“ฮึก...”
เสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ด้วยความดีใจของผู้เป็นบิดาดังก้องไปทั่วบ้าน ผู้ใหญ่โย่งถลาลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น สองมือจับมือของนนท์นธีเอาไว้แล้วเอ่ยทั้งน้ำตา
“ลุงขอฝากนังหวานเย็นด้วยนะพ่อนนท์ นังนี่อาจจะแสบไปเสียหน่อย แต่เชื่อเถอะว่ามันต้องเป็นเมียที่ดีให้พ่อนนท์ได้แน่ๆ”
“เอ่อ...ครับ”
นนท์นธีไม่กล้าพูดว่างานแต่งงานนี้จะมีผลแค่สามเดือนเท่านั้น เขาทำได้แค่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าลำบากใจ หวานเย็นสังเกตเห็นว่าท่าทีเขาดูกระอักกระอ่วนจึงรีบปรามพ่อของตนไว้
“พ่อก็ พูดอะไรเนี่ย พ่อควรจะตีหน้าเข้มแบบนี้ แล้วก็บอกว่า ลูกสาวข้า ใครอย่าแตะไม่ใช่เหรอ”
หวานเย็นเก๊กท่าทำขรึมให้ทุกคนดู ผู้ใหญ่โย่งได้ยินแบบนั้นก็ดีดหน้าผากลูกสาวไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้
“ทำไมพ่อต้องทำแบบนั้น การที่พ่อนนท์เขาตาบอดมาเลือกเอ็งนี่ถือว่าสวรรค์มาโปรดพ่อแล้วรู้ไหม ทีแรกคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้เห็นลูกสาวใส่ชุดเจ้าสาวก่อนตายแน่ๆ แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าผู้ชายแสนดีเพียบพร้อมอย่างพ่อนนท์จะมาตกหลุมรักเด็กสาวบ้านนอกแบบเอ็งได้”
“คุณลุงก็ชมผมเกินไปครับ ผมก็แค่...เห็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่ในตัวของหวานเย็นเท่านั้นเอง”
คำพูดของนนท์นธีทำหวานเย็นอายม้วนต้วน เธอนั่งบิดไปมาด้วยคิดไม่ถึงว่าเขาจะชมเธอออกมาตรงๆ แบบนี้ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะมีใจให้เธอนิดนึงก็ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพ่อผู้ใหญ่ยินดีที่จะให้หนูหวานเย็นมาเป็น เจ้าสาวของตานนท์ใช่ไหมจ๊ะ”
“ยินดีครับยินดี เอาไปได้เลยครับ ผมแถมข้าวสารกับหมูหลังบ้านให้สามตัวเลย”
“พ่อ! นี่ลูกไหมล่ะ” หวานเย็นหันไปแยกเขี้ยวใส่บิดา
“เดี๋ยวย่าขอคุยเป็นการส่วนตัวกับพ่อผู้ใหญ่หน่อยนะ ตานนท์ หลานพาว่าที่เจ้าสาวเข้าเมืองไปหาดูของชำร่วยกับชุดแต่งงานเถอะ เดี๋ยวย่าให้พ่อผู้ใหญ่ไปส่งเอง”
“ใช่ๆ เดี๋ยวลุงไปส่งให้เอง พ่อนนท์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” นนท์นธีกับหวานเย็นมองหน้ากันก่อนจะยอมพยักหน้ารับคำของผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วพากันเดินออกจากบ้านมา
ทันทีที่ลงมาถึงใต้ถุน หวานเย็นก็ดึงชายเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้จากด้านหลัง เขาหันกลับมามองเธองงๆ หญิงสาวดูมีอาการเขินอายแปลกๆ แก้มทั้งสองข้างของเธอแดงแปร๊ดเหมือนลูกตำลึงสุก ทำเอานนท์นธีต้องจับเธอเชยคางขึ้นเพื่อมองให้เต็มตา
“ไม่สบายเหรอ”
“ฮะ?” หวานเย็นขานรับงงๆ
“หน้าแดงขนาดนี้ เป็นไข้ใช่ไหมเนี่ย”
เขาใช้มืออังที่หน้าผากเธอเพื่อวัดอุณหภูมิ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดไปไกล หวานเย็นก็ดันตัวเขาออกห่าง
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฉันสบายดีนะ”
“แล้วทำไมหน้าแดง?”
