ตอนที่ 11 คำสั่งห้าม

1745 คำ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย จริงเหรอเนี่ย” ทั้งสามคนพากันมานั่งที่ร้านคอฟฟี่ช็อปในโรงพยาบาลเพื่อพูดคุยกันต่อ เดชาธรยังเหลือเชื่อที่เพื่อนรักและน้องสาวสมัยเด็กจะแต่งงานกันจริงๆ ถึงที่ผ่านมาเขาจะเห็นหวานเย็นคอยตามนนท์นธีต้อยๆ ก็ตาม แต่เรื่องที่จะได้ลงเอยกันก็ไม่เคยอยู่ในความคิดเขาเลย “จริงสิ พวกเราจดทะเบียนสมรสกันด้วยนะ ฉันเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของพี่นนท์แล้วล่ะ” “สุดยอดไปเลย เห็นตามไอ้นนท์ต้อยๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว แบบนี้ก็สมหวังน่ะสิ นี่พี่ควรจุดธูปบูชาเธอแล้วขอร่ำเรียนวิชาด้วยดีไหม เผื่อจะจีบสาวติดกับเขาบ้าง” “เอาสิๆ บูชาฉันเลย เดี๋ยวฉันจะสอนเคล็ดลับให้เอง” ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน ทั้งเรื่องในสมัยเด็ก และเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่เคยรู้ของกันและกันในช่วงเวลาที่ห่างหายกันไป นนท์นธีนั่งฟังพวกเขาเงียบๆ ไม่มีโอกาสได้แทรกกลางเข้าไปในบทสนทนาเหล่านั้น น่าแปลกที่เขารู้สึกคุกรุ่นในใจเหมือนมีเมฆหมอกกำลังบดบังอยู่ “แล้วนี่พี่กลับมาอยู่ถาวรเลยหรือเปล่า” “แน่นอน พี่ทำเรื่องย้ายมาเรียบร้อยแล้ว รู้ไหมว่ากว่าจะหาตำแหน่งว่างที่นี่ได้ พี่ส่งเรื่องขอย้ายเป็นร้อยๆ รอบเลยนะ” “ทำไมล่ะ เป็นหมอที่อเมริกามันไม่ดีเหรอ น่าจะได้เงินเยอะกว่าสิ” “ก็ใช่นะ แต่ว่า...พี่อยากกลับมาอยู่ที่นี่มากกว่า เพราะเมื่อก่อนเคยสัญญาไว้กับยัยตัวแสบคนนึงว่าถ้าได้เป็นหมอจริงๆ พี่ก็จะเป็นหมอเพื่อรักษาเธอตอนเจ็บป่วย” รอยยิ้มที่อบอุ่นและแสนใจดีของเดชาธรยิ่งทำให้นนท์นธีอารมณ์ไม่ดี สายตาที่เขามองหวานเย็นไม่ได้ต่างไปจากเมื่อตอนเด็กๆ เลยแม้แต่น้อย “พี่ไปให้สัญญากับใครไว้แบบนั้นกัน ไปยกเลิกสัญญาได้แล้วนะ แล้วกลับไปเป็นหมอที่อเมริกาเลยจะได้มีเงินเยอะๆ” หวานเย็นโวยวาย นึกโกรธเคืองใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาทำสัญญาบ้าๆ แบบนี้กับพี่ชายของเธอ นนท์นธีส่ายหน้าระอาในความซื่อบื้อของหญิงสาว ขนาดเขาไม่ได้อยู่ในตอนที่ทั้งคู่เอ่ยสัญญาพวกนี้ด้วยกัน แต่ด้วยสายตาของเดชาธรที่มองหวานเย็นแล้ว เขาก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายที่เพื่อนรักให้สัญญาไว้คือใคร “ฮะๆๆ ช่างมันเถอะ เธอคนนั้นคงจำไม่ได้แล้วล่ะ ว่าแต่นี่จะไปไหนกันต่อเหรอ พอดีพี่มีประชุมอีก” “ก็คงกลับบ้านเลยน่ะ ยัยนี่ขาเจ็บขนาดนี้จะไปไหนได้ แกเองก็แวะไปที่ไร่บ้างนะ คุณย่าคงดีใจที่ได้เจอแก” “ได้เลย เสร็จเรื่องการย้ายตรงนี้ฉันจะรีบเข้าไป ฝากสวัสดีคุณย่าด้วยนะ” นนท์นธีพยักหน้ารับคำ ทั้งคู่พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนที่เดชาธรจะขอตัวเพราะต้องรีบไปประชุม “งั้นไว้เจอกันนะ” เขาโบกมือบ๊ายบายนนท์นธีและหวานเย็น หญิงสาวรีบโบกมือกลับพร้อมยิ้มกว้าง “ฉันจะรอนะพี่ รีบๆ มาหาพวกเรานะ!” หวานเย็นตะโกนไล่หลังจนกระทั่งเดชาธรลับสายตาไป “ดูท่าทางจะดีใจมากนะที่ไอ้เดชกลับมา” “แน่นอนสิ ถึงจะอายุมากกว่า แต่พี่เดชก็เป็นเพื่อนที่ดีของหวานมาตลอดเลยนะ ไม่เหมือนพี่นนท์หรอก หวานชวนเล่นกระโดดยางทีไรก็ปฏิเสธทุกที” และคนที่มาเล่นกระโดดยางกับเธอก็มักจะเป็นเดชาธรประจำ “ใช่สิ ใครจะไปดีเลิศเหมือนพี่เดชของเธอกันล่ะ” “แล้วทำไมต้องมาทำน้ำเสียงโมโหใส่หวานด้วยล่ะ” “ใครทำ” “พี่นั่นแหละ” “พี่เปล่า” “โกหก” “ก็บอกว่าเปล่าไง” ทั้งคู่เถียงกันไม่ลดละ นนท์นธีเข็นวีลแชร์พาหวานเย็นออกมาที่ลานจอดรถแล้วอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนรถเสร็จสรรพก่อนจะขึ้นไปนั่งฝั่งตัวเองและขับรถออกไป ตลอดทางนนท์นธีเงียบไม่พูดไม่จาเหมือนกำลังโกรธอะไรสักอย่าง หวานเย็นลอบมองเขาด้วยไม่รู้จะเริ่มคุยอะไรก่อนดี บรรยากาศที่เกิดขึ้นตอนนี้ช่างน่าอึดอัดเสียเหลือเกิน เธอรู้สึกเหมือนต่อมน้ำลายกำลังจะบูดคาปากอยู่รอมร่อหากไม่ได้พูดอะไรออกไปบ้าง “พี่นนท์ขา” แกล้งเรียกเขาเสียงหวานๆ ดู คนถูกเรียนถึงกับชะงัก แอบใจสั่นกับเสียงหวานออดอ้อนนั้นอยู่ไม่น้อย “อะไร” แต่ก็ยังแกล้งเก๊กขรึมวางฟอร์มตอบกลับเหมือนไม่สนใจอยู่ดี “พี่นนท์เป็นอะไรเหรอ โกรธอะไรหวานหรือเปล่าคะ ฮึ?” เธอใช้สองมือกอดแขนเขาไว้ข้างหนึ่งแล้วโน้มหน้าลงไปซบที่ท่อนแขนแกร่ง นนท์นธีตกใจไม่น้อยกับท่าทางของเธอ ร้อยวันพันปีหวานเย็นเคยทำตัวน่ารักแบบนี้ใส่เขาที่ไหน มีแต่คอยกวนประสาทและทำให้เขาโมโหอยู่ตลอด “เปล่าสักหน่อย พี่จะไปโกรธอะไรหวานล่ะ” ทว่าสิ่งที่เธอทำก็ทำให้อารมณ์มัวหมองในจิตใจเขาลดลงไปได้เยอะ หวานเย็นแอบยิ้มอย่างดีใจที่เขาเปลี่ยนสรรพนามระหว่างกันตามที่เธอบอก “จริงเหรอคะ ไม่โกรธแน่นะ” ถามพลางใช้นิ้วเล่นปูไต่กับกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย ตลอดมานนท์นธีเคยชินกับการเป็นที่หนึ่งของหวานเย็นเสมอ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอคนนี้ก็มักจะวิ่งมาหาและเอ่ยชมเขาจากใจจริงพร้อมบอกตลอดว่าเขาเก่งที่หนึ่งสำหรับเธอ แต่เมื่อไหร่ที่เธอมีทีท่าเหมือนจะไม่ได้มีเขาเป็นที่หนึ่ง ชายหนุ่มก็จะรู้สึกโมโหในใจแบบนี้ทุกครั้ง มันเป็นอาการที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนักว่าเพราะอะไร “อันที่จริงก็...มีอยู่อย่างนึง” “จริงเหรอ อะไรเหรอคะ” ชายหนุ่มชั่งใจ ครุ่นคิดว่าควรจะพูดออกไปดีไหม “บอกมาเถอะน่า หวานจะได้ไม่เผลอตัวทำในสิ่งที่พี่ไม่ชอบไปอีกไง” หวานเย็นรบเร้า นนท์นธีพยักหน้ากับตัวเองก่อนจะหักรถเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง เอาวะ พูดก็พูด! “เธอน่ะ...แต่งงานแล้วนะ” “ค่ะ หวานรู้ว่าหวานแต่งงานแล้ว” “ไม่ใช่แบบนั้น ที่พี่จะบอกก็คือหวานแต่งงานแล้ว มีสามีแล้ว การที่ไปกระโดดกอดผู้ชายคนอื่นด้วยท่าทางดีใจแล้วก็แนบชิดแบบนั้นมันไม่สมควร คนอื่นเขาจะมองไม่ดีเอา ตอนนี้ผู้ชายคนเดียวที่หวานจะทำแบบนั้นด้วยได้ก็คือพี่เท่านั้น จากนี้ไปพี่ขอสั่งห้าม...