“เธอจะบ้าไปแล้วเหรอ นี่พี่เองนะ นนท์นธีพี่ชายของเธอไง”
ชายหนุ่มรีบเรียกสติหญิงสาวเพราะหลงคิดไปว่าเธออาจจะเข้าใจบางอย่างผิดไป
“พี่ชายเหรอ? แม่หวานคลอดพี่ออกมาหรือไงถึงได้บอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายน่ะ”
“ฮะ?”
“พี่คิดว่าจะมีผู้หญิงสติดีๆ ที่ไหนเขายอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักหรือไง ถ้าอีกฝ่ายเป็นพี่เดชมาขอร้องหวาน หวานก็คงไม่แต่งหรอก ที่หวานแต่งก็เพราะเป็นพี่ต่างหาก!”
หวานเย็นสารภาพความในใจทุกอย่างออกไปอย่างเหลืออด นนท์นธีมองเธอนิ่งด้วยคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา
“ที่ผ่านมาหวานทนเก็บมันเอาไว้เพราะว่าพี่มีแฟนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พี่ไม่มีแฟน ถ้าหวานจะรุกใส่พี่บ้างหวานก็ไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ใช่หรือไง”
“นี่เธอไปจำคำพูดพวกนี้มาจากไหนเนี่ย ดูละครหลังข่าวมากไปหรือไง”
“หวานพูดจริงๆ นะ หวานไม่อยากทนอีกแล้ว หวานอยากบอกรักพี่ทุกวันๆ อยากให้พี่รู้ว่าไอ้หวานเย็นคนนี้มันรักพี่มากแค่ไหน”
คำพูดตรงๆ ที่ออกมาจากใจจริงไม่ได้มีอะไรแอบแฝงของหวานเย็นทำให้ นนท์นธีเริ่มสงบจิตสงบใจลงได้บ้าง เขาออกแรงเพิ่มจนสามารถแกะมือเธอออกได้ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่ง หวานเย็นรีบลุกตามมา
“หวานแน่ใจได้ยังไง ว่าสิ่งที่หวานรู้สึกอยู่มันคือความรัก”
“หวานไม่ใช่เด็กประถมนะพี่ กะอีแค่ความรักทำไมหวานจะไม่รู้”
“หวานเคยมีแฟนไหม” หญิงสาวส่ายหน้าดิก
“เห็นไหมล่ะ แค่แฟน หวานยังไม่เคยมีเลย แล้วหวานจะรู้ได้ยังไงว่าความรู้สึกที่หวานมีต่อพี่มันคือความรักจริงๆ ไม่ใช่แค่ความปลื้ม ความชื่นชมในฐานะพี่น้อง”
หวานเย็นยังคงส่ายหน้าอยู่แบบนั้น เธออาจจะไม่ฉลาดในหลายๆ เรื่อง อาจจะซื่อบื้อและซุ่มซ่ามจนสร้างความเดือดร้อนให้เขาบ่อยๆ แต่มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น แค่เรื่องหัวใจเท่านั้นที่เธอมั่นใจจริงๆ
“หวานรักพี่นนท์จริงๆ นะ” น้ำเสียงหวานใสสั่นเครือเมื่ออีกฝ่ายไม่เชื่อในความรักที่เธอมี
“หวาน เรื่องแบบนี้เอามาล้อเล่นไม่ได้นะ อีกอย่าง...พี่ก็ไม่ได้คิดกับหวานในแง่นั้นด้วย”
“แต่หวานคิดนี่!”
หวานเย็นเสียงดังขึ้น เธอยันตัวเองขึ้นนั่งคร่อมทับบนตักของเขา สองมือเล็กประคองใบหน้าของชายหนุ่มเอาไว้
“หวานจะแสดงให้พี่เห็นเอง ว่าความรักที่หวานมีมันคือของจริง ไม่ใช่การมโน!”
“หวาน...!” ริมฝีปากของนนท์นธีถูกหยุดด้วยริมฝีปากเล็กๆ ของหวานเย็น เธอประกบปากจูบเขาแนบแน่น นนท์นธีพยายามดันตัวเธอออกแต่ไม่กล้าออกแรงมากเพราะกลัวจะเผลอทำให้เธอเจ็บ
หญิงสาวปล่อยมือออกจากใบหน้าของเขาแล้วเลื่อนไปลูบไล้ที่แผ่นหลังกว้างแทน สัมผัสเบาๆ ทว่าเย้ายวนชวนฝันของหวานเย็นทำให้นนท์นธีเริ่มเคลิ้ม เขาเผลอจูบเธอตอบ สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดชิมความหวานในโพรงปากฉ่ำของอีกฝ่าย ร่างบางแอ่นกายเข้าหาเข้าอย่างยั่วยวน มือหนาแตะเข้าที่แผ่นหลังของเธอ การจูบเริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไต่ระดับความร้อนแรงขึ้นราวกับกำลังมีไฟลุกโชนอยู่รอบกาย
ความอดทนอดกลั้นที่เขาเก็บไว้ตลอดตั้งแต่เธอเริ่มยั่วยวนเขาถึงขีดสุด ร่างหนาไม่อาจทนได้อีกต่อไป...
