแล้วคิดยังไงไปเชื่อคนแบบปอแก้ว ตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมา มันอาจจะเป็นมิจฉาชีพมาหลอกเอาเงินชาวบ้าน คนพวกนี้สิบแปดมงกุฎในคราบเพื่อนสนิทมาก
“กูไม่ได้เชื่อแค่สงสัย”
“มันต่างกันตรงไหนวะ”
คำว่าสงสัยกับเชื่อมันก็ไม่ได้มีความหมายต่างกัน ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ไอ้ปอแก้วมันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎหลอกให้คล้อยตามความเชื่อที่มันสร้างแล้วเอาเงินค่าครูไปใช้ส่วนตัวหรือเปล่า ผมว่าถ้าตำรวจอยู่แถวนี้ผมกับหยดน้ำจะแจ้งจับพร้อมหลักฐานคามือเอง
“ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมา มันเหมือนกูได้รับความเย็นจากตัวมันเสมอ กูไม่รู้ว่าปอแก้วมันเป็นเจ้าของกิจการแอร์หรือไง อยู่ด้วยทีไรเย็นไม่ต้องพึ่งแอร์ราคาแพงเลย” หยดน้ำสงสัยว่าปอแก้วมันเป็นมิสเตอร์นอร์ทโปลหรือเปล่า อยู่ด้วยทีไรเย็นราวกับมีน้ำแข็งฝังบนตัว เกล็ดแท่งจะงอกออกมาจากร่างกายได้แล้ว แล้วดูท่าทางจะมีความเชื่อบ้าบอจนผมคิดว่าเหมือนโดนล้างสมองไปแล้ว
“มึงก็คิดมากไปไหม”
“แล้วมึงไม่รู้สึกหนาวเวลาอยู่กับมันเหรอ” ผมคิดตามหยอดน้ำแล้วพบว่าบางครั้งเวลาผมอยู่กับปอแก้วทำไมอากาศรอบตัวผมมันหนาวจนคิดว่าตอนนี้ผมอยู่ขั้วโลกเหนือยังไงไม่รู้ ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ ผมเตือนหยดน้ำว่าอย่าเชื่ออะไรแบบนี้มาก เพราะมันจะล้างสมองจนไม่เหลือชิ้นดีเลยทีเดียว มันอาจจะเปิดบัญชีม้าหลอกทุกคนให้หลงเชื่อความคิดบ้า ๆ ก็ได้
“แล้วมึงต่างอะไรกับมันล่ะ”
“เอาเป็นว่าความเชื่อของมันดีกว่ากูก็แล้วกัน” ผมคิดว่าความเชื่อของผมดีกว่าปอแก้วและมีความเป็นไปได้มากกว่าเขา สิ่งที่เพื่อนผมบอกมามันเป็นอุปกรณ์ที่ผมชอบมันที่สุด ซึ่งถ้าใครรู้ว่าผมใช้ของแบบนี้ตามหาความรักคงมีคนคาดไม่ถึงจนคิดว่าผมบ้าไปแล้วแน่นอน
“งั้นกูไปทำงานก่อนนะ”
ผมแยกกับหยดน้ำเพื่อออกไปทำงานต่อ จะได้ไปผ่อนคลายสมองบ้าง แม้ว่าสิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่เรื่องงานแต่ฟังแล้วปวดสมอง เพื่อนผมมันเป็นคนยังไงแยกชีวิตจริงกับความฝันไม่ออก ผมไม่รู้ว่ามันมีจริงหรือเปล่า นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีการพิสูจน์ วิจัยออกมาเลยแล้วมันไปรู้มาจากไหน ดูงมงายมากกว่าความจริงเสียอีก
ที่บ้านปอแก้ว
ผมกลับมาที่บ้านของตนเองพร้อมหูฟังแม่เหล็กที่แนบหูราวกับฝังไว้ในร่างกาย เมื่อผมมาถึงบ้านแล้ว ผมกดหูฟังให้ความเย็นแผ่ซ่านออกมา ผมออกไปข้างนอกร้อนมากผิวผมแทบละลาย แต่ทำยังไงได้ ที่นี่ประเทศเขตร้อนต้องอดทนเพื่อแลกกับความต้องการบางอย่างที่ปลายสายคนสนิทของผมกำลังคุยกันตลอดเวลาผ่านโลกใบนี้
“MR. NORTH POLE ผมว่าผมเริ่มท้อแล้ว...”
“ใจเย็นสิ ลงมาโลกมนุษย์ยังไม่นานจะเบื่อแล้วเหรอ เรายังไม่ได้ลงมาเลยนะ” พระเอกแบบผมยังไม่ได้ออกโรงเลย ทำไมลูกทีมของผมถอดใจในโลกมนุษย์แล้วล่ะ เอาเป็นว่าให้เขาอดทนรออีกหน่อยแล้วกัน แล้วคนของผมยังอยู่อีกหลายมุมโลก หาตัวให้เจอก็แล้วกันเพราะถ้ามาอยู่บนโลกมนุษย์แล้ว เวทมนตร์บางอย่างหักล้างออกไป ทำตัวให้เหมือนมนุษย์ปกติมากที่สุดจะได้ไม่มีใครสงสัย
“ก็ได้ครับ”
“ขนาดนอร์ทยังหาว่านายงมงาย แล้วมันไม่งมงายกว่าเหรอ...”
“หมายความว่าไงครับ”
ผมไม่เข้าใจว่าหัวหน้าทีมของผมหมายถึงอะไร ถ้าหาว่าผมงมงายแล้วนอร์ททำไมถึงงมงายกว่าผมล่ะ เอาเป็นว่าเขาให้ผมไปหาคำตอบเอาเอง เหมือนความจริงของนอร์ทจะคาดไม่ถึงสักเท่าไหร่ แล้วมันคืออะไรล่ะ