4 - เพื่อนใหม่ของนอร์ท
“ผมขอโทษที่ทำให้วุ่นวายครับ ผมผิดไปแล้ว...” นอร์ทตกใจเมื่อหยดน้ำลืมตัวว่าเสี่ยไม่ได้ส่งให้เราสองคนมาจัดการเก็บใครบางคนตามคำสั่ง ยังดีที่เพื่อนใหม่ผมมันไม่รู้ว่าผมกับเพื่อนทำงานอะไร เพราะผมไม่เคยบอกแต่ว่าการกระทำที่แสดงออกมามันน่ากลัวเหมือนลูกน้องมาเฟีย เดินทางมาเก็บไม่เหลือชื่อนามสกุล หรือร้ายแรงสุด ผมกับเพื่อนกำลังเป็นคนคอนพกปืนติดตัวตลอดเวลา
เพื่อนผมรีบกราบแทบเท้า ทำเหมือนลดศักดิ์ศรีกราบเท้าเหมือนในละครไทย มันไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ใครเห็นมันดูไม่มีเกียรติและลดการให้คนอื่นเคารพไปเลย เขาจะคิดว่าเป็นคนยอมคนไม่มีทางสู้ ตกอยู่ในอำนาจคนอื่นหรือทั้งชีวิตเป็นผู้ตามเท่านั้น
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ไอ้หยดน้ำ”
ผมออกไปหยิบขนมและเครื่องดื่มในห้องครัวอย่างดีออกมาขอโทษเพื่อนใหม่ข้างห้องผมอย่างมิวสิค ผมว่าผมทำตัวปกติแล้วแต่หยดน้ำมันเล่นใหญ่เหมือนความผิดนี้ไม่น่าให้อภัยจนต้องกราบ ผมบอกให้มันหยุดกราบแล้วขอโทษแบบปกติ ไม่งั้นเพื่อนใหม่ผมสงสัยแน่นอนว่าทำไมพวกเราสองคนดุดัน ทำงานอะไรทำไมน่าเกรงขามทั้งที่หน้าตาไม่ให้
“เราไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่ตกใจไม่คิดว่าพวกนายจะรุนแรงขนาดนี้” มิวสิคยังคาดไม่ถึงว่าผมจะมีเพื่อนของเพื่อนอีกทีรุนแรง เห็นคนแปลกหน้าอุปกรณ์ทุกแบบยันลูกปืนพร้อม ผมไม่รู้ว่าพวกมันถือสัญชาติเป็นคนคอนมาก่อนหรือไม่แต่ดูแล้วน่าจะมีดีเอ็นเอคนใต้มาตั้งแต่เกิด
“ไม่เป็นไรหรอกนอร์ท ผู้ชายด้วยกันกูเข้าใจ”
“กูกลัวมึงตกใจไง ปกติเรากับหยดน้ำเวลาใครบุกมาหาเรื่อง พร้อมบวกตามสัญชาตญาณผู้ชายอยู่แล้ว”
“พวกนายหัวรุนแรงจัง” ถึงหน้าตาผมจะแบดบอยแต่ผมไม่มีความคิดไปตีรันฟันแทงกับใครทั้งนั้นเพราะผมเป็นผู้ชายรักความยุติธรรมที่สุดเลยก็ว่าได้ การใช้ความรุนแรงไม่ได้อยู่ในสายเลือดผมเลย ผมอ่อนโยนและใจดีแต่ถ้าขัดใจเกินพอดีผมก็พร้อมบวกได้เช่นกัน
“ไม่ต้องกลัวนะ ทุกอย่างเป็นแค่การแสดงเท่านั้น” ผมบอกเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่การแสดงเท่านั้น จะไม่มีใครบาดเจ็บจากสิ่งที่เราสองคนทำแน่นอน เมื่อเพื่อนผมสบายใจแล้ว ผมชวนคุยเรื่องอื่นให้สบายใจขึ้นพร้อมกินขนมที่ผมซื้อมา เลือกอย่างดีที่สุดเพื่อมิวสิคโดยเฉพาะ