เขาถอดกระดุมเสื้อของเธอออกจนหมดเผยให้เห็นอกอวบอิ่มในชุดชั้นในสีชมพูหวาน สองเต้านูนโผล่พ้นออกมานอกบราฯ คล้ายจะเชิญชวนให้เขาสัมผัสมัน หวานเย็นผละริมฝีปากออก เธอกดใบหน้าของชายหนุ่มฝังลงไปกับเนินอวบอย่างลืมอาย
เธออยากให้เขาเห็นเธอเป็นหญิงสาวคนนึง...
หญิงสาวที่พร้อมแล้วที่จะเป็นของเขาทั้งใจและกาย
“พี่นนท์...”
เสียงครางหวานเรียกชื่อเขาเมื่อชายหนุ่มดูดดื่มเนินอกใหญ่อย่างกลัดมัน เขาโดนเสน่ห์อันเย้ายวนของหญิงสาวครอบงำเข้าเสียแล้ว
นนท์นธีทิ้งรอยจูบว่าไว้ทั่วอกอวบ ก่อนจะใช้นิ้วเกี่ยวบราเซียของเธอขึ้นมาไว้ด้านบน เม็ดบัวสีชมพูงามที่ไม่เคยผ่านชายใดมาก่อนปรากฏให้เห็นแกสายตา นนท์นธีกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความงามของร่างกายนี้ช่างยากนักหากเขาจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้หลงใหล
“อ๊ะ...”
หวานเย็นสั่นพร่าไปทั้งตัวเมื่อเขาก้มลงไปดูดกลืนเม็ดบัวงาม ลิ้นร้อนตวัดเล่นจนกระทั่งมันเริ่มแข็งสู้ลิ้นของเขา อีกข้างที่ว่างอยู่ถูกปลายนิ้วอีกฝ่ายหยอกล้อด้วย
“พี่นนท์ หวาน...อ๊ะ...”
แทบกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว แม้จะยังรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่การที่ถูกเขาสัมผัสอย่างอ่อนโยนและเร่าร้อนในคราวเดียวกันแบบนี้ก็ทำให้เธอสุขใจไม่น้อย
นนท์นธีเริ่มครอบครองหน้าอกของเธอรุนแรงขึ้น เขาดูดมันเข้ามาในปากแบบเต็มแรงและขยำเต็มมือ ร่างบางแอ่นกายเข้าหาเขา บดขยี้ตัวเองลงไปตามความต้องการที่พุ่งทะยานขึ้น ทั้งคู่นัวเนียกัน ลุ่มหลงลงไปในไฟราคะที่ถูกจุดติดขึ้นอย่างยากจะถอน
เพล้ง!!
เสียงชามแตกดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง นนท์นธีรับดันหวานเย็นกลับลงบนเตียง ขณะที่เธอรีบติดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็ว วิภาที่เป็นคนทำถ้วยโจ๊กแตกรีบเอ่ยขอโทษ
“ปะ...ป้าขอโทษค่ะที่ไม้ได้เคาะประตูก่อน พอดีคุณหญิงสั่งให้ป้าทำโจ๊ก...”
