ตอนที่ 9
“ต่อไปนี้มึงเลิกยุ่งกับน้องสาวกูได้ละ อย่าให้กูเห็นว่ามึงมาเกาะแกะกับน้องสาวกูอีก” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับเพื่อเดินมาที่รถของตัวเอง นายอั้มคว้าไม้ที่อยู่บริเวณนั้นได้ก็ลุกขึ้นมาหมายจะฟาดเข้าไปที่กลางหลังของชญานนท์
“พี่เบส!!.. ระวัง!!” เด็กสาวกรีดร้องตะโกนเพราะกลัวชญานนท์จะได้รับอันตราย เขาหันเอาแขนไปรับไม้นั้นแล้วกระชากออกจากมือ พร้อมกับตะบันใส่หน้าของมันอย่างไม่ยั้งจนมันลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง และคราวนี้คงจะหนักกว่าเดิม
“มึงอย่าเล่นทีเผลอ ลูกผู้ชายเขาไม่เล่นข้างหลังกันหรอกโว๊ย!.” ชญานนท์เดินกลับมาที่รถอีกครั้ง แล้วขับออกไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไปคนเมาหมัดลุกขึ้นมาสตาร์ทรถได้ก็รีบบึ่งออกไปทันที
“พี่เบส ต่อไปนี้พี่ต้องระวังตัวนะ ไอ้พี่อั้มมันพวกเยอะ” พชรมนรีบเตือนพี่ชายเขาทันที เธอแอบปลื้มเขาหนักเข้าไปอีก แขนเรียวเล็กเอื้อมไปกอดเอวเขาเอาไว้และมือเรียวบางก็ประสานเข้าหากัน
"แขนพี่โดนไม้ฟาดเจ็บมากมั้ยคะ"
“พี่..ไม่เป็นไรหรอก แพทอย่าห่วงเลย เรารีบกลับบ้านกันเถอะนะ” พูดจบชญานนท์ก็เอามือข้างหนึ่งมากุมมือของเธอที่ประสานกันเอาไว้ตรงเอวของเขา ชญานนท์ต้องชะลอความเร็วอีกครั้งเมื่อหล่อนเอ่ยถาม
“พี่จะรีบไปรับยัยพลอยใช่มั้ย..”
“ไม่รู้เหมือนกันไม่เห็นน้าฝ้ายจะโทรหรือไลน์มาบอกพี่เลย ถ้างั้นพี่ขอไปรับน้องพลอยอีกคนแล้วเราค่อยกลับกันนะ”
“ค่ะ...พี่เบส” เธอยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูแล้วโอบกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม แล้วแผ่นหลังของชญานนท์ก็ต้องร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อทรวงอกอวบอิ่มมากระทบ จากนั้นเธอซบหน้าไปที่ไหล่ของเขา พอถึงโรงเรียนของพลอยชมพู ชญานนท์ที่เห็นเด็กสาวนั่งรอคุณแม่ของเธออยู่คนเดียว ก็เลยรีบขับรถไปจอดรับ
“น้องพลอย ไปกับพี่มั้ย”
“ไปค่ะ..พี่เบส วันนี้คุณแม่ยังไม่มารับพลอยเลย จนเพื่อน ๆ พลอยกลับกันหมดแล้ว” เด็กสาวยิ้มอย่างดีใจแล้วเอาศีรษะลอดแขนชญานนท์เข้ามานั่งหน้าในตำแหน่งประจำของเธอ จากนั้นชญานนท์จึงขับรถออกไป
ระหว่างที่นั่งมอเตอร์ไชด์กลับบ้านพร้อมกันสามคน ชญานนท์ก็พาสองสาวแวะตลาด เพื่อซื้ออาหารสดไปช่วยกันอาหารสำหรับมือเย็น
เมื่อทั้งสามช่วยกันทำอาหารเย็นจนเสร็จ พลอยชมพูก็โทรตามคุณแม่ แล้วก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาชญานนท์
“พี่เบส แม่บอกว่า รถสตาร์ทไม่ติด”
“ใจเย็น ๆ ก่อนน้องพลอย แล้วตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่ทำงานค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่จะไปรับคุณแม่ให้เอง” ชญานนท์จึงรีบขับรถมอเตอร์ไชด์คู่กายออกไปด้วยความเร่งรีบพอชญานนท์ไปถึงก็เหลือเพียงรถของจิราภรจอดอยู่ที่ลานจอดรถเพียงคันเดียว เขารีบขับมอเตอร์ไชด์ไปหาเมื่อเห็นแม่เลี้ยงสาวยืนคอยอยู่
“ผมมารับครับ...น้าฝ้าย พรุ่งนี้ค่อยตามช่างจะดีกว่า”
“ขอบใจจ้ะ น้าก็ว่าจะโทรหาเบส แต่พอดียัยพลอยโทรมาเสียก่อน ตอนนั้นก็คิดว่าน่าจะโทรตามช่างได้ ไป ๆ มา ๆ ร้านแถวนี้ก็ไม่มีช่างออกมาดูให้เลย” จิราภรรีบบอกกับเด็กหนุ่ม
