“เอ่อ...ย่าคิดไปเองไหมจ๊ะ บรรยากาศมื้อเย็นวันนี้มันดูอึมครึมชอบกล ทะเลาะกันรึ”
คุณย่าเอื้องฟ้าที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาที่แปลกไปของทั้งสองคนเอ่ยถาม หลังจากที่ได้เวลาทานมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ทว่านนท์นธีและหวานเย็นกลับไม่มีใครปริปากพูดคุยกันเลย
“เปล่านี่ครับคุณย่า ไม่มีอะไร”
ชายหนุ่มตอบ วิภาที่กำลังรินน้ำใส่แก้วเติมให้คุณย่าอมยิ้ม ด้วยเธอพอจะเข้าใจว่าเหตุใดทั้งคู่ถึงมีท่าทางแบบนี้
“หนูแค่เพลียนิดหน่อยน่ะค่ะคุณย่า สงสัยเพราะเจ็บขาด้วยมั้งคะ”
หวานเย็นแก้ตัว สายตาเผลอมองไปที่วิภาเข้า เธอเริ่มรู้สึกอายเพราะไปนึกถึงเรื่องเมื่อตอนบ่าย
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยค่ะ”
วิภากระซิบบอก หญิงสาวได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ เป็นการขอบคุณ ทั้งที่เธออยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้ให้พ้นๆ
“มาครับคุณย่า ทานข้าวกันต่อดีกว่า”
นนท์นธีตักกับข้าวใส่จานให้คุณย่าแล้วพยายามชวนคุยไปเรื่อยเพื่อไม่ให้คุณย่าสงสัยมากไปกว่านี้
กว่ามื้อเย็นจะผ่านพ้นไป นนท์นธีกับหวานเย็นก็เกือบแย่เพราะยังมองหน้ากันไม่ค่อยติด ชายหนุ่มอุ้มเธอขึ้นมาบนห้องเพราะเธอยังไม่สามารถเดินเองได้อย่างสะดวก ขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้อง หวานเย็นก็ใช้นิ้วจิ้มเข้าที่แก้มของเขา ไรหนวดบางๆ เริ่มขึ้น มิน่าล่ะ ตอนถูกเขาซุกไซร้เธอถึงรู้สึกจักจี้หน่อยๆ คงเพราะโดนหนวดเขาถูไถเข้าล่ะมั้ง
“ทำอะไร” นนท์นธีถามเสียงเขียว เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างทันที
“พี่นนท์เริ่มมีหนวดแล้วนะ”
“แหงสิ พี่เป็นผู้ชาย มีหนวดก็ไม่เห็นแปลก”
“แต่หวานจักจี้นี่นา ตอนที่พี่นนท์ซุกตรงนี้...”
เธอลืมตัวชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องที่กำลังพยายามลืมอยู่ทำให้เธอชะงักไป นนท์นธีที่พอจะเข้าใจได้สิ่งที่เธอคิดจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวพี่ก็โกนเองแหละ แล้วนี่จะอาบน้ำเลยหรือเปล่า”
“อะ...อาบเลยค่ะ พี่นนท์อาบให้ได้ไหม”
แม้จะยังอายเรื่องเมื่อตอนบ่ายอยู่ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะล้มเลิกแผนการขึ้นเตียงกับเขาเสียหน่อย
“ถ้าจะละเมอก็ไปนอนไป”
ชายหนุ่มดันหน้าผากเธอเบาๆ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนของเธอออกมาให้
“เอ้า...”
“นี่พี่จะให้หวานใส่แค่ชุดนอนเหรอคะ โนบรางั้นสิ” หวานเย็นถามตาเป็นประกาย
“จะบ้าเหรอ พี่ก็แค่ลืม ไปหยิบเองเลยไป”
เขาพยุงเธอขึ้นแล้วพาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หญิงสาวยิ้มขันที่ได้แกล้งเขา เธอเปิดลิ้นชักในตู้หยิบชุดชั้นในออกมา
“พี่นนท์จะไม่อาบน้ำให้หวานจริงๆ เหรอ” เธอหันไปออดอ้อนเขาอีกครั้ง นนท์นธีสั่นศีรษะ นึกสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“ตอนล้มหัวไม่ได้กระแทกอะไรแน่นะ” ลองถามสักหน่อย เผื่อหัวเธอจะได้รับการกระทบกระเทือน
“ไม่ได้กระแทกอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ หวานก็แค่...อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับพี่นนท์บ้างก็เท่านั้นเอง”
“หวาน...”
