"พ่อทศ พ่อได้กลิ่นอะไรหอมๆหรือไม่ขอรับ"
"อื่ม..ได้กลิ่นสิ"
"พ่อว่านี่คือกลิ่นอะไรหรือขอรับ"
"กลิ่นข้าวทิพย์ เป็นข้าวที่หอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งโลก"
ใช่แล้วครับทุกท่าน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่พระนารายณ์กำลังเตรียมตัวลงมาเกิดยังโลกมนุษย์
โดยที่ท้าวทศรถกษัตริย์เมืองอโยธยาจะให้เหล่าฤษีทำพิธีขอลูก โดยลูกที่เกิดมานั้นก็คือพระนารายณ์อวตารนั่นเอง
อีกหนึ่งอีเว้นที่เกิดขึ้นในกรุงลงกา คงจะหนีไม่พ้น การที่ทศกัณฐ์ให้กากนาสูรไปนำข้าวทิพย์มาให้นางมณโฑกิน ซึ่งผมค่อนข้างสงสัยว่า ถ้าทศกัณฐ์อย่างผมเนี่ย ส่งหนุมานไปเอาข้าวมาทั้งหมดมันจะเป็นยังไงนะ
ว่าแล้วก็ลงมือทำไปเลยสิครับ
"อินทรชิตลูกรัก"
"ขะ..ขอรับ"
อินทรชิตมองท่านพ่อของตัวเองที่จู่ๆมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับต่ออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็พลันคิ้วกระตุก เหมือนจะสัมผัสลางอะไรบางอย่างได้
"ไปเรียกหนุมารมาหาพ่อหน่อย พ่อไปรอที่ห้องแม่เจ้าหนา"
"อ่า..ได้เลยขอรับ"
แม้อินทรชิตจะมีความไม่เข้าใจอยู่บ้างแต่ก็ตอบตกลงกับผู้เป็นพ่อ แล้วตรงไปเรียกหนุมานให้ตามคำสั่ง
ส่วนทศกัณฐ์ก็ตรงไปหานางมณโฑ ซึ่งระหว่างนั้นเองก็ไปเจอนางนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นพอดี
"เจ้าพี่"
"อ้าว น้องมณโฑ ว่ายังไงจ๊ะ"
"เจ้าพี่ น้องได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หอมยิ่งนัก"
"น้องมณโฑ อยากกินหรือจ๊ะ"
"เจ้าค่ะ"
"ได้เลยจ่ะ เดี๋ยวพี่ให้คนไปหาเอามาให้"
แม้คนในร่างทศกัณฐ์ตอนนี้จะไม่ได้มีศักดิ์เป็นสามีของนางมณโฑ แต่การพูดเสียงอ่อนเสียงหวานแบบปากเคลือบน้ำตาลก็เป็นเรื่องที่เขาคิดว่าปฏิบัติไว้ก็มิเสียหายอันใด
พอทศกัณฐ์เข้าไปร่วมวงนั่งคุยกับนางมณโฑได้สักพัก หนุมานที่อินทรชิตไปตามก็มาพอดี
"พ่อทศ ลูกตามหนุมานมาให้แล้วขอรับ"
"ดีเลยๆ หนุมานข้ามีภารกิจให้ทำ"
"ทรงสั่งมาได้เลยขอรับ"
"เจ้าคงได้กลิ่นข้าวทิพย์ที่หอมตลบอบอวลนี่ใช่หรือไม่ พอดีมณโฑเขาอยากกินน่ะ ข้าเลยว่าจะวานเจ้าไปเอามาให้สักก้อน"
"ได้เลยขอรับ"
"แต่ถ้าจะให้ดี ไปเงียบๆอย่าให้ประเจิดประเจ้อเล่า"
"รับคำสั่ง กระหม่อมจะไปนำของที่พระองค์ทูลมาให้ตามสั่งขอรับ"
ผมยิ้มตอบหนุมานก่อนจะชวนอินทรชิตมาร่วมวงสนทนาด้วยกัน หนุมานแยกไปทำตามคำสั่งที่ได้รับ ส่วนอินทรชิตก็มานั่งคุยกับแม่ของตัวเองพร้อมทศกัณฐ์
"พวกเจ้าออกไปก่อน เราจะคุยกับลูกกับสามีสักเล็กน้อย"