“แล้วคุณพิมพ์กลับไปแล้วเหรอครับ” ชญานนท์เอ่ยถามเมื่อไม่เห็นพิมพ์ชนกลูกสาวคนโตของจิราพร เพราะปกติลูกสาวคนโตจะรอกลับพร้อมแม่
จิราภรเป็นพนักงานที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาได้เกือบจะครบห้าปีแล้ว เธอไม่ได้เป็นอาจารย์ที่นี่แต่ทำงานด้านสนับสนุนการสอน ตามอัตราจ้างของทางมหาวิทยาลัย และตามสัญญาจ้างที่ต่อครั้งละ 5 ปี
“เดินออกไปร้านสะดวกซื้อแถวนี้แหละ เดี๋ยวน้าโทรตามก่อนนะ”
“ครับ”
“นั่นไง..ไม่ต้องโทรแล้วน้าฝ้าย คุณพิมพ์เดินมาโน่นแล้วครับ” พอพิมพ์ชนกมาถึงจิราภรก็รีบบอกลูกสาวทันที
“แม่โทรให้เบสมารับ รถเราคงต้องจอดทิ้งไว้ที่นี่” พิมพ์ชนกทำหน้าออกเซ็ง ๆ แล้วเอ่ยกับผู้เป็นมารดา
“แล้วทำไมแม่ไม่เรียกแท็กซี่ละ”
“ก็มันแพงนี่น่า เอาเหอะ ช่วงนี้แม่ต้องประหยัด” นึกแล้วก็น่าเห็นใจ ตั้งแต่สามีคนแรกที่เป็นทหารเสียชีวิตไป เธอก็ต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด ค่าใช้จ่ายก็มากมาย มีเพียงรถเก๋งคันเดียวเป็นสมบัติติดตัว ได้เงินจากที่สามีตายตอนเขาไปรบประเทศประเทศติมอร์มาหนึ่งก้อน หลังจากนั้นเธอก็มาพบรักใหม่กับคุณจิราวัฒน์พ่อเลี้ยงของชญานนท์ พ่อเลี้ยงของชญานนท์พาจิราภรไปอยู่ด้วยกัน แต่เขาก็ต้องถูกย้ายทำให้ทั้งคู่ต้องห่างกันอีกครั้งเมื่อสองปีที่แล้ว
“เออ..น้าฝ้ายครับ ต้องมานั่งข้างหน้าคนหนึ่ง ข้างหลังคนหนึ่งนะครับ”
“ไปแก...ยัยพิมพ์ ไปนั่งข้างหน้าเลย” จิราภรรีบบอกลูกสาวทันที
“แม่นั่นแหละไปนั่งหน้า” พิมพ์ชนกไม่ยอมเธออ้างว่าเธอนุ่งกระโปรงสั้นต้องนั่งหันข้าง
“เบส นั่งหลังสองคนไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“นั่งหลังสองคนถ้านั่งหันข้างเกรงว่าจะนั่งไม่พอครับน้าฝ้าย” อันที่จริงแล้วมอเตอร์ไชด์ของชญานนท์ถ้านั่งข้างหลังมากเกินจะทำให้น้ำหนักเทไปด้านหลัง ซึ่งเขาเป็นคนรักรถจึงยอมไม่ได้ เขาจึงรีบบอกทันที
“งั้นน้าไปนั่งข้างหน้าเอง” จิราภรเสนอตัว แต่ก็ยังไม่ขึ้นไปนั่ง
“ครับ” หลังจากนั้นพิมพ์ชนกก็กำลังจะขึ้นมาซ้อนท้ายแบบหันข้างแต่ยังขยับกระโปรงให้อยู่ในตำแหน่งที่มิดชิดไม่ได้ ชญานนท์ที่เห็นกระโปรงนักศึกษาของเธอสั่นเต่อแถมผ่าข้างก็เกรงว่าคงอีกนานกว่าเธอจะขึ้นมาซ้อนท้ายได้ เขาจึงรีบถอดเสื้อคลุมยื่นให้เธอ
“เอาเสื้อผมไปคลุมไว้ครับ จะได้ไม่เตะตาใคร” ชญานนท์พูดอ้อม ๆ ใจจริงเขาอยากจะบอกตรง ๆ ว่ากระโปรงสั้นขนาดนี้นั่งไปก็เปิดหว๋อกันพอดี
“คลุมเอาไว้ก็ดีเหมือนกันยัยพิมพ์ หัดนุ่งกระโปรงให้มันปกติบ้าง แต่งตัวแบบนี้ทุกวันอันตรายนะรู้มั้ย” จิราภรตำหนิลูกสาว
พิมพ์ชนกรับเสื้อคลุมไปพันรอบเอวเอาไว้แล้วขึ้นมานั่งซ้อนท้ายโดยไม่พูดอะไร ชญานนท์แอบมองกระจกหลังก็เห็นว่าเธอหน้าบึ้งเลยทีเดียว โดยไม่รู้ว่าเธอโกรธคุณแม่ที่ตำหนิ หรือว่าโกรธเขากันแน่
“น้าฝ้ายรีบขึ้นมาสิครับ” จิราภรที่ต่อว่าลูกสาวเมื่อสักครู่ก็ขยับร่นกระโปรงของตัวเองขึ้นเล็กน้อยที่สั้นอยู่แล้วก็เลยสั้นไปอีก หลังจากนั้นก็เอาก้นนิ่ม ๆ มาเบียดกับซอกขาของชญานนท์ทันที เด็กหนุ่มเลยต้องนั่งตัวเกร็ง เพื่อไม่ให้น้องชายไปโดนก้นแม่เลี้ยงสาว