นนท์นธีทำเสียงเข้ม เขาอยากจะคุยเรื่องนี้กับหวานเย็นอย่างจริงจัง เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดหรือเสียเวลากับเขามากไปกว่านี้
“ไม่เอาสิคะ อย่าทำเสียงเข้มแบบนี้สิ อุ้มหวานไปห้องน้ำหน่อยนะ นะๆๆๆ”
“หวาน พี่ว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ไม่คุยๆๆๆ หวานไม่คุยอะไรทั้งนั้น” เธอยกมือขึ้นอุดหูแล้วส่งเสียงดังเพื่อเลี่ยงการสนทนา นนท์นธีพอจะเข้าใจได้ว่าเธอกำลังเลี่ยงที่จะคุยกับเขา
“ไปอาบน้ำเถอะ”
เขาตัดบท ไม่อยากจะบังคับอะไรเธอในตอนนี้มากนักด้วยกลัวว่าเธอจะเสียใจ นนท์นธีช้อนตัวหญิงสาวขึ้นในอ้อมแขนแล้วพาเดินเข้าห้องน้ำ
“จะอาบที่ไหน แช่อ่างหรือว่าจะอาบฝักบัว”
“อืม...ฝักบัวค่ะ”
หวานเย็นตอบพลางแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ นนท์นธีเปิดประตูกระจกด้านในที่กั้นห้องอาบน้ำแบบฝักบัวเอาไว้แล้ววางเธอลงบนพื้น ร่างบางเอาของทั้งหมดวางไว้บนชั้นตรงกำแพง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ร่างหนาก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป
หมับ...
“อย่าเพิ่งไปค่ะ”
มือเล็กๆ คว้าแขนเขาเอาไว้แล้วดึงเขาให้หันหน้ากลับมาพร้อมกับเปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลรินรดทั้งเธอและเขา
สองร่างเปียกปอน เสื้อเชิ้ตสีขาวบางที่หญิงสาวใส่อยู่เมื่อเปียกน้ำก็แนบไปกับกายขาวจนเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไร เธอตวัดวงแขนโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้ เบียดกายแนบชิดจนอกอวบถูไถกับอกกว้าง แม้จะอายอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้เธอก็อยู่ในฐานะเมียของเขา การยั่วยวนสามีตัวเองไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไร ดังนั้นเธอพร้อมจะทำทุกอย่างขอเพียงแต่ได้ขึ้นเตียงกับเขาและพิชิตใจเขาได้เป็นพอ
“หวานไม่น่ารักเหรอคะ ไม่มีเสน่ห์เลยเหรอ”
เสียงหวานกระซิบข้างหู เธอยื่นหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางของอีกฝ่ายเบาๆ มือหนาจับเข้าที่เอวคอด
“หวาน...อย่าทำแบบนี้”
เขาเอ่ยห้ามและพยายามดันตัวเธอออก แต่หวานเย็นกลับชิงกอดเขาและซบหน้าลง เวลานี้เธอดูเซ็กซี่เกินกว่าเขาจะต้านทานได้ไหวจริงๆ
“หวานเป็นเมียพี่นนท์ หวานไม่ได้อยากเป็นเมียพี่แค่ทางนิตินัย แต่หวานอยากเป็นเมียทางพฤตินัยของพี่ด้วย พี่เข้าใจไหม”
“แต่พี่ไม่เคยมองหวานในแง่นั้น แล้วก็อย่างที่พี่บอก หวานแน่ใจแล้วเหรอ ว่านี่คือความรัก”
คำถามที่เหมือนกับดูถูกความรู้สึกของเธอนั้นสร้างความคุกรุ่นในจิตใจ หญิงสาวจัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดไม่เว้นแม้แต่ชุดชั้นใน เธอจับมือเขาขึ้นมาแล้วแนบฝ่ามือหนาลงกับหน้าอกของตัวเอง