“เรื่องนั้นก็...ก็เพราะ...เพราะพี่นั่นแหละ”
“เพราะฉันเหรอ?” ชายหนุ่มชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก่อนขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ชายหนุ่มอ้าปากหวอถึงบางอ้อ
“อ๋อ...นี่อย่าบอกนะว่าเธอเชื่อเรื่องที่ฉันบอกกับลุงโย่งไปน่ะ”
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ หัวใจที่เคยฟูฟ่องก่อนหน้านี้ค่อยๆ ฟีบลง
“นี่ยัยลิง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันโกหก”
“อะไรนะ”
“ฉันก็แค่พูดไปเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยว่าทำไมเราถึงแต่งงานกัน เรื่องข้อตกลงสามเดือนอะไรนั่นก็มีแค่เธอกับฉันเท่านั้นที่จะรู้ ถ้าไม่แสดงละครอะไรออกไปบ้างคงน่าสงสัยน่าดู จริงไหมล่ะ”
หญิงสาวแค่นเสียงหัวเราะออกมา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ที่ไปนึกดีใจเสียมากมายตอนเขาชมว่าน่ารัก หลงจินตนาการเพ้อพกไปไกลว่าเขาอาจมีใจให้
“ฉันนี่มันโง่จริงๆ” เธอพูดใส่หน้าเขาด้วยสีหน้าเฉยชาเพราะความโกรธก่อนจะเดินหนีไปขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านของเธอก่อน นนท์นธีมองตามหลังไปอย่างงุนงงด้วยไม่เข้าใจว่าเธอโกรธเขาเรื่องอะไร
“วันนั้นของเดือนหรือไงนะ ทำไมดูหงุดหงิดจัง” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง
ตลอดทางที่นั่งบนรถมา หวานเย็นเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่พูดไม่จากับเขาสักคำ ผิดจากทุกที ปกติถ้าได้นั่งรถมากับเขาสองต่อสอง เธอจะชวนคุยจ้อไม่หยุดจนเขาต้องเป็นฝ่ายขอร้องให้เธอเงียบเสียงบ้าง ทว่าคราวนี้ เธอกลับปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา
“นี่ เป็นอะไรหรือเปล่า”
ความผิดปกติของเธอทำเขาอดห่วงไม่ได้ ถึงยังไงก็โตมาด้วยกัน และเธอก็เปรียบเหมือนน้องสาวของเขา ถ้าจะให้ทำเย็นชาใส่เหมือนเธอเป็นคนนอกเขาก็ทำไม่ลงเสียทีเดียว
“เป็นคนไม่น่ารัก” หญิงสาวตอบแกมประชด
“รู้ตัวด้วยเหรอ ฮะๆๆ”
“พี่นนท์!”
เมื่อเห็นเขาหัวเราะร่วนดูมีความสุขดี หวานเย็นก็ยิ่งโกรธ ชายหนุ่มเหลือบมองเธอที่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งก็อดเอ็นดูไม่ได้ ใช้มือข้างหนึ่งละจากพวงมาลัยไปจับศีรษะเธอโยกไปโยกมา
“โกรธเหรอ โกรธพี่เป็นด้วยเหรอ”
หวานเย็นนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ฝ่ามือของเขามันช่างอบอุ่นจนแทบร้อนในความคิดของเธอ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เมื่อไหร่ที่เขารู้ตัวว่าทำให้เธอโกรธ เขาจะมาทำใจดีด้วยแล้วมักเปลี่ยนสรรพนามมาเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เป็นประจำ แต่พอเธอหายโกรธ เขาก็กลับไปเป็นคนเดิมทุกที
เป็นผู้ชายประเภทเอาใจยากสำหรับหวานเย็นเหลือเกิน
“เอางี้ เดี๋ยวฉันเลี้ยงไอติม”
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
“ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนเขางอนแก้มป่องเป็นเด็กสามขวบแบบนี้หรอกน่า”
เขาดึงมือกลับไปแล้วหักเลี้ยวรถเข้าลานจอดที่ว่างอยู่ รอจนรถจอดสนิท หวานเย็นก็ลงจากรถ ในใจอดกังวลไม่ได้ว่าการเลือกชุดแต่งงานและของชำร่วยในวันนี้จะเป็นยังไง
“ดูท่าคุณย่าคงคิดจะจัดงานใหญ่ ถึงได้ให้มาซื้อของถึงในเมือง”
“แล้วเมื่อคืนพี่คุยกับคุณย่าว่ายังไงบ้างเหรอ ท่านอยากให้จัดงานแต่งเมื่อไหร่”
“อีกสามวัน”
“อ๋อ...”