หลังจากคุยสารทุกข์สุขดิบได้สักพัก นางมณโฑก็เหมือนมีเรื่องบางอยากอยากจะคุยกับผมและอินทรชิต นางจึงบอกให้เหล่าคนรับใช้ออกไปรอข้างนอกก่อน
และผมก็คิดว่าเรื่องที่จะคุยคงไม่พ้นเรื่องของอินทรชิตกับหนุมานเป็นแน่
"อินทรชิตลูก"
"ขอรับท่านแม่"
ทำไมซื้อหวยไม่ถูกงี้บ้างวะ
"ลูกไม่คิดจะคุยกับพ่อกับแม่หน่อยหรือ เรื่อง..เจ้ากับลิงเผือกนั่น"
มณโฑเปิดประเด็นมาอย่างไม่อ้อมค้อม ทางอินทรชิตก็เงียบไปเล็กน้อยเหมือนกับพูดอะไรไม่ถูก แต่พอเจ้าตัวหันมามองผมที่ยิ้มส่งกำลังใจให้ เจ้าตัวก็ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง
อย่างน้องหากท่านแม่ไม่ยอมรับอินทรชิตก็ยังมีบิดาที่คอยสนับสนุนเขาอยู่
"ลูก..ลูกกับหนุมาน..กำลังดูใจกันอยู่"
"แม่ว่ามิใช่แค่ดูใจแล้วกระมัง"
โอ้ว น้องมณโฑ ปากแซ่บเหมือนกันนะเนี่ย
อินทรชิตเงียบไปอึดใจนึงก่อนจะพูดต่อ "ลูกดูใจกันอยู่..แต่..อาจจะมีเกินเลยไปบ้าง ความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างซับซ้อน ลูกยังมีหลายอย่างที่ยังกังวลใจ.."
"หนึ่งในนั้นคือเรื่องของแม่ด้วยหรือไม่"
นางมณโฑยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความจริงจัง ทำเอาผมเองที่เป็นตัวประกอบฉากแอบขนลุกไปด้วยเลย
ที่นางมณโฑหมายถึงเรื่องตัวเอง คงจะหมายถึงว่าที่อินทรชิตไม่กล้าเปิดตัวไม่กล้าทำอะไรให้ชัดเจน คงเพราะกลัวนางจะรับไม่ได้ขึ้นมา
"แม้แต่ทศกัณฐ์ยังรู้เรื่องของลูกและรับสิ่งที่ลูกเป็นได้ ทำไมแม่ที่เป็นแม่แท้ๆของเจ้าจะรับมิได้เล่า"
คนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาก่อนจะเข้าสวมกอดอินทรชิต ส่วนทางยักษาเองก็มิได้ปฏิเสธอ้อมกอดมารดา เข้าสวมกอดอีกฝ่ายเช่นกัน
ผมเองที่ได้เห็นภาพแม่ลูกรักกันกลมเกรียวก็ปาดน้ำตาทิพย์ป้อยๆ อย่างน้อยแม่ลูกก็อาจจะได้เข้าใจกันมากขึ้น
หลายชั่วอึดใจผ่านไปทั้งสองจึงได้ผละตัวกันออก นางมณโฑเองจึงเสริมเรื่องที่คุยกันค้างไว้ก่อนหน้านั้น
"แต่ถึงแม้ลูกจะเป็นบุรุษ ก็มิได้หมายความว่าเจ้าจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้ไอ่ลิงนั่นได้ตลอดหนา"
"ท่านแม่.."
อินทรชิตตอบเสียงอ่อยแต่หน้ากลับขึ้นสีอย่างเขินอาย
"อะแฮ่ม..เอาเป็นว่าเจ้าจะแต่งสะใภ้หรือแต่งเขยก็บอกแม่อีกทีละกัน"
"ท่านแม่!"
อินทรชิตว่าเสียงดังขึ้นเพื่อจะปรามผู้เป็นแม่ให้หยุดหยอกเย้าตนเสียที เท่านี้ตนก็มิรู้จะเอาหน้าไปมุดที่ใดแล้ว
"โถ่น้องมณโฑ เรื่องแบบนี้มันก็ชัดเจนแล้วมิใช่หรือ ว่าเราจะได้ลูกเขยเป็นลิงเผือกน่ะ"
ท่านพ่อก็เอากับเขาด้วยหรือ!! แงงงง!!