“คิดยังไงซื้อชีสย่างให้เราอะ เห็นเราหุ่นหมีก็จะเพิ่มให้หมีมากกว่าเดิมเหรอ” ผมแปลกใจว่านอร์ทซื้อชีสย่างให้ผมเป็นขนมทานเล่นทำไม หรืออยากขุนให้ผมหุ่นหมีมากกว่าเดิม แค่นี้ก็น่ารักในสายตาทุกคนแล้ว
“ไม่รู้ดิ เราไม่เคยถามว่านายชอบอะไร เราก็เลยเลือกให้เอง” นอร์ทไม่เคยถามมิวสิคว่าชอบไม่ชอบอะไร แต่ผมคาดเดาและเลือกของที่ผมชอบแล้วเขาอาจจะชอบก็ได้ ผมเป็นคนชอบกินชีสมาก ติดบ้านติดตัวยิ่งกว่าติดขวดฟองสบู่เสียอีก ดูมิวสิคชอบกินผมก็จะได้เข้าใจแล้วซื้อมาให้อีก
“มิวสิค หูฟังสวยจัง”
ผมเห็นหูฟังแท่งแม่เหล็กแล้ว ผมแปลกใจเมื่อได้เห็นเมื่อของสิ่งนี้ปอแก้วก็มีเหมือนกัน ผมว่าเขาซื้อจากร้านเดียวกันหรือไม่ ปกติของชิ้นนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่มีคนใช้มันเป็นส่วนมากก็ไม่รู้ว่ามันเป็นสินค้าวางขายไม่นานหรือผมตามสมัยนิยมไม่ทัน
“มันเป็นหูฟังหายากเลยนะ”
“แล้วนายรู้จักปอแก้วไหม”
“ใครเหรอ...”
ผมแกล้งถามไปงั้น ดูท่าทางแล้วมิวสิคจะไม่รู้จักเพื่อนผม บางทีหูฟังแท่งแม่เหล็กอาจเป็นของที่พึ่งวางขายไม่นาน อาจจะยังไม่มีเจ้าของจับจองมันจำนวนมาก แต่ผมสนใจอยากรู้ว่าซื้อร้านไหนจะได้ไปตามที่เขาได้มา
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ซื้อที่ไหนอะ เราอยากได้บ้าง”
“ของแบบนี้มันไม่มีขายตามทั่วไปหรอก ถ้าอยากได้ก็ลองตามหาเองนะ” ผมชักไม่แน่ใจว่ามิวสิคหลอกด่าว่าผมไม่มีปัญญาซื้อของแบบนี้หรือเปล่า ผมไม่ได้คิดไปในทางไม่ดีสักหน่อย แต่ผมสนใจอยากได้บ้าง เพื่อนใหม่ผมกลัวผมไปปล้นหรือไงถึงไม่บอกพิกัดจะได้ให้ผมไปซื้อเป็นเจ้าของ
“งั้นเราจะลองหาดูแล้วกัน...”
หลังจากนั้น
“ถามหน่อยสิ ว่ามึงไปรู้จักเพื่อนใหม่คนนี้ยังไง” หยดน้ำเดินไปตามคอนโด ผมจะได้ไปทำงานสักทีหลังจากเสียเวลาจัดการปัญหามาพักหนึ่ง ผมยอมรับว่าผมใจร้อนจนลืมตัวเกือบได้จัดการคนที่ไม่รู้เรื่องไปแล้ว แต่ผมสงสัยว่านอร์ทไปรู้จักเพื่อนใหม่คนนี้ยังไงถึงได้สนิทจะแอบมาเปิดเข้าห้องโดยไม่ต้องขออนุญาต
“ก็เจอกันตอนที่เขาย้ายมาใหม่อะ ทักทายตามปกติ” ผมเจอกับมิวสิคตอนเขาย้ายห้องมาใหม่ ผมเจอเขาตอนกำลังย้ายของเข้าห้อง ด้วยความที่ผมอยากเข้าหาผู้ชายด้วยกัน ผมก็เลยเข้าไปทักก็เลยสนิทกันมาทุกวันนี้
“แกอย่าไปสนิทกับใครให้มากล่ะ เดี๋ยวมันสงสัย จะเรียกตำรวจมาจับหาว่าทำงานทุจริตมากกว่าสุจริต”
“มันไม่สงสัยหรอก กูไม่บอก มึงไม่บอกใครจะไปรู้”
