“ไม่อยากจะเชื่อเลย จริงเหรอเนี่ย”
ทั้งสามคนพากันมานั่งที่ร้านคอฟฟี่ช็อปในโรงพยาบาลเพื่อพูดคุยกันต่อ เดชาธรยังเหลือเชื่อที่เพื่อนรักและน้องสาวสมัยเด็กจะแต่งงานกันจริงๆ ถึงที่ผ่านมาเขาจะเห็นหวานเย็นคอยตามนนท์นธีต้อยๆ ก็ตาม แต่เรื่องที่จะได้ลงเอยกันก็ไม่เคยอยู่ในความคิดเขาเลย
“จริงสิ พวกเราจดทะเบียนสมรสกันด้วยนะ ฉันเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของพี่นนท์แล้วล่ะ”
“สุดยอดไปเลย เห็นตามไอ้นนท์ต้อยๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว แบบนี้ก็สมหวังน่ะสิ นี่พี่ควรจุดธูปบูชาเธอแล้วขอร่ำเรียนวิชาด้วยดีไหม เผื่อจะจีบสาวติดกับเขาบ้าง”
“เอาสิๆ บูชาฉันเลย เดี๋ยวฉันจะสอนเคล็ดลับให้เอง”
ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน ทั้งเรื่องในสมัยเด็ก และเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่เคยรู้ของกันและกันในช่วงเวลาที่ห่างหายกันไป นนท์นธีนั่งฟังพวกเขาเงียบๆ ไม่มีโอกาสได้แทรกกลางเข้าไปในบทสนทนาเหล่านั้น
น่าแปลกที่เขารู้สึกคุกรุ่นในใจเหมือนมีเมฆหมอกกำลังบดบังอยู่
“แล้วนี่พี่กลับมาอยู่ถาวรเลยหรือเปล่า”
“แน่นอน พี่ทำเรื่องย้ายมาเรียบร้อยแล้ว รู้ไหมว่ากว่าจะหาตำแหน่งว่างที่นี่ได้ พี่ส่งเรื่องขอย้ายเป็นร้อยๆ รอบเลยนะ”
“ทำไมล่ะ เป็นหมอที่อเมริกามันไม่ดีเหรอ น่าจะได้เงินเยอะกว่าสิ”
“ก็ใช่นะ แต่ว่า...พี่อยากกลับมาอยู่ที่นี่มากกว่า เพราะเมื่อก่อนเคยสัญญาไว้กับยัยตัวแสบคนนึงว่าถ้าได้เป็นหมอจริงๆ พี่ก็จะเป็นหมอเพื่อรักษาเธอตอนเจ็บป่วย”
รอยยิ้มที่อบอุ่นและแสนใจดีของเดชาธรยิ่งทำให้นนท์นธีอารมณ์ไม่ดี สายตาที่เขามองหวานเย็นไม่ได้ต่างไปจากเมื่อตอนเด็กๆ เลยแม้แต่น้อย
“พี่ไปให้สัญญากับใครไว้แบบนั้นกัน ไปยกเลิกสัญญาได้แล้วนะ แล้วกลับไปเป็นหมอที่อเมริกาเลยจะได้มีเงินเยอะๆ” หวานเย็นโวยวาย นึกโกรธเคืองใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาทำสัญญาบ้าๆ แบบนี้กับพี่ชายของเธอ
นนท์นธีส่ายหน้าระอาในความซื่อบื้อของหญิงสาว ขนาดเขาไม่ได้อยู่ในตอนที่ทั้งคู่เอ่ยสัญญาพวกนี้ด้วยกัน แต่ด้วยสายตาของเดชาธรที่มองหวานเย็นแล้ว เขาก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายที่เพื่อนรักให้สัญญาไว้คือใคร
“ฮะๆๆ ช่างมันเถอะ เธอคนนั้นคงจำไม่ได้แล้วล่ะ ว่าแต่นี่จะไปไหนกันต่อเหรอ พอดีพี่มีประชุมอีก”
“ก็คงกลับบ้านเลยน่ะ ยัยนี่ขาเจ็บขนาดนี้จะไปไหนได้ แกเองก็แวะไปที่ไร่บ้างนะ คุณย่าคงดีใจที่ได้เจอแก”
“ได้เลย เสร็จเรื่องการย้ายตรงนี้ฉันจะรีบเข้าไป ฝากสวัสดีคุณย่าด้วยนะ”
นนท์นธีพยักหน้ารับคำ ทั้งคู่พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนที่เดชาธรจะขอตัวเพราะต้องรีบไปประชุม
