หวานเย็นกลับมาที่บ้านหลังจากไม่ได้กลับมาสองวัน บิดาที่กำลังนั่งดูพระอยู่ที่ใต้ถุนของบ้าน พอเห็นลูกสาวกลับมาก็รีบลุกขึ้นไปดักหน้าเอาไว้
“เดี๋ยวๆๆๆ ไม่ได้กลับบ้านกลับช่องมาตั้งสองวัน มาถึงนี่ไม่คิดจะเห็นหัวพ่อเลยหรือไง”
“เห็นสิพ่อ หนูเห็นหัวพ่อตั้งแต่ร้อยเมตรแล้ว”
‘ผู้ใหญ่โย่ง’ ที่ถูกลูกสาวเน้นย้ำเรื่องศีรษะถึงกับยกมือขึ้นลูบหัวที่ไร้ซึ่งเส้นผมของตัวเองป้อยๆ บิดาตั้งใจจะเขกหัวลูกสาวตัวแสบสักทีสองที
“อ๊ะๆๆ หยุดเลยนะ ห้ามเขกหัวหนูเด็ดขาด”
“ทำไม ทำไมพ่อจะเขกหัวเอ็งไม่ได้”
“เพราะหนูไม่ใช่เด็กแล้วน่ะสิ”
“พูดอะไรของเอ็ง พ่อฟังแล้วงง”
“หนูกำลังจะแต่งงานแล้วนะพ่อ”
หวานเย็นบอกผู้ใหญ่โย่งด้วยสีหน้ามีความสุข แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอกึ่งเดินกึ่งกระโดดฮัมเพลงอย่างสบายใจขึ้นบ้านไป เหลือทิ้งไว้แต่บิดาที่พยักหน้ารับคำ
“นึกว่าอะไร ที่แท้ก็จะแต่งงานนี่เอง”
“...”
“เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะนังหวานเย็น ใครจะแต่งงาน นี่!”
ผู้ใหญ่โย่งตะโกนไล่หลังลูกสาวแต่ไร้การตอบกลับ หวานเย็นเข้ามาในห้องนอนแล้วล็อกห้อง เธอเอนกายลงบนเตียงพลางหลับตาพริ้ม อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงตัวเองในชุดเจ้าสาวโดยที่เจ้าบ่าวก็คือเขา...
...นนท์นธีผู้เป็นรักแรกและรักสุดท้ายของเธอ
“ฉันจะได้แต่งงานกับพี่นนท์จริงๆ หรือนี่ ไม่อยากจะเชื่อ ต่อให้พรุ่งนี้โลกจะแตกก็ไม่ได้เสียดายเลย”
หญิงสาวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงด้วยความเขินอาย เธอกำลังจินตนาการบางอย่างอยู่ในหัว การแต่งงานที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย ท้ายที่สุดแล้วมักจะจบลงด้วยการที่ทุกคนอยากเห็นคู่บ่าวสาวจุมพิตกัน เพียงแค่คิดว่าริมฝีปากของเธอและเขาจะได้สัมผัสกันนั้น หวานเย็นก็เก็บอาการดีใจจนเนื้อเต้นเอาไว้ไม่อยู่
“ไม่นะๆๆๆ ทำตรงนี้อายคนจะตายไป อ๊ายๆๆ”
หลงดีใจและเพ้อฝันอยู่ได้ไม่นาน หวานเย็นก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ หญิงสาวหยุดเพ้อ เธอลุกขึ้นมานั่งใช้ความคิด
“แล้วไหนแฟนพี่นนท์ล่ะ บอกจะไปตามแฟนมาไม่ใช่เหรอ”
เธอเอ่ยถามกับตัวเอง มีข้อสงสัยในใจผุดขึ้นมากมาย เจ้าสาวในงานแต่งครั้งนี้ควรจะเป็นแฟนของนนท์นธี ทว่าเขากลับกลับมาเพียงคนเดียว แถมยังบอกให้เธอแต่งงานด้วยอีก เมื่อคิดเรื่องนี้ เธอก็เริ่มกังวลขึ้นมา
ด้านนนท์นธี
หลังจากคุยกับคุณย่าเอื้องฟ้าเป็นที่เรียบร้อย เข้าก็มานั่งคนเดียวที่ระเบียงชั้นล่างของบ้าน บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดเหล้ามากมาย ชายหนุ่มกรอกเหล้าเข้าปากขวดแล้วขวดเล่า สีหน้าเรียบเฉยมองท้องฟ้าราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“แต่งงานเหรอ”
จู่ๆ ชายหนุ่มก็จินตนาการถึงหวานเย็นที่กำลังปีนต้นไม้ในชุดเจ้าสาวเพื่อเก็บมะม่วง เขารีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นไปให้พ้นก่อนจะก่นด่าตัวเอง
“คิดอะไรบ้าๆ นะเรา”
เหล้าแก้วสุดท้ายถูกยกดื่มจนหมด ร่างสูงเริ่มมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขาก้มหน้าฟุบลงกับโต๊ะ หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อน...