“...”
“ฮะ?! อีกสามวัน เดี๋ยวสิ ทำไมคุณย่ารีบขนาดนั้นล่ะ”
หวานเย็นตกใจ เธอยังไม่ทันตั้งตัวเลยนะ อีกสามวันก็จะได้เป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่แอบรักมาตลอดแล้ว สวรรค์อยากเห็นเธอดีใจจนช็อคตายเร็วขนาดนั้นเลยหรือไร
“เพราะแบบนี้วันนี้พวกเราถึงต้องเลือกซื้อทุกอย่างให้เสร็จ เห็นคุณย่าบอกว่าเรื่องอื่นๆ ท่านจะจัดการเอง ยังไงก็มาลุยกันต่อจนกว่าจะครบสามเดือนแล้วกันนะ”
“ย้ำอยู่นั่นแหละ สามเดือนๆๆ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง
“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มเอี้ยวตัวกลับมาทำเมื่อรู้สึกได้ยินบางอย่างแว่วๆ
“เปล่านี่ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ”
เธอออกตัวปฏิเสธแล้วรีบเดินนำเขาไปเหมือนรู้ทัน เห็นแบบนั้น นนท์นธีจึงต้องรีบคว้าคอเสื้อเธอเอาไว้จากด้านหลังแล้วออกแรงยกเธอกลับมา
“ทางนี้ต่างหาก”
“พี่เลิกยกฉันเหมือนฉันเป็นตุ๊กตาสักทีได้ไหม”
“ก็สูงให้เกินร้อยห้าสิบห้าก่อนสิ”
“นี่บูลลี่ส่วนสูงเหรอ คิดว่าตัวเองสูงนักหรือไง”
“อย่างน้อยก็สูงกว่าเธอสามสิบห้าเซ็นต์ล่ะนะ”
เขาตอบกลับโดยไม่ก้มมองหน้าเธอเสียด้วยซ้ำ
หวานเย็นมุ่ยหน้าด้วยความขัดใจ ได้เถียงกันเมื่อไหร่เป็นต้องแพ้เขาทุกทีสิน่า นนท์นธีปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเธอแล้วชี้นิ้วไปที่ร้านขายชุดแต่งงานร้านหนึ่งซึ่งใหญ่ที่สุดในอำเภอแล้ว
“ร้านนั้นแล้วกัน”
“ดะ...เดี๋ยวสิพี่นนท์ ร้านนั้นท่าทางแพงมากเลยนะ” หวานเย็นรั้งแขนเขาเอาไว้
“แล้วยังไง เธอคิดว่าในตลาดนัดจะมีชุดแต่งงานขายเหรอ มันก็ต้องร้านแบบนี้ทั้งนั้นแหละ”
“ตะ...แต่ว่า...” หญิงสาวลังเล การแต่งงานนี้ก็แค่การแต่งงานในนามเพียงสามเดือน ถ้าจะต้องทุ่มงบมากมายขนาดนี้เธอก็คิดว่ามันไม่เหมาะ
“ถึงจะเป็นแค่การแต่งงานสั้นๆ แต่การแต่งงานก็คือการแต่งงาน ผู้หญิงที่จะมาเป็นเจ้าสาวของนนท์นธีต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดและไม่น้อยหน้าใครทั้งนั้น แน่นอนว่าเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
นนท์นธีที่พอจะเดาความคิดของหวานเย็นได้โน้มหน้าลงมาพูดกับเธอ ใบหน้าที่เรียบเฉยไม่แฝงความล้อเล่นของเขาทำให้เธอรู้ได้ว่าเขาพูดจริงและคิดเช่นนั้นจริงๆ
“อื้อ” เธอตอบรับในที่สุด นนท์นธียิ้มมุมปากก่อนจะลูบศีรษะเธอเบาๆ
“เด็กดี”
เพียงแค่นั้นก็เดินเข้าไปในร้านก่อน หวานเย็นมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความหลงใหล เธอยกมือขึ้นจับตรงจุดที่ถูกเขาลูบหัวเมื่อครู่
“อุ่นจัง”
แม้ว่าสถานะของเธอตอนนี้ยังคงเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งของเขา แถมเขายังมีแฟนตัวจริงอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ขอแค่สามเดือนเท่านั้น เธอขอแค่สามเดือนที่เธอจะฝันถึงเขาในฐานะ ‘สามี’ อย่างที่ใจต้องการ