“งั้นไว้เจอกันนะ” เขาโบกมือบ๊ายบายนนท์นธีและหวานเย็น หญิงสาวรีบโบกมือกลับพร้อมยิ้มกว้าง
“ฉันจะรอนะพี่ รีบๆ มาหาพวกเรานะ!” หวานเย็นตะโกนไล่หลังจนกระทั่งเดชาธรลับสายตาไป
“ดูท่าทางจะดีใจมากนะที่ไอ้เดชกลับมา”
“แน่นอนสิ ถึงจะอายุมากกว่า แต่พี่เดชก็เป็นเพื่อนที่ดีของหวานมาตลอดเลยนะ ไม่เหมือนพี่นนท์หรอก หวานชวนเล่นกระโดดยางทีไรก็ปฏิเสธทุกที” และคนที่มาเล่นกระโดดยางกับเธอก็มักจะเป็นเดชาธรประจำ
“ใช่สิ ใครจะไปดีเลิศเหมือนพี่เดชของเธอกันล่ะ”
“แล้วทำไมต้องมาทำน้ำเสียงโมโหใส่หวานด้วยล่ะ”
“ใครทำ”
“พี่นั่นแหละ”
“พี่เปล่า”
“โกหก”
“ก็บอกว่าเปล่าไง” ทั้งคู่เถียงกันไม่ลดละ นนท์นธีเข็นวีลแชร์พาหวานเย็นออกมาที่ลานจอดรถแล้วอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนรถเสร็จสรรพก่อนจะขึ้นไปนั่งฝั่งตัวเองและขับรถออกไป
ตลอดทางนนท์นธีเงียบไม่พูดไม่จาเหมือนกำลังโกรธอะไรสักอย่าง หวานเย็นลอบมองเขาด้วยไม่รู้จะเริ่มคุยอะไรก่อนดี บรรยากาศที่เกิดขึ้นตอนนี้ช่างน่าอึดอัดเสียเหลือเกิน เธอรู้สึกเหมือนต่อมน้ำลายกำลังจะบูดคาปากอยู่รอมร่อหากไม่ได้พูดอะไรออกไปบ้าง
“พี่นนท์ขา”
แกล้งเรียกเขาเสียงหวานๆ ดู คนถูกเรียนถึงกับชะงัก แอบใจสั่นกับเสียงหวานออดอ้อนนั้นอยู่ไม่น้อย
“อะไร” แต่ก็ยังแกล้งเก๊กขรึมวางฟอร์มตอบกลับเหมือนไม่สนใจอยู่ดี
“พี่นนท์เป็นอะไรเหรอ โกรธอะไรหวานหรือเปล่าคะ ฮึ?”
เธอใช้สองมือกอดแขนเขาไว้ข้างหนึ่งแล้วโน้มหน้าลงไปซบที่ท่อนแขนแกร่ง นนท์นธีตกใจไม่น้อยกับท่าทางของเธอ ร้อยวันพันปีหวานเย็นเคยทำตัวน่ารักแบบนี้ใส่เขาที่ไหน มีแต่คอยกวนประสาทและทำให้เขาโมโหอยู่ตลอด
“เปล่าสักหน่อย พี่จะไปโกรธอะไรหวานล่ะ”
ทว่าสิ่งที่เธอทำก็ทำให้อารมณ์มัวหมองในจิตใจเขาลดลงไปได้เยอะ หวานเย็นแอบยิ้มอย่างดีใจที่เขาเปลี่ยนสรรพนามระหว่างกันตามที่เธอบอก
“จริงเหรอคะ ไม่โกรธแน่นะ”
ถามพลางใช้นิ้วเล่นปูไต่กับกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย ตลอดมานนท์นธีเคยชินกับการเป็นที่หนึ่งของหวานเย็นเสมอ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอคนนี้ก็มักจะวิ่งมาหาและเอ่ยชมเขาจากใจจริงพร้อมบอกตลอดว่าเขาเก่งที่หนึ่งสำหรับเธอ แต่เมื่อไหร่ที่เธอมีทีท่าเหมือนจะไม่ได้มีเขาเป็นที่หนึ่ง ชายหนุ่มก็จะรู้สึกโมโหในใจแบบนี้ทุกครั้ง
มันเป็นอาการที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนักว่าเพราะอะไร
“อันที่จริงก็...มีอยู่อย่างนึง”
“จริงเหรอ อะไรเหรอคะ”
ชายหนุ่มชั่งใจ ครุ่นคิดว่าควรจะพูดออกไปดีไหม “บอกมาเถอะน่า หวานจะได้ไม่เผลอตัวทำในสิ่งที่พี่ไม่ชอบไปอีกไง” หวานเย็นรบเร้า นนท์นธีพยักหน้ากับตัวเองก่อนจะหักรถเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง เอาวะ พูดก็พูด!