“ถ้างั้นก็มองตั้งแต่ตอนนี้สิคะ พี่นนท์มองหวานใหม่สิ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าพี่นนท์ตอนนี้ไม่ใช่ไอ้หวานเย็น เด็กน้อยที่คอยตามพี่ต้อยๆ แล้ว แต่มันคือหวานเย็น เมียของพี่ ผู้หญิงที่รักพี่มาตลอด”
เธอพูดออกมาทั้งน้ำตา หากแต่น้ำที่ไหลออกมาก็ช่วยชำระล้างให้ในทันที
“แต่พี่...พี่ยังลืมแขไม่ได้” เขาตอบตามความจริง หวานเย็นพยักหน้ารับ เธอโผเข้ากอดเขาไว้แน่น
“เรื่องนั้นหวานรู้ พี่นนท์ยังไม่ต้องรักหวานตอนนี้ก็ได้ ขอแค่ให้โอกาสหวานบ้าง ค่อยๆ เปิดใจให้หวานทีละนิดก็ยังดี หวาน...ไม่อยากเป็นน้องสาวของพี่นนท์อีกแล้ว”
“พี่ไม่อยากเห็นแก่ตัวแบบนั้น แค่สามเดือนที่พี่ช่วงชิงจากหวานมา มันก็มากเกินจนอาจทำให้หวานเสียโอกาสที่จะเจอคนดีๆ ไปก็ได้”
“แต่หวานไม่ได้คิดแบบนั้น พี่นนท์จะคิดถึงพี่แขตอนที่กอดหวานก็ได้ จะละเมอหาพี่แขตอนที่เรานอนด้วยกันก็ได้ หวานเข้าใจ หวานรับได้ ขอแค่...ให้โอกาสหวานบ้างนะ”
หวานเย็นร้องขอ ร่างเล็กที่กำลังสั่นไหวจนเขารู้สึกได้นั้นช่างดูบอบบางจนน่าตกใจ นนท์นธีรู้สึกได้ว่าแท้จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีหัวใจในการรักใครสักคน
“ถ้าพี่ให้โอกาสหวาน สัญญามาเรื่องนึงก่อนได้ไหม”
“ได้ค่ะ พี่นนท์จะหวานทำอะไร บอกมาได้เลย”
เธอผละอ้อมกอดออกแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยความดีใจ นนท์นธีก้มมองหญิงสาวด้วยใบหน้านิ่ง
“อย่าอ่อยพี่แบบนี้อีก”
“ฮะ...?”
“เพราะพี่ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถ้าพี่ทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ก่อนที่เราจะเป็นอะไรกัน มันคงไม่ดีแน่”
“แต่หวานไม่ถือ”
เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยคิดไม่ถึงว่าลิงทโมนอย่างเธอจะไวไฟและเสรีได้ขนาดนี้
“ถือสักหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็ภายในสามเดือนนี้”
“หมายความว่า...พี่นนท์ให้เวลาหวานสามเดือนในการพิชิตใจพี่นนท์เหรอ”
“ก็...ถ้าครบสามเดือนแล้วระหว่างเรายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มขึ้น เราก็จะหย่ากันตามกำหนด พี่ไม่อยากซื้อเวลาชีวิตของเธอมากไปกว่านี้ แค่สามเดือนก็มากเกินพอแล้วล่ะ”
นนท์นธียื่นคำขาด เขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีวันคิดอะไรเกินเลยกับเธอแน่ๆ แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอเสียใจโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอเลย
“ก็ได้ค่ะ! สามเดือนก็สามเดือน”
“งั้นก็ตามนี้ พี่ไปล่ะ รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
เขารีบหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินออกจากห้องน้ำ ทว่าหวานเย็นกับพุ่งเข้ากอดร่างสูงเอาไว้จากด้านหลัง อ้อมกอดนั้นแนบแน่นราวกับกำลังตักตวงความอบอุ่นจากกายใหญ่
“ขอบคุณมากนะพี่นนท์ ขอบคุณที่ให้โอกาสหวาน”
น้ำเสียงบ่งบอกถึงความดีใจของเธอสร้างรอยยิ้มบางๆ ให้กับเขา