‘เราเลิกกันเถอะค่ะนนท์’
หญิงสาวร่างบางอรชรในชุดเดรสสีแดงสด ใบหน้าสะสวยกับบุคลิกโดดเด่นต้องตาชายหนุ่มคือเจ้าของประโยคนั้น นนท์นธีกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวดใจ
บ้านผู้ใหญ่โย่ง
“มาๆๆ ครับคุณป้า เชิญครับๆ”
ผู้ใหญ่โย่งเดินออกไปต้อนรับคุณย่าเอื้องฟ้าและนนท์นธีที่มาหาถึงบ้านแต่เช้าตรู่ หวานเย็นที่ตื่นมาให้อาหารไก่และหมูที่เลี้ยงไว้แต่เช้ารีบเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“มาแต่เช้าเลยนะคะคุณย่า คิดถึงหนูแล้วเหรอ”
“แน่นอนสิ พอที่บ้านไม่มีหนูหวานเย็นนะ โอ๊ยยย เงียบเหมือนป่าช้าเลย”
“เพราะเวลามาเอาแต่พูดมากเสียงดังน่ะสิ”
นนท์นธีพึมพำเบาๆ ทว่าหวานเย็นได้ยินเต็มสองรูหู เธอแอบแลบลิ้นใส่เขาที่มาว่าเหน็บเธอก่อนจะเข้ามากอดแขนออดอ้อนคุณย่าแทน
“คุณย่าขา พี่นนท์แกล้งหนูอีกแล้ว”
“เดี๋ยวเถอะตานนท์ ทำไมชอบแกล้งน้องตั้งแต่เด็กยันโตเลยนะ”
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับคุณย่า”
นนท์นธีรีบปฏิเสธ แต่ดูท่าคุณย่าคงไม่ยอมเชื่อเขาหรอก ถ้าคนอื่นมองมาคงคิดว่าหวานเย็นคือหลานแท้ๆ ส่วนเขาถูกเก็บมาเลี้ยงแน่ๆ
“คุณป้าก็อย่าไปเชื่อนังหวานมากเลยครับ นังนี่มันแสบ ขี้ฟ้องไปเรื่อย”
“พ่อ! นี่หนูลูกพ่อนะ”
“ก็เพราะเอ็งเป็นลูกพ่อไง พ่อถึงรู้นิสัยเอ็งดี พ่อนนท์เขาเป็นเด็กดีจะตาย เขาจะมาแกล้งลิงอย่างเอ็งไปทำไม”
หวานเย็นหน้ามุ่ยเมื่อเห็นว่าบิดาไม่ได้เข้าข้างเธออย่างที่คิด ส่วนนนท์นธีก็แอบอมยิ้มที่มีคนเข้าข้างเขาบ้าง ปกติหวานเย็นจะเป็นขวัญใจของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านตลอด
“แถมเมื่อคืนนะครับคุณป้า ไม่รู้ไปกินของผิดสำแดงที่ไหนมา มโนว่าตัวเองจะได้แต่งงานครับ ฮ่าๆๆ ผมนี่ขำจนแทบนอนไม่หลับเลย”
ผู้ใหญ่โย่งหัวเราะร่วนเมื่อคิดว่าสิ่งที่ลูกสาวบอกเป็นเรื่องไม่จริง คุณย่าเอื้องฟ้าได้ยินแบบนั้นก็ระบายยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขนคนที่กำลังหัวเราะเอาไว้
“พ่อผู้ใหญ่จ๊ะ ป้ามีเรื่องจะบอกจ้ะ”
“อะไรเหรอครับคุณป้า มีอะไรให้ผมช่วยบอกมาได้เลยครับ ยังไงพวกเราสองครอบครัวก็เหมือนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว”
“ใช่ไหมล่ะ เราสองครอบครัวใช้ชีวิตเหมือนครอบครัวเดียวกันมาโดยตลอด เพราะป้ากับแม่ของพ่อผู้ใหญ่ก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เล็ก จนมาถึงพ่อผู้ใหญ่กับตา ธนินทร์ลูกป้าก็ยังเป็นเพื่อนรักกัน”
ผู้ใหญ่โย่งยิ้มรับ ‘ธนินทร์’ บิดาของนนท์นธีที่ล่วงลับไปแล้วคือเพื่อนสนิทและเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขา ก่อนที่ธนินทร์จะตาย ผู้ใหญ่โย่งได้รับปากเอาไว้ว่าจะช่วยดูแลคุณย่าเอื้องฟ้าและนนท์นธีให้ดีที่สุด และเขาก็รักษาคำสัญญานั้นมาตลอด
“ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอกครับคุณป้า อยากให้ผมช่วยอะไรก็บอกมาได้เลย คิดเสียว่าผมเป็นลูกชายคนหนึ่งแล้วรบกวนผมได้เต็มที่เลยครับ”
“เอางั้นเหรอ”
“เอางั้นเลยสิครับ พูดมาได้เลย”
“คือว่า...ป้าอยากจะมาสู่ขอหนูหวานเย็นให้กับตานนท์หลานชายของป้าจ้ะ”
“โอ๊ยย จิ๊บๆ ครับคุณป้า ได้เลย ผมยกให้เลยครับ เอากลับไปได้เลย”
พูดพร้อมดันตัวหวานเย็นส่งให้กับนนท์นธีก่อนจะชะงัก ผู้ใหญ่โย่งเรียบเรียงคำพูดของคุณย่าเอื้องฟ้าใหม่ในหัว
“มะ...เมื่อกี้คุณป้าว่าอะไรนะครับ”
“ป้ามาสู่ขอหวานเย็นให้กับตานนท์จ้ะ”
“นะ...นังหวานเย็นลูกผมน่ะเหรอครับ แน่ใจนะครับว่าไม่ผิดคน ไม่ได้มาสู่ขอผมใช่ไหม”
“พ่อ! จะบ้าเหรอ คุณย่าจะมาสู่ขอพ่อให้พี่นนท์ไปทำไมเล่า”
หวานเย็นดึงสติบิดาที่กำลังตกใจเพราะได้ยินเรื่องไม่คาดคิดเข้า ผู้ใหญ่โย่งมองหน้าลูกสาวสลับกับนนท์นธีก่อนจะส่ายหัวไปมาด้วยไม่อยากจะเชื่อ
...ลูกสาวที่ยังไม่รู้จักโตของเขา...
...ถูกสู่ขอ...