“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมเก็บเอง ป้าไปดูคุณย่าเถอะครับ”
“ได้ค่ะ ป้าขอโทษอีกครั้งนะคะ”
วิภามองหวานเย็นและนนท์นธีด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ เธอคิดว่าตนเองเข้ามาขัดจังหวะบทรักของคู่ข้าวใหม่ปลามันเข้าเสียแล้ว
แต่เหมือนทั้งคู่จะได้สติ หวานเย็นสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วดึงขึ้นมาคลุมตัวเองจนมิด ภาพที่เขามองหน้าอกของเธอและครอบครองมันยังฝังอยู่ในหัว เธอทำอะไรลงไป ผีห่าตัวไหนเข้าสิงให้เธอยั่วยวนเขาแบบลืมอายได้ขนาดนี้! ยิ่งคิดก็ยิ่งอายจนอยากจะมุดดินหนี
นนท์นธีมองหญิงสาวที่คลุมโปงปิดตัวเองมิดก่อนจะเดินไปเก็บเศษถ้วยชามที่แตกและทำความสะอาดพื้น ในใจนึกโกรธตัวเองที่ไม่มีความอดทนมากพอจนเผลอทำเรื่องไม่ดีกับหวานเย็นลงไป เขายังคงคิดว่าเธอแค่กำลังสับสนระหว่างความรักและความปลื้ม เพราะหากสิ่งที่เธอพูดออกมามันไม่ใช่ความรักจริงๆ แล้วเขาเกิดเผลอตัวทำอะไรกับเธอลงไป เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่เธอรู้ตัวว่ามันไม่ใช่ความรัก เขาไม่อยากจะให้เธอต้องรู้สึกเสียใจภายหลังที่ทำอะไรเกินเลยกับเขาไปแล้ว
“เดี๋ยวพี่ลงไปเอาโจ๊กให้ใหม่นะ”
หวานเย็นไม่ได้ตอบรับ นนท์นทีเดินลงไปข้างล่างเพื่อตักโจ๊กถ้วยใหม่ให้เธอ เมื่อรู้ว่าเขาออกจากห้องไปแล้ว หญิงสาวก็เปิดผ้าห่มออก เธอลุกขึ้นมานั่ง ใช้สองมือโบกไปโบกมาที่ใบหน้าของตัวเอง
“ทำไมร้อนแบบนี้นะ แอร์ไม่ได้เปิดหรือไงกัน” ใบหน้าของหวานเย็นแดงเถือกไปหมด เธอยกมือขึ้นจับที่หัวใจของตัวเอง มันเต้นแรงราวกับกำลังจะหลุดออกมาจากอก
สัมผัสทั้งหมดของเขา ทุกที่ที่นนท์นธีสัมผัสเธอเอาไว้...ยังคงร้อนอยู่
“แล้วแบบนี้...จะบอกว่าฉันไม่ได้รักพี่ได้ยังไง”
กายที่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นทำให้เธอหลงรักเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ แบบนี้ต่อให้ต้องบอกรักวันละร้อยรอบ เธอก็ยอม เพราะเธอคงไม่สามารถตัดใจจากเขาได้อีกแล้ว
อยากเป็นของเขา...
...เธออยากสานต่อจากเรื่องเมื่อครู่แทบขาดใจ
ด้านนนท์นธี เขากำลังดื่มน้ำเย็นเพื่อดับร้อนในกายของตัวเองเป็นแก้วที่ห้าเข้าไปแล้ว จนกว่าจะสงบจิตสงบใจของตัวเองได้มากกว่านี้ เขาจะยังไม่กลับขึ้นไปเด็ดขาด ภาพของเต้าอวบสวยของหวานเย็นยังติดตาเขาอยู่เลย ไหนจะเสียงครางเรียกชื่อเขานั่นอีก มันฟังแล้วหวานเสียจนอยากจะอัดคลิปเอาไว้เปิดฟังซ้ำๆ
เดี๋ยวนะ ความคิดแบบนี้จะโรคจิตเกินไปไหม
นนท์นธีสับสน ในหัวเขาตีกันจนยุ่งระหว่างความดีและความชั่ว ใจนึงก็อยากจะช่วยทำให้เธอตาสว่างและเข้าใจคำว่ารักจริงๆ แต่อีกใจก็อยากจะเล่นผิดกติกาและช่วงชิงเอาเธอมาครอบครองไว้เป็นของตัวเองซะถึงแม้จะดูเห็นแก่ตัวเกินไปก็ตาม
“หยุดคิดๆๆ หยุดคิดได้แล้วไอ้นนท์” ไม่ว่าจะสลัดเท่าไหร่ ภาพร่างกายที่แสนเซ็กซี่ของเธอก็ยังไม่หลุดออกไปจากหัว ทำเอาเขาจะบ้าตายอยู่แล้ว “ยัยนั่นก็แค่ลิงกินกล้วยเท่านั้น ก็แค่ลิงที่ชอบปีนต้นไม้แถวบ้าน แค่ลิง แค่ลิง...” ภาพหน้าอกอูมลอยแทรกเข้ามาในห้วงความคิด “โธ่เว้ย! คิดบ้าอะไรวะเนี่ยไอ้นนท์”
เขายังคงยืนก่นด่าตัวเองในครัวต่อไป...