“คิดแบบนี้ไง ถึงได้แดกหญ้าแทนข้าว คนอื่นไม่มีปาก ไม่มีสมองสงสัยแล้วไปบอกขาใหญ่ในเครื่องแบบเหรอ ยังไงก็อย่าหลุดความลับให้มากล่ะ กูเห็นมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ก่อนจะออกไป”
“มึงจะสงสัยเพื่อนใหม่กูทำไมเนี่ย”
มิวสิคเขาก็แค่รับสายเพื่อนในหมู่ของเขา ไม่ได้มีเส้นสายหรือเป็นตัวแทนมาจับพวกผมสักหน่อย ทำไมผมกับหยดน้ำต้องคิดระแวงจนชีวิตไม่ราบรื่นด้วยล่ะ ถึงยังไงผมจะแบกชีวิตตัวเองไปตามหาความรักต่อไป ผมจะเป่าฟองสบู่จนพลังปอดหมดเพื่อตามหารักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเอง
หลังจากนั้น
ที่สวนสาธารณะ
ผมทำงานเสร็จตามคำสั่งของเสี่ยแล้ว มีเวลาเหลืออีกเยอะผมออกไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวงจะดีกว่า บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าคนเป็นหนี้ ตอนมาขอร้องอ้อนวอนจะเอาเงินไปใช้เมื่อร้อนเงินกราบแทบเท้า พอหมดปัญหากลับไปทวงเงินคืนทำเป็นบ่ายเบี่ยง เป็นแบบนี้กันทุกราย ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ต้องให้ใช้กำลังข่มขู่หรือไง ผมจะบอกว่างานที่ผมทำ ใช้กำลังทุกรูปแบบและต้องปิดเป็นความลับ ถ้าผมมีความรักแล้วใครมาเห็นคงดูไม่ดี ถือซะว่ารับงานเสริมหลอกงานจริงไปพักหนึ่งแล้วกัน
ผมรับเงินเสร็จ ถึงเวลาออกมาใช้จ่ายแล้ว เงินที่ได้มาถือว่าคุ้มค่ากับงานที่ได้รับมอบหมาย ไว้รอหุ้นและบิดคอยด์ผมทำเงินได้ดีก่อน ผมรวยเมื่อไหร่จะลาออกจากไอ้เสี่ยคนนี้เลยยิ่งดี แต่ผมก็ทำไม่ได้หรอก หลวมตัวตั้งแต่อายุยังน้อยจนตอนนี้ผมถอนตัวถอนใจไม่ได้ ก็ต้องรับชะตากรรมต่อไปจะได้มีชีวิตรอด
ฟรู้วววว
ผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งของสวนสาธารณะ ออกไปซื้อของกินที่ผมชอบอย่างเฟรนฟรายซ์ที่ชอบตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ผมก็ยังชอบมัน ใครจะเรียกผมว่าเด็กอ้วนก็ได้ ชอบกินของไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่มีประโยชน์ต่อใจผมก็ดีแล้ว แต่ว่าผมชอบให้คนเรียกผมแบบนี้มากกว่าว่าผมเหมือนศิลปินลูกทุ่ง มันคือเรื่องจริง ผมร้องเพลงเขาได้จะปลอมตัวให้ได้ แต่เขาตัวใหญ่กว่าผมไปหน่อย เลียนแบบยังไงก็ไม่แบเนียนอยู่แล้ว
จุดเด่นของผมก็คือผ้าโพกหัวลายดาวพร้อมหน้าตาหล่อเหลาของผม ผมนั่งไปสักพักซื้อน้ำอัดลมมาด้วยยังไม่ได้ดูด แทบปล่อยน้ำแข็งละลายเป็นน้ำเปล่าไปแล้ว ที่ผมไม่ได้สนใจน้ำอัดลมเพราะตอนนี้ผมเป่าฟองสบู่จากขวดสีชมพูรูปทรงสี่เหลี่ยมแม่เหล็ก ผมมีความสุขกับการได้เป่ามันออกมาที่สุด เพราะฟองสบู่เหล่านี้จะทำให้ผมมองเห็นความรักที่ใครกำลังส่งเข้ามา เป็นผู้ชายที่ความชายแท้เหมือนผมก็ได้