ห้ามหวานไปทำแบบนั้นกับใครอีก เข้าใจหรือเปล่า” นนท์นธีร่ายยาวมาเป็นชุด เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องโมโหกับเรื่องนั้นด้วย ทั้งที่ตอนเด็กๆ ทั้งสองคนก็กระโดดกอดกันเวลาดีใจบ่อยไป “นี่พี่...กำลังหึงหวานเหรอ” “อะไรนะ” เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในคำถามของเธอ คนอย่างเขาน่ะเหรอจะมาหึงเด็กกะโปโลอย่างเธอ นนท์นธีคัดค้านความคิดนี้แบบหัวชนฝา “โอเคค่ะๆ หวานเข้าใจแล้ว จากนี้ไปหวานจะไม่กอดใครแบบนั้นอีก ต่อให้เป็นพี่เดชหวานก็จะไม่กอด หวานจะกอดแค่พี่นนท์คนเดียวเท่านั้น ดีไหมล่ะ” “จะว่าดีมันก็...ก็ไม่ใช่ว่าพี่จะห้ามตลอด อย่างน้อยก็สามเดือน...” จุ๊บ! คำพูดของนนท์นธีถูกหยุดด้วยริมฝีปากบางที่ยื่นมาจูบแก้มเขาเบาๆ แม้จะเพียงแค่ไม่กี่วินาที่ แต่สัมผัสที่เกิดขึ้นมันก็ยังติดตรึงไม่ไปไหน ชายหนุ่มนั่งตัวแข็ง นอกจากจะไม่คาดคิดว่าเธอจะทำแบบนั้นแล้ว เขายังไม่เข้าใจอีกด้วยว่าเธอทำไปเพื่ออะไร “ยะ...อย่าพูดเรื่องสามเดือนอีกนะคะ หวานไม่อยากได้ยิน” “เอ๊ะ...?” “กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ หวานเหนื่อยแล้ว หวานอยากพัก” หญิงสาวตัดบท นนท์นธีรีบเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนจะออกรถตรงกลับไร่ทันที เมื่อกลับมาถึงไร่ นนนท์นธีก็อุ้มหวานเย็นเข้าไปในบ้าน คุณย่าที่รออยู่ก่อนแล้วรีบเดินออกมาถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับคุณย่า หมอให้งดเดินประมาณหนึ่งอาทิตย์” “แล้วไป โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก” “หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณย่าเป็นห่วง” หวานเย็นยกมือไหว้ขอโทษ “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เอ้าไปๆ ตานนท์ พาเมียไปพักผ่อนในห้องซะ เดี๋ยวย่าให้วิภาทำข้าวต้มไปให้” “ครับคุณย่า” นนท์นธีรับคำแล้วอุ้มพาหวานเย็นไปที่ห้อง ชายหนุ่มค่อยๆ วางเธอลงบนเตียง ทว่าเมื่อหัวถึงหมอน หวานเย็นที่กอดคอเขาเอาไว้ตั้งแต่ตอนอุ้มกลับไม่ยอมปล่อยมือออก ทำให้ชายหนุ่มต้องค้างอยู่ในท่าเหมือนจะคร่อมเธอกรายๆ “ทำอะไรน่ะ ปล่อยพี่สิ” “ไม่เอา หวานไม่อยากปล่อย” น้ำเสียงหวานออดอ้อนมาอีกแล้ว นนท์นธีรู้สึกใจไม่ดีและกระสับกระส่ายทุกครั้งที่เธอทำเสียงแบบนี้ “เป็นอะไรของเธอเนี่ย ทำไมวันนี้ทำตัวแปลกๆ จัง” เขาใช้มือข้างหนึ่งยันเตียงเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับแขนของหวานเย็นและพยายามแกะมันออก “ถ้าหวานบอกอะไรไป สัญญาได้ไหมว่าพี่จะไม่ตกใจ” “ไม่” “ทำไมล่ะ!” “เพราะพี่ไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไรน่ะสิ เกิดจู่ๆ พูดอะไรพิลึกออกมา จะไม่ให้ตกใจได้หรือไง” หวานเย็นมุ่ยหน้าที่เขาชอบขัดใจเธอเสมอ หญิงสาวออกแรงแขนกดใบหน้าเขาให้โน้มต่ำลงมาจนเกือบจะชนกับใบหน้าของเธอ นนท์นธีเบิกตากว้าง “หวานรักพี่” “!!!” “หวานแอบรักพี่มาตลอดตั้งแต่เด็ก เพราะงั้น...พวกเรามาเป็นผัวเมียกันจริงๆ ดีไหม” คำเอ่ยชวนที่เกือบจะคล้ายคำบังขับอยู่นัยทีของหวานเย็นสร้างความตกใจให้แก่นนท์นธีเป็นอย่างมาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม