ตอนที่ 10
“รีบไปกันเถอะ..เบส เดี๋ยวจะมืดระหว่างทาง” จิราภรที่ขยับตัวนั่งในท่าที่เรียบร้อยแล้วจึงรีบบอกกับเด็กหนุ่มทันที
“ขอโทษนะครับน้าฝ้าย” ชญานนท์เอ่ยขอโทษอย่างสุภาพก่อนจะโอบกอดเธอเพื่อขับรถออกไป ส่วนพิมพ์ชนกก็ใช้เสื้อคลุมของชญานนท์ปิดกระโปรงที่สั้นจู๋เอาไว้ก่อนจะขึ้นซ้อนในลักษณะนั่งข้าง ทั้งสามคนออกเดินทางมาได้สักระยะ ชญานนท์ก็ต้องเบรกรถมอเตอร์ไชด์กะทันหันเพราะมีรถยนต์คันหนึ่งขับมาตัดหน้าเพื่อที่จะเลี้ยวเข้าซอย
“ว๊าย!..... เบรกเบา ๆ สิ ฉันจะตกอยู่แล้ว!” พิมพ์ชนกรีบคว้าเอวชญานนท์เอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ขอโทษครับคุณพิมพ์ พอดีรถคันเมื่อกี้ตัดหน้าผมครับ”
“ยัยพิมพ์ถ้ากลัวนักก็มานั่งข้างหน้าสิ” จิราภรรีบบอกลูกสาว ไม่นานนักคนที่นั่งด้วยความระแวงก็บอกให้คนขับจอดทันที
“ไม่เอาแล้ว..จอด ๆ” ชญานนท์จำต้องจอดตามคำสั่งของเธอ เมื่อจอดมอเตอร์ไชด์คันโปรดเรียบร้อยแล้ว ทั้งจิราภรและชญานนท์ต่างก็ตกใจ ชญานนท์นั้นคิดว่าเธอต้องลงมาเอาเรื่องเขาแน่ ๆ แต่ทันใดนั้นกระโปรงที่ผ่าข้างถูกมือเรียวบางจับฉีกขึ้นไปอีกจนเกือบจะสุดโคนขาจากนั้นเธอก็ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไชด์ทันที
“เอาเสื้อของนายคืนไป” เธอคืนเสื้อคลุมให้กับชญานนท์เขารับไปแล้วยื่นให้กับจิราภรแทน ทั้งสามออกเดินทางกันต่อไปเรื่อย ๆ ทางก็เริ่มมืดลง ชญานนท์ลดความเร็วลงและหันไปบอกกับพิมพ์ชนกทางด้านหลัง
“ผมอนุญาตให้คุณพิมพ์เกาะเอวผมเอาไว้ได้ครับ จะได้ปลอดภัย” ใช่เธอนั่งห่างเขามากจนแทบจะตกอยู่แล้ว แต่เขาไม่รู้จะบอกเธอยังไง
“เชอะ..ฉันไม่หลงกลนายหรอก” เธอเบ้ปาก
“ป่าวครับ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น เพียงแต่กลัวว่า....”
“ว๊าย!!.. เสียงตกใจเมื่อรถเบรกอีกครั้ง คราวนี้พิมพ์ชนกถูกเทไปตามแรงเบรก ทรวงอกนุ่มแนบชิดกับแผ่นหลังชญานนท์ทันที
“เป็นอะไรอีกยัยพิมพ์ ไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไชค์หรือไง ร้องอยู่ได้” จิราภรที่รำคาญลูกสาวจึงพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับน้าฝ้าย” ชญานนท์รีบบอกแม่เลี้ยงสาว เพราะตอนนี้พิมพ์ชนกไม่ดิ้นแล้วตัวเธอแนบติดเขาเป็นปาท่องโก๋เลยทีเดียว
“ถ้าแกกลัวนักก็มานั่งข้างหน้าเลย” จิราภรดุลูกสาวเพราะกลัวกลับไม่ถึงบ้านสักที
“ก็ชั้นตกใจ..นี่แม่” พิมพ์ชนกเถียงผู้เป็นมารดาทันที
ตอนนี้ชญานนท์อยากให้ระยะทางกลับบ้านมันไกลออกไปอีก เพราะหน้าอกอวบของพิมพ์ชนกแนบชิดแผ่นหลังเขาอยู่ ชญานนท์ขับรถมาด้วยความเพลิดเพลิน ‘ทำไมมันนุ่มอย่างนี้นะ บุญของไอ้เบสจริง ๆ เลย’ ไม่นานนักความสุขของเด็กหนุ่มก็ได้จบลงเมื่อเขาขับรถพาทุกคนมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย
“ขอบใจนะเบส ที่ไปรับน้ากับลูก” จิราภรขอบใจเด็กหนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับน้าฝ้าย ผมเต็มใจ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้สองแม่ลูก ส่วนพิมพ์ชนกเธอแค่ยิ้มเขาให้แล้วเดินจากไป
“ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมจะไปตามช่างมาซ่อมรถให้นะครับ” ชญานนท์รีบบอกแม่เลี้ยงสาวก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายเดินเข้าห้องของตัวเอง
“ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าจะไปกับเบสด้วย”
“ครับน้าฝ้าย”
เช้านี้เป็นวันหยุดพอดี ทุกคนเลยอยู่ในบ้านด้วยกันพร้อมหน้า ชญานนท์กำลังจะออกไปตามช่างซ่อมรถ แต่เขาก็ต้องพบกับข่าวร้ายก่อนออกจากบ้าน เพราะทางอุทยานโทรมาแจ้งกับจิราภรว่าคุณจิราวัฒน์ได้หายเข้าไปในป่าตั้งแต่เมื่อวาน
“ทำใจดี ๆ ไว้ครับน้าฝ้าย คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ” ชญานนท์รีบปลอบแม่เลี้ยงเมื่อเห็นเธอทรุดนั่งลงไป
“น้าฝ้ายรอฟังข่าวคุณพ่ออยู่ทางนี้ดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมจะไปตามช่างซ่อมรถให้เอง”
“ขอบใจมากนะเบส” ชญานนท์เดินออกไปรอขึ้นรถเมล์ เพราะว่าเขาจะต้องเป็นคนขับรถกลับ
แพทและพลอยที่ตื่นแล้วต่างช่วยกันลงมาทำอาหารเช้าแทนชญานนท์ ซึ่งก็ทำให้จิราภรปลื้มใจกับลูก ๆ ที่ไม่ได้ทำตัวเป็นภาระ หลังจากชญานนท์ตามช่างมาซ่อมรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขับรถกลับมาแต่ก็เกือบบ่ายแล้ว
"เบส น้าว่าเบสทานข้าวสักหน่อยเถอะ เมื่อเช้าก็รีบจนไม่ทันได้กินอะไร" จิราภรเป็นห่วงเด็กหนุ่มเพราะว่าเขาต้องขับรถอีกไกล
"ครับน้าฝ้าย" ชญานนท์รับคำแม่เลี้ยงแล้วเดินเข้าครัวไป
"เบสทานข้าวเสร็จแล้ว น้าว่าเราออกเดินทางสักสองทุ่มดีมั้้ย จะได้ไปถึงที่โน่นเช้า" จิราภรรีบบอกเด็กหนุ่มเกี่ยวกับแผนการในหัวที่วางเอาไว้ เพราะถ้าไปถึงตอนมืดค่ำก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี และอาจจะต้องเสียตังค์ค่าที่พักโรงแรงอีกต่างหาก
"ใช้เวลาเดินทางประมาณ หกชั่วโมงครับน้าฝ้าย เราออกสี่ทุ่มก็ยังทันครับ"
"อ๋อ งั้นเอาตามที่เบสบอกก็ได้จ้ะ"
"ทำไมคุณแม่ต้องรีบไปด้วยละคะ รอฟังข่าวอยู่ที่นี่วันหนึ่งก่อนก็ได้" พิมพ์ชนกที่ได้ยินทั้งสองคุยกันจึงเสนอความคิดของตัวเองบ้าง
"เอาไงดีเบส" จิราภรเริ่มเห็นด้วยกับลูกสาว
"เอาอย่างที่คุณพิมพ์บอกก็ได้ครับ..น้าฝ้าย เราอยู่รอฟังข่าวอีกสักวันหนึ่ง ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีข่าวคืบหน้า ช่วงเย็น ๆ เราค่อยออกเดินทางกัน" เขายิ้มให้พิมพ์ชนกที่เสนอความคิดเห็น
******************************************************************************************************************************************
เช้าวันนี้ทีมสำรวจก็ออกตามหาจนไปพบร่างคุณจิราวัฒน์ที่ถูกเสือกัดตายในป่าแห่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ได้โทรแจ้งข่าวร้ายกับจิราภร เธอร้องไห้และวิ่งหน้าตาตื่นมาหาชญานนท์ทันที
“เบส เจ้าหน้าที่ของอุทยานโทรมาแจ้งว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว”
“อะไรนะครับ...น้าฝ้าย” ชญานนท์ตกใจ แต่ก็ต้องรีบเข้มแข็งเพราะแม่เลี้ยงของเขากำลังจะเป็นลม จนพูดผิด ๆ ถูก ชญานนท์ได้ยินเธอคุยกับเจ้าหน้าที่ต่อจากนั้นอีกไม่กี่คำ เธอก็เป็นลมไป ชญานนท์อุ้มร่างแม่เลี้ยงสาวมานอนพักที่ห้องของเธอ จากนั้นจึงเดินไปบอกให้พิมพ์ชนกมาคอยดูแล
“เบส...น้าจะไปรับศพคุณพ่อเบส แต่น้าขับรถไม่ไหว” จิราภรที่หายจากอาการหน้ามืดเมื่อสักครู่ก็รีบเดินมาบอกกับชญานนท์ทันที
“ผมขับให้ก็ได้ครับ..น้าฝ้าย ยังไงผมก็ต้องไปรับคุณพ่อเหมือนกัน” ชญานนท์รีบประคองแม่เลี้ยงไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะหายาดมมาให้เธอ เมื่อพชรมนและพลอยชมพูทำอาหารเช้าเสร็จก็ออกมาตามทุกคนไปทานข้าว และทุกคนในบ้านที่เหลือก็ได้รู้ข่าวร้ายพร้อมกันบนโต๊ะอาหาร
“น้าฝ้าย ทานข้าวสักหน่อยเถอะครับ ถ้าไปถึงเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีกจะลำบากเอานะครับ” พูดจบชญานนท์ก็ตักอาหารใส่จานให้แม่เลี้ยงสาว ใบหน้าเธอซีดเซียวเพราะเมื่อคืนคงไม่ได้นอน เพราะมัวแต่รอฟังข่าวของผู้เป็นสามี
“ทับเทวาอยู่กลางป่ากลางเขาซะขนาดนั้น โรงพยาบาลก็อยู่ไกล แม่จะให้ตัวเองเป็นอะไรไปตอนนี้ไม่ได้นะคะ” ลูกสาวคนเล็กของเธอรีบเตือน และทุกคนในบ้านก็ได้ดูข่าวการเสียชีวิตไปพร้อมกันอีกครั้งทางหน้าจอทีวีของข่าวช่องหนึ่ง