ฟรู้ววว
ผมเป่าฟองสบู่ด้วยพลังปอดอันแข็งแรง ฟองสบู่วงกลมหลายขนาดกำลังลอยไปตามลม มันน่าแปลกเหมือนกันที่ความหนาแน่นน้อยมาก บางทีออกจากหลอดเป่าฟองมันแตกตั้งแต่ยังไม่ลอยไปก็มี เหมือนฟองสบู่ยี่ห้อนี้จะออกแบบมาดี ทำให้คงสถานะฟองสบู่ให้อยู่นานเลยก็ว่าได้
ผมเห็นเด็กคนหนึ่งมาจิ้มฟองสบู่ผม แล้วยังแอบพูดกับพ่อแม่เขาว่าผมเหมือนเป็นเด็กไม่มีวันโตติดเล่นของเล่นไปได้ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเขาหรอก ทุกคนมีความเป็นเด็กในหัวใจอยู่แล้ว มีใครบ้างเกิดมาแล้วเป็นผู้ใหญ่เลยมันก็ไม่ใช่
ผมลุกขึ้นจิบน้ำอัดลมสักครึ่งแก้ว ก่อนจะออกไปเดินสลับวิ่งเป่าฟองสบู่ทำตัวติ๊งต็องจนสวนทางกับตัวตนที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก ผมอยากวัดพลังปอดเป่าให้ฟองสบู่ลอยไปมา เวลาฟองสบู่ลอยล้อมรอบตัวผมมันเหมือนความรักเข้ามาให้ผมเลือกหลากหลาย ต่อให้จับต้องไม่ได้แต่ผมเหมือนว่าพลังของมันขลังจนพรหมลิขิตทำงานไวกว่าพระแม่ลักษมี
ผมรู้สึกแปลกไปเมื่อผมเป่าฟองสบู่มากจนลอยผ่านตัวผมไปมา อยู่ ๆ ผมสัมผัสได้ถึงลมหนาวกว่ามนุษย์ในประเทศไทยจะสัมผัสความหนาวมากที่สุด ลมหนาวปะทะตัวผมด้วยความเย็นยะเยือก ผมไม่ได้ยืนที่ขั้วโลกเหนือสักหน่อย ทำไมผมเห็นรอบข้างผมจากสวนสาธารณะกลายเป็นขั้วโลกเหนือมีแม่น้ำ พื้นที่ผมยืนเป็นน้ำแข็ง แถมยังมีอิกลูเป็นบ้านของชาวเอสกิโม ผมตกใจขยี้ตาดูมันก็ไม่เลือนหายไปราวกับผมมองเห็นจริง
“เชี่ย... อะไรวะเนี่ย”
ผมมองเห็นฟองสบู่จากที่ลอยไปมา ตอนนี้มันหยุดคาตาผม เย็นยะเยือกเป็นน้ำแข็งในอุณหภูมิศูนย์องศา อาจติดลบด้วยซ้ำ ผมมองดูขวดฟองสบู่มันไม่เปลี่ยนสถานะแถมยังลอยออกมาเป็นฟองเองโดยไม่ได้เป่า พร้อมสะท้อนความวาวใสให้เห็นใบหน้าผม
“เจ้านอร์ทดื้อ...”
“เห้ยยย”
ผมตกใจถอยหลังจนล้มลง ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมอยู่ที่สวนสาธารณะ อุณหภูมิร้อนขึ้นตามประเทศที่อยู่ในเขตร้อน ผมหลอนก***าจนเห็นฟองสบู่คุยกับผมได้ ไหนจะบรรยากาศขั้วโลกเหนือที่สมจริงราวกับไปอาศัยอยู่ที่นั่น ผมว่าผมคิดไปเอง เติมสารเสพติดมากจนสมองเบลอไปหมด ผมเดินกลับไปที่ม้านั่งมาหยิบเฟรนฟรายซ์กิน ยังไม่ได้หยิบเข้าปากพบว่ามันกลายเป็นน้ำแข็ง สิ่งที่ผมเห็นทำผมขนลุกไปหมดแล้ว
“เห้ยยยย”