“เธอน่ะ...แต่งงานแล้วนะ”
“ค่ะ หวานรู้ว่าหวานแต่งงานแล้ว”
“ไม่ใช่แบบนั้น ที่พี่จะบอกก็คือหวานแต่งงานแล้ว มีสามีแล้ว การที่ไปกระโดดกอดผู้ชายคนอื่นด้วยท่าทางดีใจแล้วก็แนบชิดแบบนั้นมันไม่สมควร คนอื่นเขาจะมองไม่ดีเอา ตอนนี้ผู้ชายคนเดียวที่หวานจะทำแบบนั้นด้วยได้ก็คือพี่เท่านั้น จากนี้ไปพี่ขอสั่งห้าม...ห้ามหวานไปทำแบบนั้นกับใครอีก เข้าใจหรือเปล่า”
นนท์นธีร่ายยาวมาเป็นชุด เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องโมโหกับเรื่องนั้นด้วย ทั้งที่ตอนเด็กๆ ทั้งสองคนก็กระโดดกอดกันเวลาดีใจบ่อยไป
“นี่พี่...กำลังหึงหวานเหรอ”
“อะไรนะ”
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในคำถามของเธอ คนอย่างเขาน่ะเหรอจะมาหึงเด็กกะโปโลอย่างเธอ นนท์นธีคัดค้านความคิดนี้แบบหัวชนฝา
“โอเคค่ะๆ หวานเข้าใจแล้ว จากนี้ไปหวานจะไม่กอดใครแบบนั้นอีก ต่อให้เป็นพี่เดชหวานก็จะไม่กอด หวานจะกอดแค่พี่นนท์คนเดียวเท่านั้น ดีไหมล่ะ”
“จะว่าดีมันก็...ก็ไม่ใช่ว่าพี่จะห้ามตลอด อย่างน้อยก็สามเดือน...”
จุ๊บ!
คำพูดของนนท์นธีถูกหยุดด้วยริมฝีปากบางที่ยื่นมาจูบแก้มเขาเบาๆ แม้จะเพียงแค่ไม่กี่วินาที่ แต่สัมผัสที่เกิดขึ้นมันก็ยังติดตรึงไม่ไปไหน ชายหนุ่มนั่งตัวแข็ง นอกจากจะไม่คาดคิดว่าเธอจะทำแบบนั้นแล้ว เขายังไม่เข้าใจอีกด้วยว่าเธอทำไปเพื่ออะไร
“ยะ...อย่าพูดเรื่องสามเดือนอีกนะคะ หวานไม่อยากได้ยิน”
“เอ๊ะ...?”
“กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ หวานเหนื่อยแล้ว หวานอยากพัก”
หญิงสาวตัดบท นนท์นธีรีบเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนจะออกรถตรงกลับไร่ทันที
เมื่อกลับมาถึงไร่ นนนท์นธีก็อุ้มหวานเย็นเข้าไปในบ้าน คุณย่าที่รออยู่ก่อนแล้วรีบเดินออกมาถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับคุณย่า หมอให้งดเดินประมาณหนึ่งอาทิตย์”
“แล้วไป โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก”
“หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณย่าเป็นห่วง” หวานเย็นยกมือไหว้ขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เอ้าไปๆ ตานนท์ พาเมียไปพักผ่อนในห้องซะ เดี๋ยวย่าให้วิภาทำข้าวต้มไปให้”
“ครับคุณย่า”
นนท์นธีรับคำแล้วอุ้มพาหวานเย็นไปที่ห้อง ชายหนุ่มค่อยๆ วางเธอลงบนเตียง ทว่าเมื่อหัวถึงหมอน หวานเย็นที่กอดคอเขาเอาไว้ตั้งแต่ตอนอุ้มกลับไม่ยอมปล่อยมือออก ทำให้ชายหนุ่มต้องค้างอยู่ในท่าเหมือนจะคร่อมเธอกรายๆ
“ทำอะไรน่ะ ปล่อยพี่สิ”
“ไม่เอา หวานไม่อยากปล่อย” น้ำเสียงหวานออดอ้อนมาอีกแล้ว นนท์นธีรู้สึกใจไม่ดีและกระสับกระส่ายทุกครั้งที่เธอทำเสียงแบบนี้
“เป็นอะไรของเธอเนี่ย ทำไมวันนี้ทำตัวแปลกๆ จัง” เขาใช้มือข้างหนึ่งยันเตียงเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับแขนของหวานเย็นและพยายามแกะมันออก
“ถ้าหวานบอกอะไรไป สัญญาได้ไหมว่าพี่จะไม่ตกใจ”
“ไม่”
“ทำไมล่ะ!”
“เพราะพี่ไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไรน่ะสิ เกิดจู่ๆ พูดอะไรพิลึกออกมา จะไม่ให้ตกใจได้หรือไง” หวานเย็นมุ่ยหน้าที่เขาชอบขัดใจเธอเสมอ หญิงสาวออกแรงแขนกดใบหน้าเขาให้โน้มต่ำลงมาจนเกือบจะชนกับใบหน้าของเธอ นนท์นธีเบิกตากว้าง
“หวานรักพี่”
“!!!”
“หวานแอบรักพี่มาตลอดตั้งแต่เด็ก เพราะงั้น...พวกเรามาเป็นผัวเมียกันจริงๆ ดีไหม”
คำเอ่ยชวนที่เกือบจะคล้ายคำบังขับอยู่นัยทีของหวานเย็นสร้างความตกใจให้แก่นนท์นธีเป็นอย่างมาก