5 - เทรนด์หูฟังแม่เหล็ก
เวลาต่อมา
ผมพยายามขยี้ตาและจับดูเฟรนฟรายซ์ว่ามันเป็นน้ำแข็งจริงหรือไม่ มือผมสัมผัสได้ถึงความเย็นแทบจะแนบติดกับน้ำแข็งให้ได้แล้ว ผมจำใจไปซื้อใหม่เพราะผมยังไม่ได้กินเลย ผมเหมือนมีเวทมนตร์เดินไปบนพื้น เหยียบพื้นมีน้ำแข็ง ผมไปอยู่ในดิสนีย์ร้องเพลง Let it go เป็นเอลซ่าในร่างผู้ชายหรือไง ผมว่าสิ่งที่ผมเห็นอาจจะหลอนก***าที่ผมแอบเสพก็ได้
“กูหลอนอะไรวะเนี่ย”
ผมเดินไปซื้อเฟรนฟรายซ์มาใหม่ กินจนพอใจและรอบนี้มันไม่ได้เป็นน้ำแข็งเหมือนก่อนหน้าแล้ว ผมว่าสิ่งที่ผมเห็นอาจจะเป็นการคิดไปเอง ผลมาจากสมองที่เสพสิ่งเสพติดจนเห็นอะไรเกินจริง ผมจะสมองเบลอเหมือนปอแก้วไม่ได้นะ ผมมีสติสัมปชัญญะครบสามสิบสองอยู่แล้ว
ตรื้ดด...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพบว่าปอแก้วโทรมาหาผม ผมว่าถ้าจะมาพูดว่ามิสเตอร์นอร์ทโปลมีอยู่จริง ผมจะบล็อกเบอร์โทรหนีมันทันที ชอบพูดอะไรเกินความเป็นจริง มันส่งต่อความหลอนให้ผมได้รับมันต่อหรือไง เห็นอะไรเป็นขั้วโลกเหนือไปหมดแล้ว
“นอร์ท คืนนี้ที่เดิม”
ผมได้รับชุดคำสั่งเหมือนเป็นรหัสลับ ผมกับปอแก้วนัดเจอกันที่สถานบันเทิงแห่งเดิม มันเป็นที่ที่ผมชอบไปผ่อนคลายและยกแก้วเหล้าเข้าขากันได้ดีมาก ผมตอบตกลงและนัดเจอกันคืนนี้ที่เดิม และผมไม่ได้ไปคนเดียวลากหยดน้ำไปคุ้มกันเผื่อว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น มันจะได้ปกป้องผมได้อีกแรง เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว ผมนัดเวลาเจอกันทันที
ในคืนนั้น
ปอแก้วพาเพื่อนรักทั้งสองคนไปอยู่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งซึ่งที่นี่เป็นที่ประจำที่ผมและเพื่อนชอบมา รสชาติเหล้าทุกแบบกระแทกใจไหนจะรสเมรัยและรสชาติความเป็นชายด้วยกัน ขนาดผมพามาผ่อนคลายแต่ผมก็ไม่ลืมที่จะชวนมิสเตอร์นอร์ทโปล มองไม่เห็นด้วยตามานั่งที่เก้าอี้บาร์ว่างหนึ่งตัว
“เรามาสามคน แล้วอีกตัวเอามาให้ใคร” นอร์ทถามด้วยความสงสัยเพราะปอแก้วเว้นที่ว่างไว้หนึ่งตัว แถมเทเหล้าลงในแก้วที่สี่ ผมไม่รู้ว่าชวนใครมาอีก แต่เขาบอกว่าไม่ได้ชวนใครมาแล้วคำตอบของมันทำให้ผมหน่ายใจอีกแล้ว เมื่อเขาบอกว่าชวนมิสเตอร์นอร์ทโปลมาด้วย
“มึงยังไม่เลิกเพ้อเจ้ออีกเหรอ” เหล้าในมือผมพร้อมสาดใส่ปอแก้วมาก ถ้ามันไม่เลิกเพ้อเจ้อคิดอะไรไร้สาระอีก ผมสามารถสาดใส่หน้ามันให้สมองกลับมาเป็นปกติได้ยิ่งดี คนอะไรบูชาขั้วโลกเหนือมากกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธ ผมอยากรู้ว่ามิสเตอร์นอร์ทโปลที่มันพูดเป็นยังไง มันเป็นมนุษย์หรือหมีขั้วโลกหรือตัวเงินตัวทองอะไร
“กูไม่มีวันเปลี่ยนความคิด”
“แต่กูสามารถเปลี่ยนเพื่อนได้นะ”
“โอ๋ ๆ ไม่งอนสิคร้าบนอร์ท” ผมทำเสียงอ้อนแล้วมันไม่ขัดขืนเวลาที่ผมกับเขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน เวลาผมได้กอดเขามันเหมือนว่าพลังงานกำลังใจในร่างมนุษย์ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงจนคิดว่าคือเจ้าความรักของผม แต่ผมคิดเกินเลยไม่ได้หรอก เพราะเขามีเจ้าของที่คิดว่าใช่อยู่แล้ว
“นอร์ทน่ารักเหมือนดาราคนนั้นเลย”
“ชมแบบนี้กูตัวลอยไปนอกโลกแล้ว” ผมชอบเวลาที่ใครมาชมผมแล้วบอกว่าผมน่ารักจนใครก็อยากเข้าใกล้ ไหนจะบอกว่าผมหน้าเหมือนดาราคนหนึ่งดังพอประมาณ ผมยิ่งมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าเดิม ในจังหวะที่ปอแก้วกอดผม ผมสังเกตว่ามันใส่หูฟังแท่งแม่เหล็ก มันเป็นแบบเดียวกับที่มิวสิคใส่เลย ผมว่ามันอาจจะซื้อร้านเดียวกันและรู้จักกันก็ได้
“แกซื้อที่เดียวกับมิวสิคเหรอ”
“มิวสิค ใครอะ”
ผมตกใจเพราะเขาพูดถึงมิวสิค ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้รู้จักเขา คนเราใส่ของเหมือนกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรู้จักกันเสมอไปสักหน่อย ผมไม่รู้ว่าเขาบังเอิญไปซื้อที่เดียวกับผมหรือเปล่า แต่ผมบอกเลยว่าของแบบนี้มันไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ถ้าอยากได้ก็ต้องพึ่งบุญบารมีแล้วถ้าอยากได้ของสิ่งนี้ก็ต้องตามหาเอง
“งั้นมึงก็ไปถามมิสเตอร์นอร์ทโปลเองสิ”
“กูถามจริงนะว่ามึงเป็นลูกชายเอลซ่าเหรอ ร้อง Let it go ให้กูฟังหน่อยสิ ตัวมึงเกิดจากน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือหรือไง” ผมไม่รู้ว่ามันไม่บอกร้านที่ซื้อให้ผมยังพอเข้าใจอยู่ แต่ว่าอย่ายัดเยียดให้ผมรู้จักมิสเตอร์นอร์ทโปลได้ไหมเพราะผมไม่ได้เชื่อเรื่องนี้ ผมว่าปอแก้วมันเป็นลูกชายเอลซ่าหลุดออกมาจากโลกดิสนีย์แน่นอน ถึงได้เพ้อฝันจะเสกน้ำแข็งให้ผมดูได้แล้ว
“MR. NORTH POLE คืออะไรวะ”
“เพลงของวง Carpenter ไง”
“นั่นมัน MR. POSTMAN เพลงเก่าไปไหนเนี่ย” นอร์ทถามให้ได้คำตอบไปเลยว่ามันเป็นใคร สิ่งที่ผมหมายถึงคือตัวตนมนุษย์หรือสัตว์ประเภทไหนไม่ได้หมายถึงชื่อเพลงสากลยุคเก่าขนาดนั้นสักหน่อย ถ้าปอแก้วมันเป็นแบบนี้ผมส่งไปศรีธัญญาดีกว่า รักษาให้หายขาดได้ยิ่งดี
“เชี่ย...”
นอร์ทหันไปเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในสถานบันเทิง คนพวกนั้นเป็นคู่อริของพวกผมที่ไม่ชอบหน้ากันด้วย การที่ผมอยู่คนละทีมกับพวกมันก็คือศัตรูที่พร้อมหาเรื่องตลอดเวลา วันนี้ผมไม่อยากมีเรื่องขอให้ผมใจดีสู้เสือกันไปก่อนแล้วกัน อยากมาผ่อนคลายไม่ได้อยากหาเรื่อง
“นายเป็นอะไรอะ”
“เปล่า ๆ พอดีเหล้ากำลังเข้มเลย หมดซะแล้ว” ผมทำเป็นจะไปเติมเหล้ากับพนักงานแล้วจะออกไปนั่งที่เคาเตอร์บาร์เปลี่ยนบรรยากาศ ผมเป็นคนชอบเข้าหาเพื่อนใหม่ด้วย ชอบเข้าสังคมแต่ว่าบางทีผมก็กลัวคนบางกลุ่ม อีกอย่างผมไม่อยากให้ปอแก้วรู้ว่าผมทำงานอะไรที่ดุดันและใช้ความรุนแรง ไอ้ที่ทำหุ้นบิดคอยด์ถือว่าเป็นอาชีพบังหน้าเท่านั้น
ผมทำเป็นนั่งอยู่เคาเตอร์บาร์ยกแก้วเหล้าทำเท่ ผมพยายามไม่มองพวกมันแต่สุดท้ายพวกมันเข้ามาตบไหล่แล้วทักทายผม ผมยิ้มแบบเป็นมิตรแม้ปากผมจะเกร็งแทบจะค้างให้ได้แล้ว
“ง... ไงครับ”
“ทำไมปากสั่นแบบนี้ ไหนว่าชอบผู้ชายไง ไอ้เกย์นอร์ท” ผมตกใจเมื่อกลุ่มชายเหล่านี้กำลังเข้ามาทักทายผม แต่ผมกลัวว่าเขาจะไม่ได้เข้ามาทักทายอย่างเดียวแล้วสิ ดูจากน้ำเสียงและเจตนาแล้วบอกเลยว่าพร้อมบวกยังไงไม่รู้ ผมทำเป็นทักทายด้วยน้ำเสียงปกติ แม้ในใจเขาจะล้อผมว่าเป็นเกย์แต่ผมแอบโกรธไม่น้อย
“กลัวเหรอ”
“เปล่าครับ”
ผมไม่กล้าพูดอะไรมากกลัวได้กินลูกปืนแทนเหล้า ผมนั่งต่อไปแล้วค่อย ๆ ชำเลืองมองพบว่าพวกมันเดินไปหาเพื่อนของผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ลักษณะเชิงข่มขู่ยังไงไม่รู้ เดินไปแล้วยกพวกยืนล้อมแล้วทำท่าเกรงขาม
“ไอ้หยดน้ำ มีเพื่อนเก่งคอมทำไมไม่บอกกู” หยดน้ำตกใจเมื่อพวกนักเลงที่เป็นคู่ขากับเรา มันมาขอตัวปอแก้วเห็นว่าเก่งคอมพิวเตอร์มันต้องการให้ไปโปรโมทเว็บพนันและแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์บางอย่าง
“เอ่อ... ผมไม่ทำครับ”
“ลูกพี่ ดูสิมีคนกล้าปฏิเสธพวกเราด้วย กล้าดียังไงมาปฏิเสธคนแบบลูกพี่” ปอแก้วตกใจเพราะผมกลัวมากไม่เคยโดนนักเลงมาก่อกวนขนาดนี้มาก่อน ผมไม่ยอมใช้วิชาที่เรียนมาในทางที่ผิดเด็ดขาด
“เห้ยย ทำอะไรเพื่อนกูอะ”
นอร์ทเข้ามาแล้วปกป้องเพื่อน ผมถือว่าปากไปก่อนความคิด ถ้าใครรังแกเพื่อนผม ผมจะเรียกตำรวจมาจับให้ครบทั้งโรงพักได้ยิ่งดี มันโกรธยกพวกพร้อมบวกมาก ผมตั้งการ์ดพร้อมต่อยมากแต่หยดน้ำห้ามไว้ก่อน ดีหน่อยผมแค่ข่มขู่เท่านั้น ไม่ได้อยากหาเรื่องใคร
“เก่งให้ได้มากกว่ารอบนี้นะไอ้เกย์นอร์ท” ผมโดนพวกมันด่าทิ้งท้ายว่าผมเป็นเกย์ ผมยอมรับว่าผมเป็นแต่ถ้ามาเป็นคำเหยียดผมไม่ยอมแน่นอน รอบหน้าไว้ผมจะมาเช็กบิลต่อ ตอนนี้ผมขอสนุกกับเพื่อนรักของผมก่อนแล้วกัน
หลังจากนั้น
นอร์ทออกไปเข้าห้องน้ำ ผมจะไปปล่อยผู้โดยสารขาออกหลังจากอั้นมานานพอสมควร ผมเดินไปปล่อยมันออกแล้ว กลับมาตรงทางเดินแล้วตรงนั้นจะมีหน้าต่างมองออกไปนอกร้านได้ ผมขอหยุดกลางทางแล้วมองทิวทัศน์ข้างนอกจะได้หายเมา ดื่มไปนิดหน่อยเอง
ผมกำลังมองไปด้านนอกตรงที่มีรถยนต์จอดอยู่ ผมเห็นกลุ่มคนเหมือนคนในเครื่องแบบ ผมมองดูดี ๆ แล้วบอกเลยว่าชะงักและสร่างทันที เพราะก่อนหน้านั้นผมท้าทายอำนาจมืดใส่พวกนักเลงว่าจะแจ้งตำรวจจับ แล้วตำรวจบังเอิญมาตรวจสถานบันเทิงวันนี้พอดี ผมตกใจรีบวิ่งไปบอกเพื่อนแล้วเช็กบิลกลับตอนนี้ได้ยิ่งดี
“ไอ้ปอแก้ว ไอ่หยดน้ำกลับด่วน”
“เดี๋ยว ๆ อะไรวะ”
ผมไม่รอให้พวกมันสองคนถามอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นผมโดนจับแน่เพราะก่อนดื่มเหล้า พวกเราเสพยาเสพติดกันไปฉ่ำกว่าจะสร่างแทบจะเกมแล้ว ผมรักเพื่อนขนาดไหนพาตัวกลับทันเวลา ส่วนพวกมันก็รับจบไปแล้วกัน
“เห้ยย ตำรวจมา”
หนึ่งในลูกน้องตกใจและคาบข่าวมาบอกเพื่อนในกลุ่ม บอกเลยว่าวันนี้ตำรวจลงสถานบันเทิงบอกเลยว่าบรรลัย แล้วผมยังจำได้ดีว่าไอ้นอร์ทมันขู่จะแจ้งตำรวจ แสดงว่ามันแจ้งมาจริง ตอนนี้ผมต้องวิ่งหนีหัวโกร๋นก่อน รอดออกไปเมื่อไหร่มันไม่เหลือชื่อและนามสกุลไว้ในงานศพแน่
“ไอ้นอร์ท มึงทำแบบนี้กับพวกกูเหรอ”